ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 423 แสดงละคร (๒)
จักรพรรดิหนิงได้ยินดังนั้น พลันถอนหายใจออกมา “หากเจ้ายอมรับออกมาง่ายดายเช่นนี้ เจ้าจะให้เจิ้นบอกกับข้าราชบริพารเช่นไร จิ่งขุยยังเป็นเสนาบดีจิ่งอยู่ อีกทั้งยังมีกองกำลังตนเองอีกเป็นร้อย เจ้ามิได้พูดคุยอะไรกับข้าเลยแล้วไปเผาบ้านเสนาบดีเช่นนี้”
หยุนชางพลันยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ชางเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของเสด็จพ่อ ท่านต้องช่วยชางเอ๋อร์ปกปิดสิ”
จักรพรรดิจะร้องก็ไม่ออก จะหัวเราะก็มิได้ พลันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จึงพูดออกมาว่า “หากตอนนี้เจ้าจับพวกเขาได้แล้ว. เหตุใดถึงไม่ส่งพวกเขามาให้เจิ้นเล่า ? ”
“ยังมิถึงเวลาเพคะ ตอนนี้หลักฐานยังมีไม่มากพอ อีกทั้งเรื่องลอบฆ่ารัชทายาทแคว้นเซี่ยยังมิทันได้กระจ่าง หม่อมฉันกลับคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีความเกี่ยวพันกันเป็นแน่ อีกทั้ง ยังเกี่ยวข้องกับกับความสัมพันธ์ของเสนาบดีจิ่งและเสด็จพ่ออีก หม่อมฉันสืบไปถึง ตระกูลของจิ่งขุย น้องชายของพ่อบ้านนั้นได้ให้สตรีในซ่องตามหาคนมาปลอมตัว อีกทั้งวันที่หอยวี่หมั่นนั้น เขาเป็นคนแรกที่บอกว่าจำเสียงของท่านอ๋องได้ ”
หยุนชางพลันขมวดคิ้วพร้อมถอนหายใจออกมา “ไม่กี่วันมานี้. หม่อมฉันล้วนแต่ปวดหัวในการตามหาสือหาเรื่องพวกนี้. ไม่ได้มีเวลาสอบถามพวกเขาเป็นจริงเป็นจังเสียที จึงได้ขังพวกเขาไว้ในวังก่อน ชางเอ๋อร์มิรู้ว่าเป็นเพราะมีคนรู้ถึงเรื่องนี้หรือไม่ จึงสั่งให้คนมาลอบฆ่าหม่อมฉัน ?”
จักรพรรดิหนิงพลันครุ่นคิดอยู่นาน พร้อมพูดออกมาว่า “รัชทายาทแคว้นเซี่ยที่ถูกขังอยู่ในคุกนั้นก็ถูกคนลอบสังหารตายไปแล้ว ภายในคุกจึงไม่ใช่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป ในราชวังคนไปมาเยอะมาก เกรงว่าเรื่องอาจจะเล็ดลอดออกมาได้ เจ้าขังไว้ในวังจิ้งอ๋องก่อนเถอะ เอาตามที่เจ้าบอก ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานมากพอ ยังดีที่เป็นหลี่จิ้งเหยียน แต่เดิมเขาเป็นคนดื้อรัน ตายไปได้ก็ดี อีกด้านยังเป็นรัชทายาทแคว้นเซี่ยอีก ที่โดนขังอยู่ในคุก หากมีคนรู้เข้าละก็ จะเป็นการยากที่จะอธิบายออกมา ”
“อื้ม สิ่งที่เสด็จพ่อกังวลนั้น ก็มีเหตุผลเพคะ ทว่าในตอนนี้ ในมือของหม่อมฉันยังมีคนที่พอใช้การได้อยู่บ้าง อีกทั้งเสด็จพ่อยังมิรู้ใช่หรือไม่ว่า ครั้งที่ชางเอ๋อร์อยู่ที่เมืองคังหยางนั้นได้กราบไหว้อาจารย์ชิงชางให้มาเป็นอาจารย์ ตอนนี้อาจารย์ชิงชางก็ได้มาอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว เขาเก่งด้านค่ายกลแปดชั้นเป็นอย่างมาก หม่อมฉันจักให้อาจารย์ช่วยมาวาดค่ายกลให้ในวังจิ้งอ๋อง คนอื่นจักได้ไม่บุกทะลวงเข้าไปได้ ” หยุนเมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงรีบพูดออกมา
“โอ้ ? ” จักรพรรดิหนิงพลันหลี่ตามองอยุ่ชั่วครู่ พลางพยักหน้าลง “ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ทำตามที่เจ้าเห็นสมควรเถิด ” เมื่อพูดจบพลันขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้นมาว่า “จิ่งขุยผู้นั้น หากเจ้ารู้สึกสงสัยในตัวเขา เจิ้นจะสั่งให้คนไปจับตามองเขาแต่โดยดี หากเจ้าพบเจอหลักฐานเมื่อใด เจ้าเรียกคนให้ไปจับเขาได้เลย”
