ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 388 การตายของฉินเมิ่ง
“…” หยุนชางตะลึง กะพริบตามองจิ้งอ๋อง รู้สึกแปลกๆในใจ นางเคยสัมผัสสิ่งที่สกปรกกว่านี้ตอนอยู่ในสนามรบที่ชายแดนมาก่อน เขาไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย ทำไม ตอนนี้เขาสนใจเรื่องนี้ขึ้นมา?
หยุนชางถูกจิ้งอ๋องลากออกจากห้องขัง แล้วก็ถูกลากออกจากคุกหลวงด้วย “กลับจวนกันดีกว่า เรื่องนี้อยู่ภายใต้การดูแลของฝ่าบาท การสอบสวนก็ควรให้ผู้พิพากษาสูงสุดแห่งศาลต้าหลี่เป็นคนทำ ทำไมเราต้องมากังวลใจ”
“…” หยุนชางนิ่งเงียบ นางวิตกกังวลมาก แต่เพราะความแปลกของเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่พวกเขาทั้งสองคน นางเพียงแค่ต้องการสอบสวนเรื่องนี้ให้ชัดเจนโดยเร็ว..
ผ่านไปครู่หนึ่ง จิ้งอ๋องดูเหมือนเห็นหยุนชางนิ่งเงียบนานเกินไป และเขายิ้มและกล่าวว่า “อย่ากังวล ค่อยๆตรวจสอบเรื่องนี้กันเถอะ”
หยุนชางเรียกสติคืนมา จิ้งอ๋องเคยกล่าวตอนที่อยู่ในจวนว่า หลังจากเรื่องนี้จบลงแล้วให้ตนไปแคว้นเซี่ยกับเขา เกรงว่า… เขายังไม่อยากไปแคว้นเซี่ย คนๆนี้จะอ้อมค้อมได้ขนาดนี้ได้ยังไง แค่พูดออกมาตรงๆจะเป็นไรหรือ?
แต่เมื่อหยุนชางเห็นคนสร้างกับดักในคุกหลวง กลับรู้สึกว่า เกรงว่าจิ้งอ๋องจะวางตัวในเรื่องนี้ยากแล้ว ชื่อของคนทำกับดักมีคำสี่คำ อาจารย์ชิงชาง
“อาจารย์ชิงชาง?” จิ้งอ๋องก็ขมวดคิ้วเช่นกัน “ข้ารู้แค่ว่าเขาถนัดค่ายกล แต่ไม่คิดว่าเขาจะเก่งทักษะการสร้างกับดักด้วย”
หยุนชางก็แปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากที่ถึงนอกเมืองจิ้งหยางในตอนนั้น เพราะจิ้งอ๋องได้รับบาดเจ็บ และเสด็จพ่อออกคำสั่งให้พวกเขาเดินทางกลับวังหลวงตลอด พวกเขาก็อำลากับอาจารย์ชิงชางและแยกจากกัน หลังจากที่จิ้งอ๋องเชิญอาจารย์ชิงชางไป ดูเหมือนว่าหลิ่วหยินเฟิงจะรู้ความสามารถของอาจารย์ชิงชาง และเขาไม่ได้ใช้ค่ายกลอีกเลย ทำให้ อาจารย์ชิงชางไม่มีที่ให้ใช้ทักษะของเขา แต่หยุนชางฉวยโอกาสและนับ อาจารย์ชิงชางเป็นอาจารย์อย่างกะทันหัน และได้รับตำราทักษะการสร้างค่ายกลจากเขามาบ้าง และหลังจากกลับมาที่เมืองหลวงมักจะเปิดอ่านตลอด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก
“ท่านอ๋องมีวิธีติดต่ออาจารย์ชิงชางหรือไม่ เชิญอาจารย์ชิงชางมาที่เมืองหลวงเพื่อขอคำชี้แนะดีไหมเพคะ?” หยุนชางแนะนำด้วยเสียงต่ำ
มือของจิ้งอ๋องเคาะโต๊ะเบาๆก่อนที่เขาจะพูดว่า “ตอนนี้อาจารย์ชิงชางก็อยู่ในเมืองหลวง”
“หือ?” หยุนชางผงะอีกครั้ง “อาจารย์มาถึงเมืองหลวงแล้ว ทำไมไม่เคยบอกข้าเลยล่ะ”
จิ้งอ๋องยิ้ม “ดูเหมือนอาจารย์ของเจ้ากำลังหลบหน้าใครบางคนอยู่ และข้าก็พบโดยบังเอิญ แต่เขาเอาแต่บอกข้าว่าอย่าบอกที่อยู่ของเขากับใคร ข้าก็เลยไม่ได้พูดอะไร”
“แม้แต่ข้าก็ปิดบังด้วยหรือ” หยุนชางขมวดคิ้วไม่พอใจเล็กน้อย “ตอนนี้อาจารย์อยู่ที่ไหน”
จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว “เกรงว่าทุกการเคลื่อนไหวของเราในตอนนี้กำลังถูกใครบางคนเฝ้าดูอยู่ เมื่อครู่ลั่วอี้มารายงานว่า อย่างน้อยมีสามหน่วยซุ่มอยู่นอกจวน ข้าคิดว่า เราไม่ควรกระทำการที่หุนหันพลันแล่น เพื่อไม่ให้อาจารย์ชิงชางต้องเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น”
