ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 379 ถูกเปิดโปง (๑)
จิ้งอ๋องอมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหยุด จากนั้นก็มองดูนิ้วของหยุนชาง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ตอนนี้จะไม่มีเลือดออกแล้ว แม้แต่หยดเลือดเจ้าก็ทำไม่เป็น ดูนี่สิกรีดจนเป็นแผลใหญ่ขนาดนี้ ประเดี๋ยวกลับไปที่จวนแล้วยาลืมทายาล่ะ” เขาหยุดไปสักพักแล้วจึงกล่าวต่อว่า ” ช่างเถอะ เจ้าจำไม่ได้อยู่แล้วว่าต้องทายา ข้าจำได้ก็พอ”
หยุนชางก้มหน้าลงและจับมือจิ้งอ๋องไว้ ปลายนิ้วของนางสั่นเล็กน้อย นางรู้สึกอบอุ่นอยู่ในหัวใจ เพียงแต่กลับรู้สึกหน่วงๆอยากร้องได้
ผู้ชายคนนี้…จะทำยังไงดี ดูเหมือนว่านางจะรักเขามากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ
“เลือดผสมเข้าหากันแล้ว” เสียงที่ตื่นเต้นของหัวหน้าเจิ้งดังขึ้นในห้องโถงอันเงียบงัน ซึ่งปลุกสติของทุกคนขึ้นมา และทุกคนก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อสักครู่นี้เกิดอะไรขึ้นในห้องโถงนี้
เลือดผสมเข้าหากันแล้ว หากเป็นเช่นนี้ ตัวตนของพระชายาจิ้งอ๋องจึงหมดความน่าสงสัยแล้ว สีหน้าของจิ่งเหวินซีขาวซีด นางพึมพำ “เป็นไปได้อย่างไร เป็นเยี่ยงนี้ได้อย่างไร หญิงสาวที่เสียชีวิตไปแล้วนั่นสิจึงจะเป็นหนิงหยุนชางตัวจริง……………..”
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ก็อมยิ้มขึ้นมา นางทราบดีว่าจิ่งเหวินซีกำลังพูดถึงใคร ตอนนั้นเมื่อนางไปถึงวิหารแคว้นหนิง หลังจากที่ท่านตารับตัวนางไป ท่านตาก็ได้นำตัวผู้หญิงคนนั้นมาเพื่อปลอมตัวเป็นนางแล้วอาศัยอยู่ในวิหารเพื่อตบตาผู้อื่น ก่อนที่จะกลับพระราชวัง นางได้สั่งการให้ฉินยีไปจัดการหญิงสาวนั้นเสีย ฉินยีไม่มีวิชาต่อสู้ นางคงไม่ทราบว่ามีคนแอบติดตามนางไป
นับว่าเป็นความผิดของนางที่ไม่สามารถจัดการกับผู้หญิงคนนั้นได้อย่างหมดจด ฉะนั้นจึงทำให้คนอื่นได้ถือโอกาสนี้มาสร้างปัญหานี้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม จิ่งเหวินซีไม่ทราบหรอก ว่าหญิงสาวนั้นไม่ใช่หยุนชางตัวจริง นางเป็นเพียงคนที่ท่านตานำตัวมาเพื่อปลอมตัวเป็นนาง
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย จิบชา แล้วเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จะว่าไปแล้ว แม่นางจิ่งเอาแต่โวยวายว่าข้านั้นเป็นตัวปลอม อีกทั้งยังบอกอีกว่าข้าลอบสังหารพระราชธิดา และได้ทำผิดกฎหลอกลวงเบื้องสูง ข้าแสดงตามน้ำไปกับเจ้า แม่นางจิ่งมีความผิดใส้ร้ายพระราชธิดา เช่นนี้จะต้องลงโทษอย่างไรหรือ?ผู้พิพากษาสูงสุดแห่งศาลต้าหลี่อยู่ที่นี่หรือไม่? ”
ชายวันกลางคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ ตอบอย่างรวดเร็วว่า “เรียนพระชายา หม่อมฉันอยู่ที่นี่ขอรับ”
หยุนชางหัวเราะเบา ๆ “เจ้าบอกกับข้าได้หรือไม่ ว่าโทษของแม่นางจิ่ง ต้องจัดการอย่างไร?”
