ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 398 อาการป่วยแปลกประหลาด
หยุนชางทำเฉียนยินพูดมิออก ชั่วครู่จึงพึมพำด้วยเสียงเบา ๆ ขึ้นมาว่า “นู๋ปี๋เกรงว่าหวางเฟยจะคว้าน้ำเหลวนะเจ้าคะ นู๋ปี๋เป็นห่วงท่านเพียงเท่านั้น”
หยุนชางพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย จึงยิ้มออกมาว่า “หากเจ้าไม่มีอันใดทำจริงๆ นำสิ่งที่เจ้าสงสัยเมื่อครู่ ไปป่าวประกาศให้ผู้คนภายนอกรับรู้ แล้วจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้นักเล่าเรื่องในโรงน้ำชาได้ฟัง เพื่อให้เขาได้ไปเผยแพร่ให้เหล่าราษฏรฟังกัน มิใช่มีคำกล่าวไว้หรือว่า ราษฏรจะเป็นผู้ตัดสินใจอย่างยุติธรรมเองว่าสิ่งใดถูกหรือผิด ?”
เฉียนยินได้ยินดังนั้น พลางหัวเราะคิกคักออกมาว่า ” ใช่เพคะ นู๋ปี๋สามารถทำเช่นนั้นได้นี่นา ” พูดจบพลางรีบร้อนวิ่งออกจากห้องไป
หยุนชางจึงหุบยิ้มลง แววตาเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ลั่วชิงเหยียน ท่านไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ? ถูกคนจับตัวไปหรือ ? หากท่านโดนจับตัวไปแล้ว เหตุใดองครักษ์เงาของท่านถึงไม่ส่งจดหมายมารายงานหม่อมฉันบ้าง หากท่านมิได้สูญเสียตัวตนไป ทำไมท่านยังไม่มาปรากฏตัวอีกเล่า ?
แม้ว่าหยุนชางจะปฏิบัติตัวต่อหน้าจิ่นกุ้ยเฟยกับจักรพรรดิหนิงและเฉียนยินด้วยลักษณะเงียบงัน ราวกับมิได้วิตกกังวลใด ๆ หากแต่ใครจะรู้ว่า ภายในใจของนางราวกับถูกกรีดออกมาล้วนแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อรู้ข่าวนางทั้งตื่นตระหนกและเต็มไปด้วยความว้าวุ่นในใจ
“หวางเฟย จักรพรรดิแคว้นเซี่ยเสด็จมาเยือนพะยะค่ะ ” เสียงพ่อบ้านดังมาจากด้านนอก หยุนชางพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย พลางลุกขึ้นยืน เพื่อเดินไปยังกระจกตรงหน้า พร้อมจ้องมองร่างบางในกระจกนั้น ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย อาภรณ์ที่สวมใส่ล้วนเป็นระเบียบร้อย จึงหันกายเดินออกไปจากประตู
เซี่ยหวนอวี่นั่งจิบชาอยู่ที่ห้องโถงดอกไม้ หยุนชางหยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินเข้าไปด้านใน ก่อนจะก้าวไปทักทายเซี่ยหวนอวี่ “มิรู้ว่าฝ่าบาทจะเสด็จมา ต้องขออภัยด้วยที่มิได้ตอนรับท่านด้วยตนเอง”
เซี่ยหวนอวี่พลางวางถ้วยชาลง สายตาจ้องไปยังหยุนชาง เมื่อมองดูชั่วครู่ จึงลืมตาขึ้นพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “ได้ยินมาว่า เมื่อวานเจ้าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ ?”
“อาการเล็กน้อยเพคะ ขออภัยที่ทำให้ฝ่าบาทเป็นห่วงแล้ว” หยุนชางยิ้มเล็กน้อย พลางเดินไปยังเก้าอี้ด้านข้างเพื่อนั่งลง
เซี่ยหวนอวี่พลางเหลือบมองหยุนชางเล็กน้อย พลันหัวเราะเยาะออกมา “สามีเจ้าตอนนี้ มิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีเช่นไร หากแต่เจ้าดูมิได้กังวลอะไรเลย ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าที่ไร้เดียงสาเกินไปหรือเป็นเพราะว่าเย็นชาเกินไปกันแน่ ”
หยุนชางจึงยิ้มตอบกลับ พร้อมมองไปยังถ้วยชาในมือเซี่ยหวนอวี่ด้วยสายตาเฉยเมยว่า “ฝ่าบาทก็เช่นกัน?”
เซี่ยหวนอวี่ได้ยินดังนั้น พลันหัวเราะออกมา “ลักษณะของเจ้าช่างคล้ายคลึงฮวาหลิงยิ่งนัก หากแม้แต่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ชิงเหยียนยังจัดการไม่ได้ เขาจะเป็นบุตรชายของข้าได้เช่นไร?”
