ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - บทที่ 430 ฝุ่นผงตกตะกอน
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ก็หมายความว่าจิ่งเหวินซีถูกขังอยู่ที่นี่งั้นหรือ? หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองไปรอบด้านก็เห็นว่าที่นี่เป็นเพียงจวนเล็กๆ ที่ค่อนข้างโทรมกว่าจวนของหลิ่วหยินเฟิงอยู่มาก จิ้งอ๋องเอื้อมมือออกไปจูงมือของหยุนชางแล้วเคาะประตูสองสามครั้ง ประตูก็ถูกเปิดขึ้น ด้านในมีศีรษะโผล่ออกมามองจิ้งอ๋องแวบหนึ่ง แววตานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “นายท่านมาหรือ? ข้าน้อยคิดว่านายท่านลืมไปแล้วว่าที่นี่ขังคนไว้คนหนึ่ง”
จิ้งอ๋องไม่ใส่ใจคำบ่นของผู้ใต้บังคับบัญชา เขาจูงมือพาหยุนชางเดินเข้าไป เมื่อคนผู้นั้นเห็นดังนั้นก็ทำหน้าราวกับเห็นผี ดวงตาของเขาเบิกกว้างและมองไปยังมือทั้งสองที่กุมไว้แน่นด้วยความสยดสยอง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้สติ เขารีบปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปด้านใน
จวนนี้ไม่ต่างจากจวนทั่วไป มีข้าวที่ตากแดดอยู่เล็กน้อย หยุนชางกวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วก็เห็นชายสองคนยืนอยู่ในลานบ้าน ท่าทางมีวิทยายุทธ์สูงส่ง
จิ้งอ๋องพาหยุนชางเข้าไปในห้องโถงหลัก จากนั้นเลี้ยวเข้าไปในห้องด้านข้าง เปิดประตูตู้ที่มุมห้องแล้วเดินเข้าไป หยุนชางอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะได้สติ เกรงว่าในตู้คงมีบางอย่างแปลกๆ และก็เป็นไปตามที่นางคาด ทันทีที่นางเข้าไปก็ได้ยินเสียงดังปัง ด้านหน้ามีประตูเปิดอยู่ แสงไฟภายในมือสลัว หยุนชางมองไปก็เห็นบันไดยาวปรากฏขึ้นตรงหน้า
เมื่อเดินตามจิ้งอ๋องลงไปและเลี้ยวสองสามรอบ นางก็เห็นห้องศิลามืดทึบ ในห้องนั้นมีเพียงเตียงหินและหญิงสาวคนหนึ่งนอนขดตัวอยู่บนเตียงนั้น ด้านข้างมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ เมื่อเขาเห็นจิ้งอ๋อง เขาก็รีบมาทำความเคารพ “นายท่าน”
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ชายคนนั้นรู้ว่าเขากำลังถามถึงหญิงสาวคนนั้นจึงตอบว่า “สองสามวันนี้นางไม่ยอมกินอาหาร กำลังสร้างปัญหาอยู่ทีเดียว ร่างกายของนางอ่อนแอมาก ไม่เช่นนั้นข้าน้อยไปเอาอาหารมากรอกปากนางดีไหมขอรับ?”
หยุนชางส่ายหัว “หากกำลังอ่อนแอก็พอดีเลย”
ชายคนนั้นเพิ่งสังเกตเห็นว่ายังมีคนอยู่ข้างๆ จิ้งอ๋อง เขาหันมามองหยุนชางด้วยสีหน้าตกใจ จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว สตรีงดงามตรงหน้าต้องเป็นพระชายาของจิ้งอ๋องแน่
หยุนชางหันไปมองจิ้งอ๋อง “ชางเอ๋อร์ได้ยินหลิ่วหยินเฟิงบอกว่าหากใช้ธูปพระพุทธเจ้านี้กับคนธรรมดาก็จะเพียงทำให้สลบไปเท่านั้น แต่หากใช้กับผู้มีร่างกายอ่อนแอหรือไม่ค่อยมีสติสัมปชัญญะจะสามารถควบคุมพวกเขาได้ จะให้ตอบอะไรก็ต้องตอบ ตอนนี้เหมาะที่จะใช้ได้พอดีเลยเพคะ”
จิ้งอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็รับปาก “ในเมื่อเจ้าว่าอย่างนี้ก็ตามใจเจ้าเถอะ”
