ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 418 ความสงสัย
หยุนชางพลันขมวดคิ้วลง มิใช่ว่านางตั้งใจปกปิดจักรพรรดิหนิงว่าจิ้งอ๋องกลับมาแล้ว หากแต่ อะไรต่าง ๆ ล้วนแต่เด่นชัดต้องสืบหาข้อมูลอย่างละเอียด เกรงว่าเมื่อจักรพรรดิหนิงรู้เข้าว่าจิ้งอ๋องกลับมาถึงวังแล้ว จะเป็นเรื่องที่สร้างความลำบากให้กับการเคลื่อนตัวของจิ้งอ๋อง
หยุนชางและจิ้งอ๋องเมื่อเตรียมการหลอกลวงผู้คนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงพาเฉียนยินเดินทางเข้าวัง พร้อมทั้งรีบร้อนวิ่งไปยังตำหนักฉินเจิ้ง หัวหน้าเจิ้งที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้น เมื่อเห็นลักษณะของหยุนชางพลันตกอกตกใจเป็นอย่างมาก จึงรีบร้อนสอบถามเรื่องราวว่า “หวางเฟยเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือพะยะค่ะ ?”
หยุนชางเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย “เมื่อครู่มีนักฆ่าลอบเข้ามาในตำหนักจิ้งอ๋อง มีประมาณร้อยกว่าคนได้ วังทั้งหมดเกือบจะโดนทำลายไปหมดแล้ว”
หัวหน้าเจิ้งเห็นดังนั้น รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “หวางเฟยมิเป็นอะไรใช่ไหมพะยะค่ะ ?”
“ไม่เป็นอันใด ข้าตกใจไปหน่อย เสด็จพ่ออยู่หรือไม่ ? ” ร่างกายหยุนชางพลันสั่นเทาเล็กน้อย พร้อมถามด้วยน้ำเสียงเบา ๆ
หัวหน้าเจิ้งพลันรีบร้อนบอกว่า “องคืจักรพรรดิกำลังพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารองครักษ์อยู่พะยะค่ะ นู๋ไฉจะไปรายงานองค์จักรพรรดิให้ โปรหวางเฟยรอสักครู่ ”
หยุนชางจึงรับคำ พร้อมหลี่ตาลงเล็กน้อย ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ เสด็จพ่อเรียกเขาเข้ามา มีอะไรงั้นหรือ ?
ผ่านไปชั่วครู่ หัวหน้าเจิ้งพลันออกมาบอกหยุนชางว่า “เชิญหวางเฟย พะยะค่ะ”
หยุนชางจึงเดินเข้าไปในตำหนักฉินเจิ้ง พลันเห็นชายสองคนที่อยู่เบื้องหน้ากำลังเดินออกมา หนึ่งในนั้นคือผู้บัญชาการทหารองครักษ์ที่นางรู้จัก หากแต่ผู้ที่เดินข้างผู้บัญชาการทหารองครักษ์นั้น นางมิเคยเห็นหน้าเลยแม้แต่น้อย พลันสวมใส่อาภรณ์สีดำทั้งชุด รังสีที่ปล่อยออกมาดูมีความเยือกเย็นเล็กน้อย
ภายในราชสำนักแห่งนี้ มีบุคคลเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ? หยุนชางพลันหลี่ตาลง พลางลอบสังเกตุชายหนุ่มตรงหน้า สายตาจับจ้องไปที่ป้ายหยกข้างเอวของเขาสังพัก จึงถอนสายตาออกมา พร้อมเดินเข้าไปยังด้านในของตำหนัก