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา หากแต่เกิดความรู้สึกภายในใจขึ้นมาบางอย่าง คนตรงหน้าช่างเป็นคนที่เย็นชาเสียจริง เขาสามารถพูดถึงฮวาฮองเฮาโดยสีหน้ามิเปลี่ยนได้ อีกทั้งเขายังหัวเราะถึงบุตรชายที่เพิ่งตายไปได้ไม่นานได้อีก เขายังสามารถมองดูลูกชายสองสามคนของเขาต่อสู้กันจนตายด้วยสายตาที่เย็นชา ช่างเป็นจักรพรรดิไร้หัวใจเสียจริง
“เจ้ามิอยากแก้แค้นให้สามีเจ้างั้นหรือ ? จักรพรรดิหนิงเป็นเสด็จพ่อของเจ้า ได้ยินมาว่าเขาทั้งรักทั้งหวงเจ้าเลยทีเดียว หากเจ้าจะยื่นมือเข้าไปสอดแล้วละก็ เกรงว่าเขาจะมิว่าอันใดกระมัง” เซี่ยหวนอวี่สังเกตุสีหน้าของหยุงชาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หรือเจ้ากล้วว่าจะหาฆาตกรตัวจริงไม่เจอกัน ? ”
สายตาของหยุนชาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ฆาตกรเป็นใคร เกรงว่าฝ่าบาทคงจะรู้ดีอยู่แล้ว ในเมื่อพูดมาแล้ว ชางเอ๋อร์ให้ความเคารพในตัวฝ่าบาทเป็นอย่างมาก ได้ยินมาว่าเมื่อก่อนฝ่าบาทได้ยึดอำนาจภูเขาเจียงซานมาจากพี่ชายของท่านด้วยมือของท่านเอง ในบรรดาโอรสของฝ่าบาททั้งหมด ต้องมีสักคนที่มีความสามารถลักษณะนิสัยทะเยอทะยานอย่างเช่นท่านสักสิบส่วน ”
เมื่อพูดจบ หยุนชางพลันเห็นรังสีฆ่าฟันในดวงตาของเซี่ยหวนอวี่ หยุนชางจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย”เมื่อเทียบกันแล้ว วิธีการของฝ่าบาทล้วนไม่ถูกต้อง. เปิ่นหวางเฟยมิได้พูดออกมาโดยไม่มีมูล? หากแต่ด้วยนิสัยของท่านอ๋องแล้ว อืม ” หยุนชางส่งเสียมพึมพำด้วยความเย็นชา “หากฝ่าบาทปกป้องเขาแล้ว เปิ่นหว่างเฟยจะคิดว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทและท่านอ๋อง หากแต่ฝ่าบาทมิได้ปกป้องท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องจึงเป็นเพียงจิ้งอ๋องแห่งแคว้นหนิงแต่เพียงเท่านั้น”
เซี่ยหวนอวี่หลี่ตาลง รังสีฆ่าฟันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพียงเงียบไปสักพัก จึงพูดด้วยเสียงต่ำว่า “เจ้าพูดกับข้าเช่นนี้ มิกลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือ ?”
หยุนชางพลันหัวเราะออกมา “ฝ่าบาทลืมไปแล้วกระมัง ว่าท่านกำลังนั่งอยู่ในที่แห่งใดอยู่ ?” เมื่อพูดจบ พลันผายมือไปมา เขาสัมผัสได้ถึง รอบด้านเต็มไปด้วยไอสังหารที่เข้มข้นทั่วทุกทิศ
เซี่ยหวนอวี่ใช้สายตาเย็น ๆ จ้องไปยังหยุนชาง ชั่วครู่จึงหัวเราขึ้นมาว่า “ลั่วชิงเหยียน มิได้มองเจ้าผิดจริง ๆ หวังว่า การแสดงของเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
“พ่อบ้าน ส่งแขก” หยุนชางลุกขึ้นยืน พร้อมหันหลังเดินออกจากห้องโถงไป
“หวางเฟย จักรพรรดิแคว้นเซี่ยเป็นพ่อของท่านอ๋อง. ท่านปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ หากวันใดท่านไปแคว้นเซี่ยเมื่อไหร่ หากเขาทำให้ท่านตกที่น่าลำบากเล่า จะทำเช่นไรเจ้าคะ ? ” เฉียนยินที่เข้ามารินชาให้นั้น พลันได้ยินเรื่องราวที่ทั้งสองพูดคุยกันจนหมดสิ้น เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของหยุนชางดูรุนแรงกว่าที่เคย แต่เดิมหวางเฟยล้วนแต่เป็นคนที่อ่อนโยนอีกทั้งยังมีมารยาท ฉไหนถึงเป็นเช่นนี้