หยุนชางหัวเราะเบาๆ แต่ก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “เพียงแต่ในห้องศิลานี้ หากจะจุดธูปและพวกเราก็อยู่ด้วยจะไม่ต้องดมไปด้วยหรือ?” หยุนชางถาม แต่ไม่รอให้จิ้งอ๋องตอบ นางก็รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ชางเอ๋อร์คิดหาวิธีได้แล้ว ท่านอ๋องให้คนขังจิ่งเหวินซีไว้ในห้องที่เล็กกว่านี้ เรากลั้นหายใจจุดธูปและออกจากห้องไป แล้วคอยถามนางทางด้านนอกก็ได้”
จิ้งอ๋องพยักหน้าและหันไปมองชายที่อยู่ด้านข้าง ชายคนนั้นจึงรีบเอ่ยว่า “จวนนี้มีห้องเก็บฟืนที่ค่อนข้างเล็กขอรับ”
จิ้งอ๋องจึงให้คนนำจิ่งเหวินซีที่ดูเหมือนจะนอนหมดสติอยู่บนเตียงหินไปยังห้องเก็บฟืนและให้คนนำน้ำเย็นมาราดลงบนตัวของจิ่งเหวินซี
จิ่งเหวินซีตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น นางเห็นจิ้งอ๋องและหยุนชางยืนเคียงข้างกันในบ้านและมองดูนางอย่างเงียบๆ
จิ่งเหวินซีตัวสั่นเทิ้มขึ้นทันที นางก้มศีรษะและฝังหน้าลงไปในกองฟาง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงจะเอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าท่านจะมาหาข้า แต่ทำไมท่านถึงพานางมาที่นี่ด้วย ข้าไม่อยากเห็นหน้านาง ท่านเอานางออกไป เอานางออกไป”
หยุนชางยิ้มบางๆ นางจับมือของจิ้งอ๋องแล้วเดินออกจากห้องเก็บฟืนไป นางเทยาเม็ดออกมาจากขวดแล้วยื่นให้ชายคนนั้น ชายคนนั้นเดินเข้าไปพร้อมกับจุดไฟ แล้วจึงรีบโยนมันไปไว้ข้างกายจิ่งเหวินซีพร้อมแล่นออกไปอย่างรวดเร็วและปิดประตู
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ หยุนชางจึงเขยิบเข้าไปใกล้และตะโกนเข้าไปในห้องเก็บฟืน “จิ่งเหวินซี เจ้าและชางเจียคังหนิงทำอะไรกันที่วิหารชิงเฟิง?”
เสียงของจิ่งเหวินซีดังมาจากด้านใน “ข้าเรียกเตี๋ยเอ๋อร์จากหอเยียนจื่อมายั่วยวนชางเจียคังหนิง ข้ามองดูพวกเขาร่วมรักกันต่อหน้าข้าจากนั้นข้าก็เข้าร่วมกับพวกเขาด้วย”
หยุนชางหันหลังมาพยักหน้าให้จิ้งอ๋องแล้วตะโกนถามอีกครั้ง “จิ่งเหวินซี เจ้ากับจิ่งขุยพ่อของเจ้ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร?”
“จิ่งขุยไม่ใช่พ่อของข้าแต่เป็นเจ้านายของข้า เขาให้คนมาสอนดนตรี หมากรุก ประดิษฐ์อักษรและวาดภาพให้แก่ข้า ทั้งยังให้คนมาสอนข้ายั่วยวนผู้ชายและยังสอนเรื่องบนเตียงให้ข้าด้วยตนเอง ทั้งยังให้ข้าเรียกเขาว่าพ่อบุญธรรม”
หยุนชางหรี่ตาลง เรื่องนี้สอดคล้องกับสิ่งที่นางสืบมาได้ หยุนชางยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ทำไมจิ่งขุยจึงให้เจ้าไปยั่วยวนชางเจียคังหนิง?”
“เพราะจิ่งขุยต้องการให้ชางเจียคังหนิงพาข้าเข้าไปในวังแล้วเขาจะหาโอกาสที่จะให้ข้าอยู่กับจักรพรรดิหนิงตามลำพัง เขาขอให้ข้าวางยาฝ่าบาทเพื่อที่จะได้เข้าวังไปเป็นผู้หญิงของฝ่าบาทได้อย่างราบรื่น จิ่งขุยยังขอให้ข้าบอกชางเจียคังหนิงว่าที่พระชายาของจิ้งอ๋องดูแคลนเขาเช่นนั้นที่งานเลี้ยงในวัง เขาก็ควรจะแก้แค้นและหากเขาต้องการแก้แค้นก็สามารถร่วมมือกับจิ่งขุยได้”
ในใจหยุนชางเริ่มไม่เข้าใจนัก จิ่งขุยเป็นหัวหน้าของเหล่าขุนนางนับร้อยแล้ว เรื่องที่เขาทำทุกวิถีทางเพื่อส่งนางไปเป็นสนมของเสด็จพ่อนางก็พอเข้าใจได้ แต่เหตุใดจึงต้องร่วมมือกับพวกหลี่จิ้งเหยียนเพื่อจัดการชางเจียคังหนิงด้วย?