จักรพรรดิหนิงที่กำลังขมวดคิ้วอยู่นั้น เมื่อได้เสียงฝีเท้าเดินเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ขาวซีดของหยุนชาง พร้อมรีบร้อนลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เพื่อเดินมาหาหยุนชาง พร้อมสอบถามว่า “เจิ้นได้ยินหัวหน้าเจิ้งรายงานแล้ว วังของจิ้งอ๋องโดนนักฆ่าบุกทำลายงั้นหรือ ? เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ? บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ ? ”
หยุนชางพลันส่ายหัวไปมา พร้อมหลับตาลง ขบริมฝีปากว่า “มิได้บาดเจ็บตรงไหนเพคะ ก่อนหน้านั้นที่ชางเอ๋อร์ได้พบกับนักฆ่า ท่านอ๋องได้ให้องครักษ์เงาส่วนใหญ่คอยติดตามปกป้องชางเอ๋อร์ไว้แล้ว หากแต่นักฆ่าพวกนั้นมากันเยอะเกินไป บุกทะลวงเข้ามาในวังได้ การกระทำที่อึกระทึกเช่นนี้ จึงดึงดูดองครักษ์เงาในวังจิ้งอ๋องเป็นอย่างมาก หากแต่ก็ถูกพวกนักฆ่ากำจัดไปเสียมากมาย ตอนนี้วังจิ้งอ๋องล้วนแต่เต็มไปด้วยซากศพ ท่านอ๋องยังมิอยู่ในวังอีก ชางเอ๋อร์รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ”
ร่างกายหยุนชางพลันสั่นเทาเบา ๆ หากแต่น้ำเสียงของนางนิ่งสงบ มีหยุดชะงักเป็นครั้งคราวพร้อมกับกุมมือของนางที่กำลังสั่นเทาเล็กน้อย นั่นบ่งบอกให้เห็นถึงอารมณ์หยุนชางในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
จักรพรรดิหนิงพลันจ้องไปยังหยุนชางอยู่ชั่วครู่ พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ภายในวังจิ้งอ๋องตอนนี้ล้วนแต่ไม่ปลอดภัยยิ่งนัก ในช่วงไม่กี่วันนี้ เจ้าก็เข้ามาอยู่ในพระราชวังก่อนเถิด เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว เจ้าค่อยกลับไปยังวังจิ้งอ๋อง”
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมพูดขึ้นมาว่า “หากแต่ เมื่อใดที่ท่านอ๋องกลับมาที่วังแล้ว ชางเอ๋อร์ไม่อยู่ละก็ เกรงว่าจะมีบางอย่างผิดปกติไป. ตอนนี้ชางเอ๋อร์ได้ตบแต่งออกไปแล้ว หากชางเอ๋อร์ยังอาศัยอยู่ในวังละก็ จะเป็นที่ครหาได้นะเพคะ อีกทั้ง ชางเอ๋อร์ได้ยินมาว่า จักรพรรดิของแคว้นเย้หลางอีกไม่ถึงห้าวันก็จักเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว ไม่กี่วันที่ผ่านมา หม่อมฉันรู้สึกว่ามีคนคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นหม่อมฉันจึงสั่งการให้องครักษ์เงาไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้วเพคะ ถึงแม้จะเลือนลางอยู่บ้าง อีกทั้งยังขาดหลักฐานบางอย่างไปอีก หม่อมฉันเกรงว่าอีกไม่กี่วันนี้ก็คงจะสืบหาได้เรื่องขึ้นมาแล้ว”
จักรพรรดิหนิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจิ้งจะเตรียมองครักษ์เงาให้ไปปกป้องคุ้มครองเจ้าที่วังมากขึ้น”
หยุนชางได้ยินดังนั้น จึงหลี่ตาลง ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อจะสงสัยเข้าแล้ว จึงมีเป้าหมายเช่นนี้งั้นหรือ ?