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่กล่าวอย่างรวดเร็วว่า “เรียนพระชายาขอรับ การใส่ร้ายพระราชธิดา โทษประหารชีวิตขอรับ ส่วนพระสงฆ์เหล่านี้ซึ่งให้ความเท็จ ก็จะต้องถูกจำคุกตลอดชีวิตและต้องโชว์ตัวประณามทั่วเมืองขอรับ”
หยุนชางพยักหน้าช้าๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ “อืม การดูหมิ่นพระราชธิดานั้น โทษประหารชีวิต แต่ข้าพึงนึกขึ้นได้ว่า แม่นางจิ่งผู้ที่อยู่ตรงหน้าเรานี้ เหมือนว่าได้กระทำความผิดหลอกลวงเบื้องสูงเสียด้วย โทษทั้งสองรวมกัน ข้าเกรงว่าคงต้องประหารด้วยวิธีทัพม้าแยกส่วนกระมั้ง ”
ขณะที่หยุนชางกล่าว นางก็หันหน้าไปยิ้มให้จิ่งเหวินซีและถามเบา ๆ ว่า ” ใช่หรือไม่ เสด็จพี่……….”
คำว่าเสด็จพี่นั้นนางเรียกได้อ่อนโยนอย่างมาก แต่กลับชัดเจนอย่างมากเมื่ออยู่ในห้องโถงที่ทุกคนเงียบเพื่อฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง
ความเกรงกลัวนั้นฉายแววผ่านดวงตาของจิ่งเหวินซี สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนไป นางขมวดคิ้วและกล่าวว่า “วันนี้พระชายาได้รับการกระทบและเบลอไปแล้วหรือเพคะ จึงเรียกหม่อมฉันว่าเสด็จพี่….”
“หึ…” หยุนชางหัวเราะเบาๆ แล้วหันหน้าไปกล่าวต่อจิ้งอ๋องว่า “ท่านอ๋องเพคะ สั่งให้คนไปนำตัวแม่นางจิ่งตัวจริงเข้ามาในวังเถิด ให้ทุกคนได้เห็นว่าใครคือตัวจริงใครคือตัวปลอม”
จิ่งเหวินซีตะลึง แล้วหันไปมองจิ้งอ๋อง แต่พบว่าใบหน้าของเขายังคงเย็นชา แต่เขาแค่พยักหน้าแล้วตามขันทีมาพร้อมกล่าวว่า ” ขอรับกวนเจ้าไปที่นอกตำหนักแล้วบอกกับผู้ติดตามของข้าว่า ให้เขาไปเชิญแม่นางจิ่งเข้าวัง”
ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของจิ่งเหวินซีแข็งทื่อ นางมองไปที่หยุนชางอย่างกะทันหัน และหัวเราะเยาะเย้ย “ที่แท้ก็เจ้านี่เองที่นำตัวจิ่งเหวินซีไป ข้าก็ว่าล่ะ เหตุใดจู่ๆนางจึงหายตัวไป หากเท่าไหร่ก็หาไม่เจอเสียที”
ทันทีที่พูดแบบนี้ ทุกคนในห้องโถงก็มองหน้ากันอีกครั้งด้วยสายตาประหลาดใจ คนๆ นี้ไม่ใช่จิ่งเหวินซีอย่างนั้นหรือ? เมื่อสักครู่นี้พระชายาจิ้งอ๋องเรียกนางว่าอย่างไรนะ? เสด็จพี่หรือ? หรือว่านางคือองค์หญิงหัวจิ้ง?
จักรพรรดิหนิงก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาจ้องไปที่ผู้หญิงในชุดแดงเป็นเวลานาน แล้วจึงขมวดคิ้ว และเรียกออกมาเบาๆอย่างลังเลว่า “หัวจิ้ง?”