เมื่อเห็นหยุนชางก็นิ่งเงียบ จิ้งอ๋องก็รีบพูดขึ้น “ไม่ต้องกังวล มันไม่ยากเลยที่จะหลีกเลี่ยงหางเหล่านั้นด้วยทักษะของข้า แต่วิชาตัวเบาของเจ้ายังไม่ชำนาญดี ช่วงนี้อย่าออกจวนจะดีกว่านะ”
หยุนชางพยักหน้าด้วยท่าทางเศร้าๆ
นางทั่มเทฝึกวิชาตัวเบาของตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน แต่นางไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกกำลังภายใน ไม่ใช่นางไม่เคยลองมาก่อน แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ ดังนั้นนางจึงล้มเลิกไป
เฉี่ยนอินเดินเข้ามา สีหน้าของนางไม่ค่อยดีนัก “พระชายา คนที่เราส่งไปตรวจสอบน้ำมันตุงถูกติดตาม องครักษ์ลับกำลังพยายามเลี่ยงผู้ที่สะกดรอยตามอยู่ ส่งข่าวกลับมารายงานว่า เกรงว่าต้องรอสักพักเพคะ”
หยุนชางพยักหน้า “ตอนนี้องครักษ์ลับของเราที่สามารถใช้ได้มีกี่คน?”
เฉี่ยนอินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปว่า “มากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบคนเพคะ”
มีมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบคน หยุนชางยิ้ม “เรียกหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าคนนี้เข้าจวน ข้าจะเขียนรายชื่อคนทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คุกหลวงในครั้งนี้ เจ้าให้พวกเขาไปติดตามคนต่อคน ไปซักถามพวกเขา และออกตอนช่วงกลางดึก ข้าจะคอยดูว่าพวกเขามีกี่คนที่สามารถนำมาติดตามคนของเราได้”
เฉี่ยนอินตอบรับอย่างรวดเร็วและไปจัดเตรียมทันที
เมื่อรู้ว่ามีคนเฝ้าอยู่นอกประตูมากมาย หยุนชางจึงไม่อยากที่จะออกไป แต่ในตอนหัวค่ำ มีคนจากในวังมา โดยแจ้งว่าจิ่นกุ้ยเฟยเป็นผู้สั่งมา หยุนชางให้เฉี่ยนอินเชิญคนผู้นั้นเข้ามา เป็นจริงที่ว่าเป็นคนในวังของจิ่นกุ้ยเฟย หยุนชางเคยเห็นเขาในวังหลายครั้ง
“เสด็จแม่ส่งเจ้ามาที่นี่ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอันใด” หยุนชางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่กงกงที่แลดูกระวนกระวายใจ
หลังจากได้ยินคำพูด กงกงก็รีบกระซิบ “เรียนพระชายา จิ่นกุ้ยเฟยให้หม่อมฉันมาเรียนพระชายาว่า เมิ่งเจี๋ยยวี๋ไม่อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เมิ่งเจ๋ยยวี๋? ฉินเมิ่ง? เสียชีวิต? หยุนชางรู้สึกเพียงว่าสิ่งต่างๆเกิดขึ้นทีละน้อย แต่ดูเหมือนว่ามีเส้นด้ายร้อยสิ่งเหล่านี้อย่างลับๆ ดูเหมือนว่าจะพันตัวนางและจิ้งอ๋องเข้าไปอยู่ข้างใน
“เมิ่งเจี๋ยยวี๋ตายได้อย่างไร” หยุนชางถามด้วยขมวดคิ้ว
กงกงรีบกล่าวว่า “นางแขวนคอตายพ่ะย่ะค่ะ เรื่องเนื้อปลาในครั้งก่อน ฝ่าบาทจึงสั่งให้คุมขังเมิ่งเจี๋ยยวี๋ คุมขังไว้ที่ตำหนักเย็น สองวันแรกยังดีๆอยู่ แต่วันนี้นางกำนัลไปส่งอาหาร ก็พบว่า เมิ่งเจี๋ยยวี๋แก้ผ้าผูกเอวเอวของนางพาดบนคานของตำหนักเย็น แล้วแขวนคอตัวเอง”
หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา ฉินเมิ่ง? แขวนคอตาย?
