ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 422 แสดงละคร (๑)
ทั้งหยุนชางและจิ้งอ๋องต่างก็ขมวดคิ้ว หลังจากที่เซี่ยหวนอวี่จากไปสักครู่หนึ่ง หยุนชางก็ขมวดคิ้วแล้วหันไปมองจิ้งอ๋องพร้อมถามว่า “เขาหมายความว่าอย่างไรหรือ?”
จิ้งอ๋องยิ้มอย่างเย็นชา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา “หมายความว่าอย่างไรงั้นหรือ? เขาคงทราบแล้วว่าลูกชายของเขาอยู่ในมือข้า และอยากให้ข้าปล่อยไป แต่ว่านั่งอยู่นานก็ไม่สามารถทิ้งศักดิ์ศรีอันสูงส่งของจักรพรรดินั้นไปได้ ฉะนั้นก็เลยออกคำสั่งเอาสักเลย”
“แต่ว่า ท่านอ๋องเจ็ดสังหารองค์รัชทายาทของแคว้นเซี่ยไปมิใช่หรือ” หยุนชางประหลาดใจเล็กน้อย “องค์จักรพรรดิแห่งแคว้นเซี่ยยอมได้หรือ?”
จิ้งอ๋องหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คงเป็นเพราะว่าเสียลูกชายไปหนึ่งคนแล้ว ฉะนั้นจึงไม่อยากเสียไปอีกหนึ่งคนกระมั้ง เซี่ยหวนอวี่มีบุตรชายไม่มากอยู่แล้ว มีองค์หญิงอยู่หกเจ็ดคน แต่บุตรชายกลับมีแค่สามคนคือ เซี่ยโหจิ้ง เซี่ยโหเหยียน และก็เซี่ยโหฉางที่อายุยังไม่ถึงสิบปี”
หยุนชางครุ่นคิดครู่หนึ่ง “แล้วท่านอ๋องจะทำเช่นไรหรือ? ปล่อยไปหรือ?”
จิ้งอ๋องเงียบเป็นเวลานาน เขาจ้องที่ปิ่นหยกบนศีรษะของหยุนชางเป็นเวลานานแล้วจึงพูดเบา ๆ ว่า “ปล่อยสิ เหตุใดจึงไม่ปล่อยล่ะ? ในเมื่อข้าจะไปที่แคว้นเซี่ย หากว่าตอนนี้ขัดคำสั่งของเซี่ยหวนอวี่ไป ต่อไปข้าคงใช้ชีวิตลำบาก ปล่อยเขาไปแล้วจะเป็นกระไรหรือ? ในเมื่อข้าสามารถจับได้ครั้งแรก เช่นนั้นก็สามารถจับได้เป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สาม………..”
หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง จิ้งอ๋องก็ถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ” เรื่องนี้ล่าช้ามานานเกินไปแล้ว ได้เวลาที่จะจัดการกับมันแล้ว”
หยุนชางรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องสองเรื่องที่เกิดในก่อนหน้านี้ และแสงประกายแห่งความสงสัยก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของนาง “ท่านอ๋องทราบความจริงแล้วหรือ?”
จิ้งอ๋องก้มลงมองไปที่หยุนชาง หัวเราะเบา ๆ และกอดหยุนชางไว้พร้อมกล่าว ” ข้าทราบแล้ว แต่ว่าเรื่องนี้ต้องขอให้พระชายาช่วยเล่นละครให้หน่อย………….” จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เดินไปที่สวนหลังบ้านพร้อมหยุนชาง
เช้าตรู่ของวันที่สอง จู่ๆ ก็มีผู้หญิงสองคนล้มตัวนอนอยู่กลางหน้าประตูจวนของผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ เมื่อผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่เตรียมตัวไปที่พระราชวังในยามเช้า ขณะที่ออกจากจวนก็เกือบจะเหยียบบนตัวของหญิงสาว เขามองดูใกล้ ๆ เมื่อเห็นแล้วก็เกือบจะเป็นลมไป หลังจากตามตัวผู้ดูแลจวนให้นำตะเกียงมาเพื่อดูหน้าตาของศพผู้หญิงแล้ว ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ก็ตัวสั่น และรีบเรียกผู้ดูแลจวนทั้งสองนำร่างหญิงสาวทั้งสองไปไว้ในจวน
“ท่านขอรับ คนนี้ยังไม่เสียชีวิตขอรับ ยังมีลมหายใจอยู่” ขณะที่ผู้ดูแลจวนย้ายร่างของหนึ่งในหญิงสาวที่ล้มนอนอยู่ ทันใดนั้นก็พบว่าหญิงสาวนี้ยังมีลมหายใจอยู่แผ่วเบา จากนั้นจึงกล่าวเช่นนั้นไปด้วยความเร่งรีบ
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ก็รีบเข้าไปดู พบว่านางยังมีลมหายใจอยู่จริงด้วย จึงได้รีบสั่งให้คนไปตามท่านหมอมา ส่วนตนนั้นได้ขึ้นเกี้ยวไปด้วยความเร่งรีบ และมุ่งหน้าไปยังประตูพระราชวัง