“องครักษ์เงาแต่เดิมมีหน้าที่ปกป้องเสด็จพ่ออยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นหม่อมฉันก็เรียกใช้งานไปยังเมืองคังหยางแล้ว พลันรู้สึกเกรงใจอยู่เล็กน้อย หากแต่เมื่อชางเอ๋อร์มาคิด ๆ ดูแล้ว ที่นักฆ่าพวกนั้นลงมือด้วยความโหดร้าย อาจจะเป็นเพราะว่าคนที่ถูกขังอยู่ในวังของจิ้งอ๋องกระมัง ” น้ำเสียงของหยุนชางสงบเพียงเล็กน้อย หากแต่ทุกคำพูดล้วนแต่ชัดเจนเป็นอย่างมาก หัวคิ้วพลันค่อย ๆ คลี่คลายลง
“โอ้ ? ” จักรพรรดิหนิงได้ยินดังนั้นพลันขมวดคิ้วขึ้นมา ดูเหมือนจะกระตุกความสนใจของจักรพรรดิหนิงขึ้นมาได้ จึงเดินไปยังที่โต๊ะทำงาน พร้อมหยิบถ้วยชาขึ้นมา พร้อมหันไปถามหยุนชางว่า “ในวังของจิ้งอ๋องนั้น ชางเอ๋อร์ขังใครไว้กัน ?”
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จึงพูดขึ้นมาว่า “แต่เดิมหม่อมฉันมิอยากบออกเสด็จพ่อเร็วถึงเพียงนี้. เนื่องจากหลักฐานยังไม่ครบพอ หากแต่ เกรงว่าบอกเสด็จพ่อแต่เนิ่นๆ แล้วเสด็จพ่อจะไม่เชื่อ” เมื่อหยุดไปสักพัก จึงพูดขึ้นมาอีกว่า “หลี่จิ้งเหยียนและอ๋องเจ็ดแคว้นเซี่ยเพคะ ที่ชางเอ๋อร์ขังไว้ในวัง”
จักรพรรดิหนิงที่ถือถ้วยชาและฝารองถ้วยในมืออยู่นั้น วางกระแทกกับถ้วยชา น้ำในถ้วยชาพลันทะลักออกมา. จักรพรรดิหนิงมิได้สนใจถ้วยชานั้น “เจ้าพูดถึงใคร ? หลี่จิ้งเหยียน ? อ๋องเจ็ดแคว้นเซี่ยงั้นหรือ ? ”
หยุนชางพลันเม้มริมฝีปาก พร้อมพยักหน้าลงมา พลางเดินวนอยู่ในตำหนักไปมาพร้อมเงยหน้ามองไปยังจักรพรรดิหนิงว่า “อันที่จริง มันเป็นแค่การคาดเดาของชางเอ๋อร์ เสด็จพ่อจำวันที่ชางเอ๋อร์ถูกลอบสังหารวันนั้นและได้รับบาดเจ็บได้หรือไม่ ?”
จักรพรรดิหนิงพยักลง พร้อมสงสัย ว่าเหตุใดหยุนชางถึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา
“เมื่อตอนที่ชางเอ๋อร์ได้พบนักฆ่านั้น ข้างกายมีเพียงแค่คนขับรถม้า คนขับรถม้าพยายามปกป้องเพื่อให้หม่อมฉันหลบหนี หากแต่คนขับรถม้าก็ถ่วงเวลาได้เพียงแค่ชั่วครู่ นักฆ่าจึงไล่ตามขึ้นมาทัน ชางเอ๋อร์มิรู้จะทำเช่นไร จึงหลบไปยังตรอกซอกซอยของลานบ้านเล็ก ๆ หากแต่เจ้าของบ้านผู้นั้น กลับเป็นหลิ่วหยินเฟิง ” หยุนชางพูดออกมาอย่างช้า ๆ ราวกลับกำลังครุ่นคิดไตร่ตรองคำพูดอยู่ในใจ
