ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 374 คืนก่อนวันพระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮา (๑)
- Home
- ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
- บทที่ 374 คืนก่อนวันพระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮา (๑)
“หอเฉี่ยนสุ่ย” หยุนชางพึมพำเบา ๆ พลันเกิดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก “ใช่แล้ว หม่อมฉันเกือบลืมไป พี่สาวที่แสนดีของหม่อมฉันกลับมาเมื่อวานนี้”
พูดจบ พลางเรียกเฉียนยินให้เข้ามาว่า”มิต้องไปจับจิ่งเหวินซีแล้ว ไปหาสตรีที่ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมมา เรียกให้เตี๋ยเอ๋อร์เป็นคนไปจับ. จากนั้นค่อยให้องครักษ์เงาไปกุมตัวหนิงหัวจิ้งมาให้เตี๋ยเอ๋อร์นำมาทรมาน พลางให้หนิงหัวจิ้งรับรู้เรื่องข้อตกลงระหว่างจิ่งเหวินซีและชางเจียคังหนิงเสีย”
“หอเฉี่ยนสุ่ยได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา. หนิงหัวจิ้งอยู่ด้านใน ไม่สามารถให้องครักษ์เข้าไปจับได้ ให้ข้าไปด้วยตนเองจะดีกว่า คงจะทำให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ด้วยดีแน่ อีกทั้ง “จิ้งอ๋องพลางพูดด้วยเสียงสองว่า “มอบให้ภรรยาลงโทษเป็นเช่นไร”
หยุนชางมิต้องคิดก็เข้าใจคำว่าลงโทษของเขาหมายความว่าอย่างไร ต่อหน้าเฉียนยินจะลงมือเช่นไรก็ไม่ได้ จึงได้แต่พูดด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “ท่านยังมิลุกออกจากที่นอนอีกหรือ หากช้ากว่านี้ ชางเจียคังหนิงและจิ่งเหวินซีคงได้เข้าวังเสียพอดี”
จิ้งอ๋องพลางร้องโอดครวญ พลันลุกขึ้นมาสวมใส่อาภรณ์ แล้วจึงหันหน้าไปหาหยุนชางพร้อมพูดว่า “เจ้าให้เฉียนยินอยู่ข้างกายเจ้าเสีย เกรงว่าวันนี้คงมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นเป็นแน่ นำองครักษ์เงาไว้ข้างกายเจ้าเยอะเสียหน่อยจึงจะดี”
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย จึงลุกขึ้นมาจากที่นอน พร้อมทั้งจัดระเบียบต่าง ๆ ให้เรียบร้อย แล้วจึงเดินทางไปเข้าวัง
ภายในพระราชวังเต็มไปด้วยความปิติยินดี. โคมไปสีแดงถูกนำมาห้อยตลอดสาย ทุกที่ล้วนแต่ถูกแต่งแต้มไปด้วยกระดาษสีแดงติดล้อมรอบ เต็มไปด้วยอักษรมงคลมากมาย หยุนชางมาถึงเร็วไปหน่อย จิ่นกุ้ยเฟยเพิ่งจะตื่นนอนกำลังมองดูแม่นมกำลังป้อนนมให้เฉินซีอยู่นั้น พลันเห็นหยุนชาง จึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน พร้อมลุกขึ้นมาว่า “ไปกันเถอะ พระราชวังชีอู๋ได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว. เดินไปดูเสียหน่อย”
หยุนชางพลันถามกลับว่า “หย่าผินเล่า ?”