เมื่อได้ยินจักรพรรดิหนิงพูดเช่นนั้น จิ่งขุย หากพบเจอหลักฐานเมื่อใด นางจักต้องเรียกคนให้ไปจับเขาอยู่แล้ว หากแต่หยุนชางกลับคิดว่า ผู้ที่เป็นถึงเสนาบดีของแคว้นแล้ว มิใช่อยากจะปลดลงมาเมื่อใดก็ได้ หยุนชางพลันกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเย็นชา หากแต่ ถ้าเป็นข้อหาว่าร่วมมือกับศัตรูเล่า นั้นไม่ต้องพูดถึงเลย จักต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตรเป็นแน่
“หวางเฟย”เฉียนยินมองหน้านางด้วยความกล้ากล้ากลัวกลัว “หวางเฟย ท่านกำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือ เมื่อครู่ท่านเหม่อลอยตั้งแต่ออกจากพระราชวังแล้ว”
หยุนชางพลันชะงักไปสักพัก พร้อมวางตำราลง แล้วจึงพูดอย่างเป็นกันเองว่า “มีอะไรงั้นหรือ ? มีอะไรเกิดขึ้นกัน ? ”
เฉียนยินจ้องมองนางด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จึงพูดขึ้นมาว่า “ท่านอ๋องส่งลั่วอี้มาแจ้งแก่หวางเฟยว่า หนิงหัวจิ้งสารภาพทุกอย่างออกมาหมดแล้ว จึงให้มาถามว่า หวางเฟยต้องการไปพบนางหรือไม่ ? ”
หยุนชางได้ยินดังนั้น พลันใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม “ไป ทำไมข้าจักต้องไม่ไปกัน ? ข้ารอวันนี้มานานแล้ว นานหลายปีเลยทีเดียว”
เฉียนยินได้ยินดังนั้นจึงยิ้มออกมา “องค์หญิงหัวจิ้งได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากเพคะ ได้ยินมาว่า ไม่กี่วันมานี้ นางถูกทรมานอย่างหนัก อีกทั้งวันนี้ ต้องมาถูกคิดบัญชีความโกธรแค้นของหวางเฟยอีก มิรู้ว่านางจะทนไหวหรือไม่”
หยุนชางพลันหัวเราะออกมาด้วยความเย็นชา พร้อมยืนขึ้น เดินออกไปนอกห้อง วังของจิ้งอ๋องส่วนใหญ่นั้นเต็มไปด้วยห้องลับ หยุนชางถูกลั่วอี้พามายังกลางสวนดอกไม้ที่มีภูเขาปลอม ๆ ตั้งอยู่ พลางเดินเข้าไปในทางลับ ยังมิถึงหนึ่งก้านธูป ก็มาโผล่ยังห้องลับแห่งหนึ่ง ภายในห้องมีคบเพลิงอยู่ ทว่าก็ส่องสว่างเป็นอย่างดี
หนิงหัวจิ้งถูกมัดอยู่กับกรงเคร้นความลับออกมา เสื้อผ้าอาภรณ์ที่อยู่บนร่างกายนั้น ล้วนแต่ดูมิได้ ผิวหนังที่ถูกเปิดออก มีร่องรอยเต็มไปด้วยบาดแผลที่ลึกตื้นเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีรอยที่ถูกรัดไปด้วยเชือก และยังมีบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆที่มิรู้ว่าเกิดจากอันใดอีกมาก มือเต็มไปด้วยร่องรอยความช้ำ เกรงว่าจะต้องเข้าเฝือกเสีย ก่อนหน้านั้นคงโดนทรมานด้วยความโหดร้ายมาเป็นแน่ เปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่นั้น มิรู้ว่าเป็นเพราะสลบไปหรือว่าผลอยหลับไป
ใบหน้าของลั่วอี้พลันอึมครึมขึ้น เต็มไปด้วยความเย็นชา เมื่อจ้องไปยังหนิงหัวจิ้ง จากนั้นจึงหันไปโค้งคำนับหยุนชาง “หวางเฟย หนิงหัวจิ้งสลบไปแล้ว ท่านต้องการให้ข้าน้อยปลุกนางขึ้นมาหรือไม่ขอรับ ?”
หยุนชางพลันยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลและอ่อนหวาน “ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว หากนางสลบเช่นนี้ ให้ข้ามองนางเฉยๆ จะมีประโยชน์อันใดกันเล่า ?”