“จิ่งขุยเป็นบุตรนอกสมรสของอดีตจักรพรรดิ แต่อดีตจักรพรรดิและไทเฮามีข้อตกลงกันไว้ว่าจะให้บุตรชายของพวกเขาขึ้นครองบัลลังก์ เพราะกลัวว่าจิ่งขุยจะลุกขึ้นมาสู้กับองค์จักรพรรดิ เดิมไทเฮาต้องการกำจัดเขา แต่อดีตจักรพรรดิคิดว่าอย่างไรเขาก็เป็นบุตรชายของเขา แม้แต่เสือก็ยังไม่กินลูกตัวเอง สุดท้ายจึงได้ให้จิ่งขุยทำหมันเพื่อที่จะได้ไม่มีบุตรสืบสกุลอีกต่อไปแล้วให้คนในวังพาเขาออกไปเลี้ยงดูเหมือนสามัญชน หลังจากที่จิ่งขุยรู้เรื่องนี้ เขาก็ต้องการแก้แค้น เขาต้องการชีวิตของฝ่าบาท จิ่งเหวินหลานก็เป็นเพียงลูกชายบุญธรรมของจิ่งขุยเช่นกัน ที่เขาเข้าใกล้ฉินเมิ่งก็เพียงเพื่อดำเนินการตามแผนการแก้แค้นของจิ่งขุย” เสียงคมชัดของจิ่งเหวินซีดังมา หยุนชางและจิ้งอ๋องต่างก็ตกใจมาก
เดิมทีหยุนชางรู้เพียงว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจิ่งขุย แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะมีความลับที่ไม่สามารถเผยออกได้เช่นนี้ หยุนชางรีบหันไปหาจิ้งอ๋อง “ข้าต้องเข้าวัง รบกวนท่านอ๋องเค้นถามนางต่อไปด้วย หากได้เรื่องอะไรให้คนเข้าวังไปบอกชางเอ๋อร์โดยตรง เรื่องนี้มีความเกี่ยวพันยิ่งใหญ่…”
เมื่อจิ้งอ๋องพยักหน้า หยุนชางจึงรีบออกจากประตูจวนและมุ่งหน้าตรงไปที่วัง
ในยามนี้จักรพรรดิหนิงอยู่ในวังชีอู๋ หยุนชางรีบให้ข้ารับใช้ในวังไปบอกเขาว่านางมีเรื่องด่วนต้องรีบกราบทูล หลิวชิงหย่าเป็นคนของหยุนชาง นางย่อมไม่โน้มน้าวให้จักรพรรดิหนิงอยู่ต่ออย่างแน่นอน
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม จักรพรรดิหนิงก็มาถึง “มีเรื่องอะไร? เหตุใดจึงได้รีบร้อนเช่นนี้?” จักรพรรดิหนิงเห็นเหงื่อบางๆ บนหน้าผากของหยุนชางจึงอดไม่ได้ที่จะข้องใจเล็กน้อย น้อยนักที่จะเห็นหยุนชางเป็นเช่นนี้
หยุนชางมองไปยังข้ารับใช้รอบด้านที่หลุบตาลง จักรพรรดิหนิงบอกให้พวกเขาออกไป หยุนชางจึงรายงานต่อจักรพรรดิหนิงอย่างรวดเร็วถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่นางได้ยินจากปากของจิ่งเหวินซี จักรพรรดิหนิงเมื่อได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “ข้าได้ยินอดีตจักรพรรดิพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน จึงได้เคยส่งคนไปตามหา แต่อดีตจักรพรรดิตั้งใจปกป้องเขา เจิ้นจึงไม่เคยพบเบาะแสอันใดเลย ที่แท้เป็นเขานั้นเอง”
“หยุนชางนิ่งเงียบก่อนไปครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยว่า “เรื่องนี้เกี่ยวพันกับคนจำนวนมาก อาศัยเพียงคำสารภาพของจิ่งเหวินซีก็สามารถใช้สังหารจิ่งขุยได้แล้ว แต่เราต้องดำเนินการให้เร็วพอ มิให้คนที่รู้สถานะของจิ่งขุยได้มีโอกาสชิงบอกขุนนางคนอื่นๆ ในราชสำนักก่อน”