จิ่นกุ้ยเฟยพลันยกมือขึ้นจิ้มไปที่ระหว่างคิ้วของหยุนชาง “ยังเรียกหย่าผินอยู่อีกหรือ เวลานี้ต้องเรียกนางว่าฮองเฮาแล้ว”
ฮองเฮาหรือ ? หยุนชางได้ยินดังนั้นพลันก้มหัวลงมิได้แสดงอาการอะไรออกมา จิ่นกุ้ยเฟยพลางถอนหายใจออกมา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้ากำลังโทษแม่ที่ไม่ยอมขึ้นเป็นฮองเฮางั้นหรือ ? ”
หยุนชางส่ายหน้าเบาๆ “หม่อมฉันเข้าใจความคิดของเสด็จแม่ การเป็นฮองเฮานั้น จะเป็นหรือไม่เป็น ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเสด็จแม่ ” ไม่ได้มีความแตกต่างอะไร หากจิ่นกุ้ยเฟยต้องการ นั้นจะเป็นเรื่องดี หากแต่เสด็จแม่ไม่ต้องการนั้น นางก็จะหาคนที่ไว้ใจได้เพื่อมาขึ้นเป็นฮองเฮาแทนนางเพื่อเป็นโล่เป็นหอกให้กับเสด็จแม่
“เกรงว่าหย่าผินจะอยู่ในวังของนางกระมัง ตอนนี้นางคงกำลังยุ่งกับการแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่ รอบ ๆ ล้วนแต่เต็มไปด้วยคนของจักรพรรดิที่สั่งให้คอยควบคุมดูแลอยู่ที่นั่น คงมิมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อนางแต่งตัวเสร็จแล้วคงจะเสด็จไปพระราชวังพร้อมกับองค์จักรพรรดิเพื่อกราบไหว้ฟ้าดิน หลังจากนั้นจึงไปตำหนักจินหลวนเพื่อไปรับตราประทับของฮองเฮา พร้อมจบพระราชพิธี” จิ่นกุ้ยเฟยจึงยิ้มออกมา พร้อมพูดว่า “หากแต่พวกเราจะมิได้เห็นพิธีการเหล่านั้น วันนี้เจ้าต้องค่อยช่วยแม่รับแขกตระกูลเหล่าเสนบดีทั้งหลาย ”
หยุนชางยิ้มรับ ดวงตาพลันแวววาวเปล่งประกาย ในพระราชพิธีฮองเฮานั้นล้วนแต่มีคนคอยสอดส่องรอโอกาสเป็นจำนวนมาก หากแต่วังหลังล้วนแต่เป็นสถานที่ ที่กำลังคุ้มกันอ่อนตัวลง หากแต่ตระกูลของชางเจี่ยคังหนิงนั้น เมื่อเห็นหนิงหัวจิ้งแล้ว ดวงตาของหยุนชางแย้มยิ้มออกมา พลันตั้งหน้าตั้งตารอว่าหนิงหัวจิ้งจะพาอะไรมาให้นางตื่นตาตื่นใจได้กัน
แม้ว่าพระราชวังชีอู๋นั้นจะถูกปรับปรุ่งขึ้นมาใหม่ หากแต่เต็มไปด้วยความสุข ทั้งภายในภายนอกตำหนัก เหล่าข้ารับใช้เมื่อเห็นหยุนชางและจิ่นกุ้ยเฟยเดินเข้ามานั้น พลางรีบร้อนย่อกายทำความเคารพ
มามาที่คอยจัดการเสื้อผ้าอภรณ์เดินออกมาจากตำหนัก เมื่อเห็นจิ่นกุ้ยเฟยเดินเข้ามา พลางรีบร้อนลุกขึ้นมาว่า “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเพคะ”
จิ่นกุ้ยเฟยพลางพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเดินเข้าไป ข้างนอกเต็มไปด้วยกระดาษสีแดงติดไปด้วยตัวอักษรมงคลสีแดงเต็มไปหมด บนโต๊ะมีเทียนสีแดงที่ได้จัดเตรียมไว้แต่ยังมิได้ถูกจุดจัดเตรียมไว้ เมื่อเดินเข้าไปด้านใน มีผ้าคลุมเตียงสีแดงสีทองสลับตัดกัน ผ้าที่แขวนอยู่ด้านบนเป็นลายมังกรเคียงหงส์ฟ้า บนเตียงพลันมีเมล็ดอินทผาลัม ถั่วลิสง ลำไย เมล็ดบัว เรียงเป็นคำอวยพรว่า มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง
หยุนชางพลางเหลือบมองไปยังใบหน้าของจิ่นกุ้ยเฟยนั้น เสด็จพ่อแต่งงานมาแล้วถึงสองครั้ง หากแต่เจ้าสาวทั้งสองล้วนแต่มิใช่นาง หลี่อี้หรานมาแทนที่นางขึ้นเป็นภรรยาของเสด็จพ่อ หากแต่นางกลับได้แค่ขึ้นเกี้ยวสีชมพูเข้าวังแต่เพียงเท่านั้น พระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮาของเสด็จพ่อในครั้งนี้ ก็เป็นนางอีกที่มิใช่ฮองเฮา อีกทั้งนางยังเป็นผู้จัดการงานในพระราชพิธีต่าง ๆ อีกด้วย หยุนชางครุ่นคิดภายในใจว่า แม้ตอนนี้นางจะมีเฉินซีแล้ว อีกทั้งยังมียศที่สูงส่งเช่นจิ่นกุ้ยเฟย เกรงว่านางจะต้องรู้สึกเศร้าภายในใจอยู่บ้าง หากแต่จิ่นกุ้ยเฟยใบหน้ากลับเรียบนิ่ง นิ่งเสียจนหยุนชางรู้สึกกังวลขึ้นมา พลางรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “ถึงแม้จะเร่งรีบไปหน่อย. หากแต่มิได้ขาดเหลือสิ่งใด ในขณะที่บรรดาเหล่าฮูหยินยังมิเข้ามา พวกเราไปหาอะไรลองท้องกันหน่อย ดีหรือไม่เพคะ”