“ขอรับ”ลั่วอี้เมื่อรับคำสั่ง ก็รีบร้อนเดินไปหยิบถังน้ำมาหนึ่งถัง ลั่วอี้พลันสาดออกไปบนตัวหนิงหัวจิ้ง ทว่าเมื่อหยุนชางเห็นดังนั้น ในถังนั้นที่แท้มิใช่น้ำ หากแต่เป็นสีแดงสด หลังจากครุ่นคิดไปชั่วครู่นั้น จึงเฉลยออกมาว่า “น้ำพริกงั้นหรือ ? ”
ลั่วอี้พยักหน้าลง หากแต่ก็มิได้พูดอันใดออกมา พลันได้ยินเสียงร้องของหนิงหัวจิ้งดังขึ้นมาว่า “เจ็บ. ข้าเจ็บเหลือเกิน ”
หยุนชางที่เห็นหยาดเหงื่อบนใบหน้าของนางผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดถึงขีดสุด ราวกับนางกำลังถูกความเจ็บปวดดึงดูดอยู่ จึงมิทันได้เห็นหยุนชางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
“เสด็จพี่. โดนน้ำพริกราดเช่นนี้รู้สึกเช่นไรบ้างเพคะ ? ” หยุนชางหัวเราะเบา ๆ พลางเปิกปากถามออกมา
สตรีที่ถูกขังมัดติดกับกรงเคร้นความลับนั้น ร่างกายพลันสั่นเทาไปทั้งตัว นางพยายามเป็นอย่างมากที่จะยับยั้งการสั่นของร่างกาย พลางค่อย ๆ เบิกตาขึ้นมามองหยุนชาง ทว่าเมื่อเห็นรูปลักษณ์ตรงหน้าราวกลับกำลังทำให้นางเสียสติ ร่างกายจึงเริ่มสั่นมากยิ่งขึ้น”หนิงหยุนชาง ! หนิงหยุนชาง ! เป็นเจ้า ! ”
รอยยิ้มของหยุนชางพลันสดใสขึ้นมา “เป็นหม่อมฉันเองเพคะ เสด็จพี่ หม่อมฉันเอง เสด็จพี่มักจะใส่ใจกับรูปร่างหน้าตามิใช่หรือ ทำไมตอนนี้หน้าตาของท่านถึงโหดร้ายเช่นนี้? ”
เส้นเลือดบนหน้าผากของหนิงหัวจิ้งราวกลับจะระเบิดออกมา นางขบฟันไปมาด้วยความโกธรแค้น ขบจนสันกรามนูนขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เพียงชั่วครู่ จากร่างกายที่กำลังสั่นเทานั้นกลับสงบลงมา บาดแผลที่ถูกน้ำพริกสาดลงมานั้นยังมีความเจ็บปวดอยู่มาก หากแต่หนิงหัวจิ้งพลันเก็บสีหน้าที่กำลังเจ็บปวดลงมา เพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูปนางก็ยกยิ้มขึ้นมาได้
“หนิงหยุนชาง ไม่คิดว่า ที่ข้าวิ่งวนไปมานั้น ข้าจะมาตกลงมาอยู่ในกำมือของเจ้าได้ ” นางกัดฟันพูดออกมา
หยุนชางรู้สึกได้เช่นกัน ชาติที่แล้วนั้น รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายของหัวจิ้งยังคงติดตานางอยู่ แม้ชาตินี้ นางจะมาเกิดใหม่แล้วก็ตาม สายน้ำมิอาจหวนคืนได้ ตอนนี้ถึงตาของนางที่ต้องคิดบัญชีแค้นกับหนิงหัวจิ้งแล้ว
หยุนชางพลางหลี่ตาเล็กน้อย. หนิงหัวจิ้ง เจ้าจำได้หรือไม่ ว่าชาติที่แล้วเจ้าทำอะไรไว้กับข้าบ้าง ? เจ้าและเสด็จแม่ของเจ้านั้น ปลูกฝังให้ข้าเกิดมาเป็นอิสตรีที่ชั่วร้าย จงใจให้ข้าแต่งออกไปในครอบครัวที่เบื้องหน้ามีแต่ความอ่อนโยน หากแต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยความโหดร้ายยันเข้ากระดูกเช่นโม่จิ้งหราน. ข้าสงสารที่เจ้าสูญเสียสามีไปในสนามรบ จึงรับเข้ามาอยู่ในวังด้วยกัน เจ้ากลับมาแย่งสามีข้าไปและยังไปเกลี่ยกล่อมให้เขามาดูถูกข้า เจ้ากรีดใบหน้าของข้า อีกทั้งยังให้ข้าเห็นลูกในไส้ของตนเองตายลงต่อหน้าต่อตาอีก ทว่าเสด็จแม่ของเจ้ายังใจดีนำเหล้าพิษมาให้ข้าอีก
หยุนชางพลันยืนขึ้นและยกยิ้มอย่างช้า ๆ พร้อมเดินไปทางหนิงหัวจิ้ง