หลังจากเข้าไปในพระราชวังแล้ว เขาก็มิได้รออยู่ที่หน้าห้องโถงของตำหนักจินหลวน แต่กลับมุ่งตรงไปที่ตำหนักฉินเจิ้ง
จักรพรรดิหนิงเพิ่งลุกขึ้นและกำลังแต่งกายอยู่ เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงแจ้งขอเข้าเฝ้าของขันทีฝ่ายใน จากนั้นจึงหันไปหาหัวหน้าเจิ้งและกล่าวว่า ” เขามาที่ตำหนักฉินเจิ้งยามเช้าเช่นนี้ แสดงว่าต้องเกิดเรื่องเร่งด่วนอย่างแน่นอน เชิญเข้ามาเถิด”
หัวหน้าเจิ้งตอบรับและหันไปตอบว่า “เชิญ…”
ประตูถูกเปิดออก ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เดินมาอยู่ตรงหน้าจักรพรรดิหนิง แล้วคุกเข่าลง
“ว่ามาเถอะ เจ้ามาเช้าเช่นนี้มีเรื่องด่วนกระไรหรือ?” จักรพรรดิหนิงเอื้อมมือออก และให้นางกำนัลสวมเสื้อคลุมลายมังกร เสียงของเขาฟังดูแผ่วเบา
“ทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เช้าวันนี้ ขณะที่หม่อมฉันออกมาจากจวนก็พบว่ามีศพของหญิงสาวและหญิงสาวที่สลบไปแล้วนอนอยู่หน้าประตูจวนพ่ะย่ะค่ะ เมื่อหม่อมฉันดูรูปลักษณ์ของศพหญิงสาวนั้นแล้ว พบว่าเป็นองค์หญิงหัวจิ้งพ่ะย่ะค่ะ สภาพศพนั้นอนาถอย่างมาก หม่อมฉันรีบร้อนมิกล้ารอช้า จึงได้รีบมาทูลต่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เสียงของผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่นั้นสั่นเล็กน้อย ลมหายใจของเขาไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่
จักรพรรดิหนิงชะงักเล็กน้อย “ใครหรือ? หัวจิ้ง?”
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ก็รีบก้มศีรษะลงกับพื้นอีกครั้งและกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า ” ใช่องค์หญิงหัวจิ้งพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วตอนนี้ศพอยู่ที่ใด?” จักรพรรดิหนิงหันกลับมามองที่ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาของเขามืดลงเล็กน้อย
หม่อมฉันนำองค์หญิงหัวจิ้งและหญิงสาวที่หมดสติเข้าไปในจวนของหม่อมฉันแล้วพ่ะย่ะค่ะ ที่อีกทั้งได้เชิญหมอแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ตอบด้วยเสียงต่ำ
จักรพรรดิหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปบอกกลับหัวหน้าเจิ้งว่า ” ส่งพระราชโองการไปว่า ยกเลิกการออกว่าราชการของวันนี้” หัวหน้าเจิ้งรีบตอบรับ และเดินออกจากตำหนักฉินเจิ้งไปอย่างเร่งรีบ การยกเลิกการออกว่าราชการนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องให้เขาไปส่งสารด้วยตนเองเท่านั้น
นางกำนัลได้สวมชุดคลุมลายมังกรให้จักรพรรดิหนิงเรียบร้อยแล้ว จักรพรรดิหนิงเดินวนไปมาอยู่ในตำหนักอยู่หลายรอบ จากนั้นจึงหันไปพูดกลับผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ว่า ” เจิ้นจะไปพร้อมเจ้า ขันที เตรียมรถม้า” ขณะที่พูดเขาก็เดินออกไปนอกตำหนัก
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ตอบรับอย่างรวดเร็วและรีบตามพระองค์ไปอย่างเร่งรีบ
ศพของหัวจิ้งถูกเก็ยไว้ในห้องข้างของจวนผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ ศพวางอยู่บนเตียง ในห้องนั้นยังมีเบาะนุ่มหนึ่งผืน คนที่นอนอยู่บนเบาะนุ่มคือผู้หญิงที่พวกเขาพบพร้อมหนิงหัวจิ้ง
จักรพรรดิหนิงมองไปที่ศพของหัวจิ้งอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน จากนั้นจึงหันไปมองผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่ “ฝ่ายพิสูจน์ศพได้มาตรวจดูหรือยัง?”