หญิงชุดแดงเมินเฉย นางจ้องมองไปที่หยุนชาง แล้วขมวดคิ้ว “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
หยุนชางหัวเราะ “ข้าสงสัยตั้งแต่ที่เจ้ามาที่อุทยานหลวงแล้ว……” เพราะเมื่อเช้าจิ้งอ๋องได้บอกกับนางแล้วว่า เขาได้จับตัวจิ่งเหวินซีไปแล้ว ที่ผ่านมานางเชื่อในคำพูดของจิ้งอ๋องเป็นอย่างมาก แน่นอนว่านางต้องสงสัยจิ่งเหวินซี เพียงแต่ตอนนั้นสงสัยว่าผู้คุ้มกันนั้นไม่เข้มงวดเท่าที่ควร จึงปล่อยให้นางหนีไปwfh
“ต่อมา ข้าเห็นว่าแววตาที่เจ้ามองไปที่เฉินซี เป็นความแค้นที่รุนแรงอย่างมาก ข้าจึงสงสัยมากขึ้น ฉะนั้นข้าจึงไม่ให้เจ้าเข้าใกล้เฉินซี จากนั้นที่ข้าล่อเจ้าให้ไปที่ศาลา และแสร้งทำเป็นล้มลง แล้วจับมือเจ้าไว้ ข้าถือโอกาสนั้นจับเส้นชีพจรของเจ้า และชีพจรของเจ้านั้นมีหารตั้งครรภ์ประมาณสามถึงสี่เดือนแล้ว” เสียงของหยุนชางนุ่มนวล แต่แววตานั้นเย็นชา “ข้าจึงเดาว่าเป็นเจ้า ในเวลาแบบนี้ ในเมื่อเจ้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว เช่นนั้นก็คงต้องปรากฏตัวอย่างแน่นอน”
หนิงหัวจิ้งทำเสียงไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็ดึงหน้ากากหนังคนออกอย่างกะทันหัน เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงาม เพียงแต่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“เจ้าทราบแล้วว่าเป็นข้า แต่กลับไม่เปิดเผย เจ้าคงอยากเห็นว่าข้าคิดจะทำอะไรใช่หรือไม่?” หนิงหัวจิ้งกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ “น้องสาวของข้า ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าถูกใบหน้าที่ดูอ่อนแอของเจ้าหลอกลวงครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้แม้ว่าข้าทราบดีว่าเจ้าฉลาด แต่ไม่คาดคิดว่าเจ้านั้นฉลาดจนทำให้ข้าต้องตะลึง”
หลังจากพูดจบ หนิงหัวจิ้งก็เงยหน้ามองไปที่ชายที่ประทับอยู่บนเก้าอี้มังกร แววตาของนาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน ดูเหมือนเป็นความคาดหวังแต่ก็ราวกับผิดหวัง และในที่สุดทุกอย่างก็กลายเป็นเสียงเรียกเบาๆ ราวกับถอนหายใจว่า “เสด็จพ่อเพคะ… …เสด็จพ่อเพคะ เสด็จแม่ของหม่อมฉันอยู่ที่ใดหรือ?”
จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วและจ้องไปที่หนิงหัวจิ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้น ในแววตานั้นไม่มีความสุขใจของพ่อลูกที่จากกันนานได้พบกันอีก “เจิ้นไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าไม่เคยทราบข่าวมาก่อนว่า เสด็จแม่และท่านตาของเจ้าทำเรื่องกระไรไว้บ้าง”
“หึ…จิ้งเอ๋อร์ได้ข่าวแล้วเพคะ แต่ทว่าทราบข่าวแล้วอย่างไรหรือ? ท่านคือเสด็จแม่ของหม่อมฉัน แม้ว่านางจะทำอะไรผิดไป แต่ก็ยังเป็นเสด็จแม่ของหม่อมฉัน เขาว่ากันว่าสิ่งที่เราไม่สามารถเลือกได้บนโลกใบนี้ก็คือการเกิดของเรามิใช่หรือ…..” หัวจิ้งก้มหน้าลง นางกล่าวราวกับว่ากำลังเยาะเย้ยตัวเอง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “แม้ว่าเสด็จแม่จะทำผิดมากมาย แต่ตลอด20ปีที่ผ่านมา ท่านก็ยังเป็นพระราชินีผู้สง่างามและทำตามกฎระเบียบของวัง และดูแลวังหลังนี้ได้เป็นอย่างดี แต่เสด็จพ่อกลับจำได้เพียงความผิดของเสด็จแม่ แต่ไม่เคยจำความดีของเสด็จแม่เลย เสด็จแม่รักท่านมานานหลายปี คิดถึงแต่ท่านมาหลายปี ท่านไม่เคยโปรดปรานนาง ไม่เคยให้ความอ่อนโยน แต่กลับปฏิบัติต่อเสด็จแม่อย่างไม่ไยดี เสด็จพ่อนั้นเป็นคนที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลกเลยจริงๆ ”
“หุบปาก!” จักรพรรดิหนิงทรงพิโรธอย่างมาก “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อว่าเจิ้น? ท่านตาของเจ้านั้นคิดหาทุกวิถีทางเพื่อวางกับดักเจิ้น แล้วจึงได้ให้หลี่อี้หรานนั้นอภิเษกสมรสกับเจิ้น เจิ้นทำให้นางกลายเป็นผู้หญิงที่มีเกียรติมากที่สุดในโลก แต่นางกลับคิดถึงแต่แผ่นดินของเจิ้น!” ใบหน้าของจักรพรรดิหนิงเย็นชา หยุนชางมองดูชางเจียคังหนิงนั่งอยู่กับที่ แววตาของเขาจ้องมองไปที่ท้องน้อยของหัวจิ้ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่ากังวลเล็กน้อย