หยุนชางพลันยิ้มเล็กน้อย ตั้งแต่รู้ข่าวว่าจิ้งอ๋องหายตัวไป นางกังวลใจมาตลอด ทว่าตอนนี้สามารถโล่งใจได้หน่อยนึงแล้ว ดูแล้วเซี่ยหวนอวี่รับรู้ได้แน่นอนว่าจิ้งอ๋องเป็นคนเช่นไร เกรงว่าคงเป็นอ๋องเจ็ดเซี่ยโหวเหยียนกระมัง ฝีมือเซี่ยโหวเหยียนมิได้ด้อย เซี่ยหวนอวี่ย่อมต้องมิให้เกิดเหตุการอันใดกับจิ้งอ๋องเป็นแน่ นางจงใจลองใจเซี่ยหวนอวี่เสียหลายครั้ง ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบเซี่ยหวนอวี่ล้วนแต่สงบนิ่ง แสดงว่า จิ้งอ๋องจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
หยุนชางเมื่อเดินกลับมายังห้องนอนแล้ว จึงส่งเสียงบอกว่า “ช่วงเวลานี้ เรามิต้องทำอันใดแล้ว หากแต่ให้หน่วยเงาของเราทั้งหมดคอยรวบรวมข้อมูล โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อคืนทั้งหมดภายในเมืองหลวง แม้แต่นิดเดียวก็อย่าปล่อยไป เมื่อรวบรวมข้อมูลเสร็จ แล้วมารายงานให้ข้าฟัง”
เฉียนยินพลันตอบรับ สีหน้าพลันกระจ่างขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมรีบร้อนกล่าวออกมาว่า “ทำไมนู๋ปี๋ถึงนึกไม่ออกกัน มิคิดว่าหน่อยเงาของเราจะคลอบคลุมไปทั่วเมืองหลวงเช่นนี้ เหตุการณ์เมื่อคืน จะมิเกิดเหตุการณ์ผิดปกติได้อย่างไรกัน นู๋ปี๋จะไปตรวจสอบให้ละเอียด”
หยุนชางพลางคว้าเฉียนยินไว้ พร้อมยิ้มเล็กน้อยว่า “เจ้ายังดูงอนข้าอยู่อีกหรือ ข้าเคยบอกเจ้าไว้แล้ว วังของเรานั้นมีหูตาอยู่ไม่น้อยกำลังจับจ้องพวกเราอยู่ เจ้าจักทำอันใดต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้ มิต้องนำขาม้าแสดงออกมา. เจ้ามิควรเปิดเผยตัวตนออกมาให้มากนัก วังของพวกเรามิใช่ว่าออกมาซื้อกับข้าวทุกวันหรอกหรือ ? ให้หน่วยเงาแปลงเป็นคนส่งผักส่งข้าวเสีย เมื่อออกไปซื้อข้าวก็จะสะดวกในการออกไปหาข่าวด้วย”
เฉียนยินรีบร้อนตอบรับ หยุนชางจึงพูดขึ้นมาว่า “เจ้าให้พ่อบ้านไปเชิญหมอมาสักสองสามคนมาที่วัง. และให้ไปอัญเชิญหมอหลวงในวังมาด้วย เพียงบอกว่าข้าได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งกังวลถึงข่าวคราวของจิ้งอ๋อง เมื่อครู่ข้าร้องให้จนเป็นลมต่อหน้าพระพักต์ของจักรพรรดิแคว้นหนิงไป”
เฉียนมิค่อยเข้าใจนัก หากแต่ก็รีบไปทำตามคำพูดของหยุนชางแต่โดยดี หยุนชางเพีลงลุกขึ้นมา พลางเดินไปยังโต๊ะเครื่องเขียน พร้อมหยิบผู้กันขึ้นมาเขียนว่า “สมาธิ ” เพียงสองคำ จึงยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง นางถึงวางพู่กันในมือลง พร้อมเดินไปยังหน้ากระจก เมื่อมองดูตนเองอยู่ชั่วหนึ่ง จึงเดินมาหยิบแป้งบนโต๊ะ พร้อมโป๊ะไปบนใบหน้าของนาง เมื่อเห็นว่าใบหน้าของตน แลดูซีดเซียวแล้ว จึงวางแป้งลงบนโต๊ะดังเดิม
พลางเดินมายังข้างเตียง โดยมิได้ทำการสางผม นอนลงพร้อมอาภรณ์ทั้งชุด พลางหยิบขวดอะไรบางอย่างออกมาจากใต้หมอม พร้อมหยิบยาออกมาหนึ่งเม็ดและกลืนมันลงไป ปดม่านลงมาช้า ๆ พร้อมทำทีเป็นหายใจเข้าออกเบา ๆ ราวกับกำลังหลับใหลอยู่จริง ๆ
ภายในขวดนั้นเป็นยาที่ท่านตาของนางเคยให้ไว้ ด้วยอาการของยาเหล่านี้ ครั้งเมื่อนางกลับมาถึงวังใหม่ ๆ นางต้องแกล้งทำเป็นป่วยร่างกายอ่อนแออยู่บ่อย ๆ แม้แต่หมอหลวงยังไม่สามารถหาสาเหตุของอาการเจอได้เลย