แม้ว่าฉินเมิ่งจะเป็นหญ้าบนยอดกำแพง(นกสองหัว) แต่นางก็รักชีวิตของตัวเองที่สุด เป็นเพราะนางหวงแหนชีวิตของนางเอง นางจึงกบฏครั้งแล้วครั้งเล่า คนแบบนี้จะแขวนคอตัวเองได้อย่างไร?
“ข้าจะเข้าวังสักหน่อย” หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาพูดกับจิ้งอ๋อง แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากเฝ้ามองอยู่นอกวัง แต่วังก็ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และมันไม่ง่ายเลยที่จะติดตามเข้าไป
จิ้งอ๋องคิดเช่นนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “ได้ ข้าจะส่งเจ้าถึงประตูวัง”
หยุนชางรู้ว่าจิ้งอ๋องเป็นห่วงนาง จึงไม่ปฏิเสธ จากนั้นก็ส่งนางเข้าวัง
เมื่อเห็นหยุนชาง จิ่นกุ้ยเฟยก็รู้ว่านางมาเพราะเรื่องของฉินเมิ่ง ถอนหายใจและตำหนิเบาๆ “วันนี้ก็มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น ทำไมเจ้าไม่พักผ่อนเสียบ้าง ข้าจะให้คนไปบอกเจ้า มิใช่จะให้เจ้าวิ่งไปวิ่งมาตรวจสอบ ฉินเมิ่งเป็นเพียงเจี๋ยยวี๋ ตายไปก็แล้วๆไป”
หยุนชางไม่ได้โต้ตอบอะไร ไม่อยากให้จิ่นกุ้ยเฟยกังวล จึงยิ้มและกล่าวว่า “นางไม่มีเมตตาธรรมต่อหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ อย่างน้อยก็เคยรับใช้หม่อมฉันมาระยะหนึ่ง ตอนนี้ก็ตายแล้ว บุญคุณและความบาดหมางทั้งหมดก็สิ้นสุดกัน นอกจากนี้ นางไม่สามารถทำอะไรหม่อมฉันได้แล้ว แค่จะไปดูนางแค่นั้นเพคะ”
จิ่นกุ้ยเฟยตอบรับ แต่ทว่าเฉินซีตื่นอยู่และมีเจิ้งมามาอุ้มไว้ เมื่อเห็นจิ่นกุ้ยเฟยกำลังจะจากไป ก็อ้าปากและเริ่มร้องไห้เสียงดัง
หยุนชางมองดูชายร่างเล็กราวกับหยกแกะสลัก และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อายุแค่นี้เจ้าก็รู้วิธีแย่งเสด็จแม่กับพี่หญิงแล้วหรือ เอาล่ะ อย่าร้องไห้เลย เสด็จแม่ยอมให้เจ้าก็ได้” พูดเสร็จก็เงยตามองจิ่นกุ้ยเฟย “ในวังจะไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เสด็จแม่มิต้องเสด็จไปกับหม่อมฉันหรอกเพคะ ให้นางกำนัลนำทางหม่อมฉันไปก็พอ”
จิ่นกุ้ยเฟยมองเฉินซีที่กำลังร้องอย่างช่วยไม่ได้ ถอนหายใจและพยักหน้า “ได้ ข้าจะให้เจิ้งมามาไปกับเจ้า ดูเสร็จแล้วกลับมาทานอาหารเย็นด้วยกันนะ”
หยุนชางตอบรับและออกจากวังจิ่นซิ่วพร้อมกับเจิ้งมามา