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่รีบตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า ” ตรวจสอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่ายพิสูจน์ศพ:black”>รออยู่ด้านนอกประตูพ่ะย่ะค่ะ ให้หม่อมฉันเชิญมาหรือไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
“เชิญ” จักรพรรดิหนิงพูดอย่างเฉยเมย ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่หันไปส่งสายตาให้ผู้ติดตาม จากนั้นตนก็ยกเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีมาแล้วก้มลงพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท เชิญพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหนิงพยักหน้าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็เห็นฝ่ายพิสูจน์ศพเดินเข้ามา ค่อยๆเดินมาอยู่ตรงหน้าจักรพรรดิหนิง จากนั้นก็ถวายบังคม จักรพรรดิหนิงจึงถามว่า ” ได้ผลว่าเป็นอย่างไรบ้างหรือ?”
ฝ่ายพิสูจน์ศพพูดอย่างรวดเร็วว่า ” องค์หญิงหัวจิ้งเสียชีวิตในสภาพที่น่าสังเวชอย่างมาก มีรอยแผลมากมายบนร่างกาย มีร่องรอยของการโดยเฆี่ยนด้วยแส้ มีร่องรอยของการถูกฟันด้วยดาบขนาดเล็ก นิ้วถูกหนีบด้วยเครื่องบีบนิ้ว อีกทั้ง ดูเหมือนว่าท้องขององค์หญิงจะถูกกระทำอย่างหนักพ่ะย่ะค่ะ จนทำให้แท้งบุตร แต่ว่าบาดแผลที่คอขององค์หญิงหัวจิ้งนั้นเป็นเหตุที่ทำให้องค์หญิงหัวจิ้งเสียชีวิตพ่ะย่ะค่ะ อาจจะเป็นแผลที่เกิดจากดาบ และเสียชีวิตในทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
มือของจักรพรรดิหนิงเคาะไปที่ที่วางแขนของเก้าอี้เบา ๆ คิ้วของเขาขมวดตลอดเวลาตั้งแต่ที่ออกจากพระราชวังมา และตอนนี้ก็ขมวดแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“มีการค้นพบอื่นอีกหรือไม่” เสียงของจักรพรรดิหนิงนิ่งสงบ
ฝ่ายพิสูจน์ศพพูดอย่างรวดเร็วว่า ” หม่อมฉันพบสิ่งนี้บนตัวขององค์หญิงหัวจิ้งพ่ะย่ะค่ะ……….” ฝ่ายพิสูจน์ศพหยิบของสองสามชิ้นออกมาจากแขนเสื้อตนเอง แล้วมอบให้จักรพรรดิหนิง ขันทีที่อยู่ข้างๆก็รีบรับมา แล้วเปิดออกมาให้จักรพรรดิหนิงทีละชิ้น
“หม่อมฉันพบว่ามีจดหมายและป้ายประจำตัวขององค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลาง และรวมถึงจดหมายจากหลี่จิ้งเหยียนพ่ะย่ะค่ะ” ฝ่ายพิสูจน์ศพพูดเบา ๆ
จักรพรรดิหนิงพยักหน้า จ้องมองไปที่จดหมายในมือของขันทีฝ่ายใน และอ่านทุกฉบับอย่างละเอียด แล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า ” เก็บกลับไปเสีย”
จักรพรรดิหนิงจ้องมองหญิงสาวที่นอนอยู่เบาะนุ่ม ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวเป็นสาวใช้ จักรพรรดิหนิงรู้สึกว่าสาวใช้นั้นค่อนข้างหน้าคุ้น และไม่ได้กล่าวอะไรอยู่นาน
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่รีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “เมื่อสักครู่หมอได้รักษาผู้หญิงคนนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะถูกข่มขืน ช่วงล่างของร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสพ่ะย่ะค่ะ และเหตุผลที่เป็นลมนั้นเป็นเพราะนางเหนื่อยล้าเกินไป และไม่ได้กินอาหารเป็นเวลานานพ่ะย่ะค่ะ อีกไม่นานก็คงจะฟื้นพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าให้หม่อมฉันไปบอกให้หมอจ่ายยากระตุ้นให้นางฟื้นขึ้นมาโดยเร็วดีพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหนิงพยักหน้าเล็กน้อย แววตาของเขาครุ่นคิดเล็กน้อย
ผู้พิพากษาแห่งศาลต้าหลี่รีบลงไปเตรียมการ ไม่นานก็หยิบซองยามาวางบนจมูกของผู้หญิงที่นอนสลบอยู่บนเบาะ ไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหันและอุทานว่า “องค์หญิง องค์หญิง ท่านจะไม่เป็นไรนะเพคะ หม่อมฉันจะพาท่านไปเอง พาท่านกลับไปที่พระราชวัง พาท่านไปหาฝ่าบาท…………”