“แต่เดิม ตอนที่หยุนชางอยู่ที่เมืองคังหยางนั้น เคยได้พบกับหลิ่วหยินเฟิงมาแล้ว. ในตอนที่หม่อมฉันไปสำรวจภูมิประเทศอยู่นั้นถูกเขาจับตัวไป หากแต่เขาไม่ได้รู้จักตัวตนของหม่อมฉัน จึงคิดว่าหม่อมฉันเป็นเพียงราษฏรแคว้นหนิงธรรมดา เกรงว่าหม่อมฉันจะรู้วิธีการเดินทัพเข้า ดังนั้นจึงถูกจับไป หม่อมฉันแต่เดิมมิได้รู้จักกันอยู่แล้ว อีกทั้งผู้ที่ตายอยู่ในคุกนั้นยังเป็นรัชทายาทแคว้นเซี่ยอีก เมื่อหม่อมฉันได้เข้าไปหลบในบ้านเค้านั้น เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาจึงพูดกับหม่อมฉันว่า เมื่อครั้งตอนที่ได้ทำการสอบสวนเรื่องในคุกนั้น ปัจจุบันกลิ่นน้ำมันตุงในเรือนจำนั้น แท้จริงแล้วเป็นกลิ่นธูปพระพุทธเจ้า ทว่าธูปพระพุทธเจ้านั้น แต่เดิมเป็นเครื่องหอมที่งานพิธีแคว้นเซี่ยใช้กันเป็นประจำอยู่แล้ว กลิ่นธูปนี้จึงทำให้ผู้คนที่ได้กลิ่นเกิดความสับสน มึนเมา หากแต่หม่อมฉันสงสัยในเรื่องนี้ ว่าอาจจะเป็นท่านอ๋องเจ็ดแคว้นเซี่ยเป็นผู้กระทำ อีกทั้ง ผู้ที่ต้องการเอาชีวิตองค์รัชทายาทแคว้นเซี่ย มีเพียงเขาเท่านั้น ”
หยุนชางพลันเงยหน้าขึ้นมาลอบมองสีหน้าจักรพรรดิหนิงนั้น พลันเห็นสายตาเต็มไปด้วยความงุงงง แล้วจึงพูดต่อว่า “แต่นั้นมา เมื่ออยู่ในเมืองหลวงนั้น หม่อมฉันจึงสงสัยในตัวหลี่จิ้งเหยียนและท่านอ๋องเจ็ดแคว้นเซี่ยเป็นอย่างมาก จึงได้สั่งให้องครักษ์เงาติดตามเขาไปยังที่หลบซ่อนของพวกเขา ทว่าหม่อมฉันก็หาจนพบ”
“พวกเขาไปหลบอยู่ในตระกูลของจิ่งขุยงั้นหรือ ?” จักรพรรดิหนิงพลันวางถ้วยชาลง พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนสีทองขึ้นมาเช็ดมือที่เปียกไปด้วยน้ำชานั้น พร้อมกับกดเสียงถามหยุนชาง
หยุนชางพลันพยักหน้าเล็กน้อย “ที่จริงหม่อมฉันเพียงแค่คาดเดาไปเรื่อยเปื่อย หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับจิ่งเหวินหลานนั้น เสด็จพ่อก็ได้สั่งให้ทหารอารักขาคุมตัวจิ่งขุย ให้ถูกกักบริเวณภายในบ้าน วันนั้นหม่อมฉันยังพูดคุยกับสาวใช้อยู่ว่า ในเมืองหลวงล้วนแต่เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด หม่อมฉันกลับขบคิดว่า นอกจากพระราชวังแล้ว เกรงว่าที่ที่ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีคือตระกูลจิ่ง เมื่อครั้นที่ตระกูลจิ่งเกิดเพลิงไหม้ มิได้แจ้งเสด็จพ่อนั้น เป็นเพราะชางเอ๋อร์สั่งให้คนไปวางเพลิงเองเพคะ เพื่อเป็นการบังคับพวกเขาให้ปรากฏตัวออกมา ผลลัพธ์ที่ได้ เป็นดั่งที่หม่อมฉันคาดการณ์ไว้. พวกเขาหลบอยู่ในตระกูลจิ่ง จริง ๆ ”