ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 33 ความสงบก่อนพายุจะมา
ตอนที่ 33 ความสงบก่อนพายุจะมา
ในวันหนึ่งหนึ่งเพียงแค่พริบตาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วงพลบค่ำ แสงสุริยาตกกระทบลงครึ่งฟ้า ไวภพยืนพิงรถ รอคอยผลินออกมาจากห้องพักครู
มันเป็นช่วงครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเลิกเรียน ผลินลากเท้า เดินเชื่องช้ารอจนกว่านักเรียนทุกคนจะออกไป วันนี้แตก ต่างจากเช่นเคย เธอเป็นภรรยาของสามี ทุกการเคลื่อนไหว สามารถทำให้เสียชื่อเสียง
ไวภพเป็นผู้ชายที่อดทนมาก เขาเข้าใจความกังวลของ เธอ จึงไม่เข้าไปข้างในเพื่อเร่งเธอ มันยากที่จะรอจนกว่า เธอจะออกมา และเมื่อเธอออกมาเขาก็ล้อเล่นทันที “ผมมา ที่นี่เพื่อรอคอยกระต่าย และคุณไม่กลัวที่จะให้นกพิราบแก่ ผม”
ผลินยิ้มบางเบาและเข้าใปนั่งในรถของเขา
ไวภพขึ้นรถ เห็นเธอเหม่อลอย พยายามจะเอื้อมมือ ออกไปและรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ เธอป้องกันขัดขวางไว้ “ขอบคุณค่ะ ฉันจะทำเอง”
เขาพลันตกอยู่ในช่วงเวลาที่เศร้าหมอง แต่ก็ปรับความ รู้สึกอย่างรวดเร็ว “เราจะไปทานอะไรกันดีครับ”
“แล้วแต่คุณค่ะ วันนี้ฉันเป็นเจ้าภาพและคุณเป็นแขก”
“เป็นโอกาสที่หายากเสียจริง ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมคิดก่อน”
ไวภพขมวดคิ้วขึ้นและคิดเกี่ยวกับมันอย่างจริงจัง
“ร้านเฮก้แล้วกัน”
ผลินมองเขาอย่างประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้นเสียงเบา “นั่นเป็นร้านที่ฉันชอบ…
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ชอบเหมือนกัน”
เธอไม่พูดอีก ใจของเธอรู้ว่าเป็นเพราะว่าเธอชอบ นั่นจึง เป็นเหตุผลที่เขาชอบมัน
ร้านเฮก็ตั้งอยู่ ณ ถนนเมฆาอันเงียบสงบ ก้าวเข้าไปใน ร้านอาหารที่มีดวงไฟเป็นแสงสีฟ้า ช้อนส้อมสีฟ้า โต๊ะและ เก้าอี้เป็นสีฟ้า และมีภาพวาดของทะเลอีเจียนประดับ เป็น สไตล์การตกแต่งที่โรแมนติกสวยงาม อาหารที่ปรุงแต่ง อย่างประณีตเป็นรสชาติของยุโรปสไตล์เมดิเตอเรนียน
พวกเขาเลือกนั่งโต๊ะที่ติดอยู่ริมหน้าต่าง จากนั้นก็มี พนักงานนำเมนูอาหารเข้ามา ผลินส่งมันให้ไวภพ “ดูเลยค่ะ ว่าจะทานอะไร”
ไวภพไม่ปฏิเสธ และนำมันไปพลิกเปิดดูอย่างพินิจ พิเคราะห์ ใจผลินกำลังภาวนาขออย่าให้เขาสั่งอะไรที่เธอ
ชอบ
แต่ผลที่ได้รับคือเขาสั่งสิ่งที่เธอชอบทาน เธอแทบนั่งไม่ ติด เอ่ยถามด้วยความมึนงงสงสัย “คุณรู้ได้ยังไงคะ”
“ร้อะไรครับ” ไวภพเงยหน้าขึ้น
“รู้ว่าฉันชอบมัน”
“คุณพูดอะไรเหรอครับ” เขาถามด้วยรอยยิ้ม
“ชื่นใจบอกคุณเหรอคะ”
“ครับ”
ผลินลูบหน้าผากพลางถอนหายใจ เธอควรจะคิดได้ว่าน อกจากชื่นใจแล้วก็คงไม่มีใครกล้าที่จะทรยศเธอทั้งที่เธอไม่ เต็มใจ