จิ่นกุ้ยเฟย พลันพยักหน้าเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เจ้านี่มัน แมวตะกละ”
“ระหวางรอเหล่าสมาชิกตระกูลทั้งหลายเข้าวังนั้น เราไปนั่งพักผ่อนในอุทยานหลวงกัน กลางวันยังมีงานเลี้ยงในเกาะเผิงไหลอีกด้วย เมื่อยามบ่าย จักรพรรดิและฮองเฮาจึงจะกลับมาจากพระราชวัง แล้วจึงจะได้ตระเตรียมพระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮา พวกเราจะต้องรอที่ตำหนักจินหลวน จนกว่าพระราชพิธีจะเสร็จสิ้น แล้วจึงค่อยเข้าไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิและฮองเฮากัน แล้วค่อยกลับไปงานเลี้ยงที่ตำหนักจินหลวน” จิ้นกุ้ยเฟยพลางพูดคุยถึงรายละเอียดแผนการในวันนี้ หยุนชางจึงตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา ราวกับสติมิได้อยู่กับเนื้อกับตัว
เมื่อกลับมาถึงวังจิ่นซิ่วแล้ว หยุนชางกลับเห็นจักรพรรดิหนิงที่ควรจะยุ่งวุ่นวายที่สุด กลับยืนอยู่ที่กลางตำหนัก พลันโอบอุ้มเฉินซีอยู่ในอ้อมกอด เฉินซียกมือขึ้นมาลูบคลำอยู่บนคางของจักรพรรดิหนิง พลางหัวเราะอย่างมีความสุข ใบหน้าของจักรพรรดิหนิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลางอ้าปากงับมือเล็กๆ ของเฉินซีเข้าไป พร้อมทั้งหัวเราะออกมา เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของเฉินซี ยกมือขึ้นขยับไปมาแล้วพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมา
“เสด็จพ่อ ” หยุนชางก้าวเดินไปข้างหน้า พลางเดินไปยังเบื้องหน้าของจักรพรรดิ ในมือพลันยื่นออกไปจับมือเล็ก ๆ ของเฉินซี “เสด็จพ่อรับสำรับเช้ารึยังเพคะ ?”
เมื่อครู่ข้ารับใช้ในตำหนักได้รายงานจักรพรรดิหนิงแล้วว่าหยุนชางและจิ่นกุ้ยเฟยออกไปดูงานพร้อมกัน เมื่อได้ยินหยุนชางถามขึ้นมา จักรพรรดิหนิงมิได้รีบตอบ พลันหันหน้าไปหาจิ่นกุ้ยเฟยที่ใบหน้าเรียบเฉย ราวกับมิได้สนใจอันใดกับเขา จึงยิ้มออกมาว่า”อื้ม ข้ากินด้วย”
จิ่นกุ้ยเฟยจึงหันกลับมารับสั่งข้ารับใช้ให้เตรียมสำรับเพิ่มขึ้น หยุนชางหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมทั้งบีบแก้มของเฉินซีเบาๆ ว่า “เด็กน้อยโตเร็วมาก ทำไมหม่อมฉันคิดว่าเฉินซีราวกับค่อย ๆ โตขึ้นทุกวันเลยเล่า”
จิ่นกุ้ยเฟยหันไปมองเฉินซีทันที พลันขมวดคิ้วเบาๆ ว่า”งั้นหรือ ? แม่มิเห็นรู้สึก”
“เป็นเพราะเสด็จแม่เห็นทุกวันหรือเปล่า. เฉินซีของพวกเราโตขึ้นมาอีกวันแล้ว” หยุนชางหัวเราคิกคักตอบกลับมา
หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง เฉินซีพลันร้องให้งองแงออกมา จิ้นกุ้ยเฟยรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “เขาอาจะปวดเบาราดกางเกงเป็นแน่ ให้แม่นมคอยดูเถิด ” พูดจบพลางส่งเฉินซีให้แม่นม สำรับเช้าได้เตรียมจนเสร็จแล้ว
หยุนชางพาจักรพรรดิหนิงมานั่งที่เก้าอี้ พร้อมถามว่า “วันนี้เสด็จพ่อน่าจะยุ่งวุ่นวายมิใช่หรือ ? ทำไมถึงได้มีเวลามายังวังจิ่นซิ่วเพื่อดูเฉินซีได้กัน ”
จักรพรรดิหนิงพลันชำเลืองมองสีหน้าของจิ้นกุ้ยเฟยอย่างระมัดระวัง หากแต่สีหน้าของจิ่นกุ้ยเฟยกลับเรียบนิ่ง พลางบอกให้ข้ารับใช้นำสำรับขึ้นมาส่ง ราวกับมิได้สนใจสิ่งที่เขาทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่เลย แววตาของจักรพรรดิหนิงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พร้อมพูดออกมาว่า “เรื่องทุกอย่างล้วนแต่มีคนจัดการให้หมดแล้ว วันนี้มิค่อยได้พักผ่อนเลย หากแต่เคยชินกลับการตื่นแต่เช้า เมื่อตื่นขึ้นมากลับไม่มีอะไรให้ทำ จึงเดินมายังวังจิ่นซิ่ว”