มองออกไปนอกหน้าต่าง ได้เห็นรถที่คุ้นเคยโดยบังเอิญ หัวใจเธอเต้นแรง ถามผู้ชายฝั่งตรงข้ามด้วยความไม่แน่ใจ “คุณเห็นรถนั้นไหมคะ คิดว่ามันเป็นรถโรลส์รอยซ์หรือ เปล่า”
ไวภพมองตามสายตาของเธอและให้คำตอบที่แน่นอน
“ใช่ครับ”
หัวใจของเธอสั่นอีกครั้ง มันไม่น่าบังเอิญขนาดนั้นที่ป ยุตจะมาอยู่แถวนี้
ไม่ ไม่นะ ไม่เด็ดขาด เขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่ขับรถโรล ส์รอยซ์
อีกครั้งและอีกครั้งที่ผลินเอาแต่ปฏิเสธ นั่นคือสิ่งที่เธอ ทำหลังจากที่ได้เห็นรถที่คุ้นเคย และจนได้เห็นภาพคนที่คุ้น เคย ปยุตกับคนแปลกหน้าที่เข้ามาในร้านอาหาร และตรง เข้ามายังทิศทางที่เธออยู่
มันสายเกินไปที่จะหลบ เธอก้มหน้าลงด้วยความกระสับ กระส่าย เธอภาวนาในใจขอต่อโชคชะตาให้เขาไม่เห็น แต่ มันก็สายเกินไป ปยุตเห็นเธอตั้งแต่เดินเข้ามา
ถึงแม้จะก้มหน้าลงก็ยังรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นยะ เยือก หัวใจของผลินเหมือนหัวใจที่ตายแล้ว เธอรู้ดีกว่าใคร ว่าถ้าปยุตเห็นเธอกับไวภพอยู่ด้วยกันจะโกรธมากขนาด ไหน
ถูกจับได้ว่านอนในห้องของเขาเมื่อคืนนี้ มันเป็นโชค ดีของเธอที่เขาไม่ได้ทำเกินไป แต่ความโชคดีนั้นก็ไม่ได้ หมายความว่าจะโชคดีอยู่ร่ำไป และผลินก็ไม่เคยคิดว่าตัว เองโชคดี
หลายครั้งที่เธอโชคร้าย ยกตัวอย่างเช่นวันนี้ และตอนนี้
รองเท้าหนังขัดเงาคู่หนึ่งหยุดลงที่โต๊ะของเธอกับไว ภพ ในใจของผลินรับรู้ว่าไม่สามารถหลบซ่อนได้อีกจึงเงย หน้าขึ้นช้า ๆ แล้วก็พบเข้ากับสายตาที่มองมาอย่างเย็นชา ของปยุต เธออยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่มีอะไรจะพูดลำคอแห้งผากเหมือนสูบบุหรี่ อีกอย่าง ไม่ว่าจะภาษาใด ๆ หากพูดออกมาตอนนี้ก็ดูจะเป็นการกลิ้งกลอกไปเสียหมด
หัวใจแน่นิ่งเตรียมพร้อมที่จะตายลง เวลาผ่านไปอย่าง เชื่องช้า ทุกนาทีเหมือนนานนับปี ช่วงเวลาที่ปยุตเงียบไป ไม่กี่วินาทีนั้นเธอรู้ว่าเขาคงจะโกรธมาก แต่เขาเดินผ่านไป อย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่พูดอะไรเลย
มันเป็นความผิดปกติที่ผลินกังวลใจมาก ถึงแม้ว่าเธอจะ แต่งงานกับผู้ชายคนนั้น แต่เจ็ดหรือแปดส่วนของอารมณ์ ของเขา เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมรับและอดทนต่อการ โกหก
ปยุตนั่งข้างหลังเธอ หันหลังกลับไปและตั้งใจเข้าไป มองในดวงตาที่ซับซ้อนของเขา ความเจ็บปวดของผลิน เหมือนถูกทุบด้วยขวด มันผสมปนเปห้ารสชาติ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไร แต่สายตาแบบนั้นมันแย่กว่า ความโกรธ ผลินไม่มีความคิดที่จะอยู่ทานอาหารอีกต่อไป แล้ว เธอหันไปพูดกับไวภพ “เราเปลี่ยนร้านดีไหมคะ”
ไวภพพยักหน้ารับ “ครับ”
แน่นอนว่าเขาก็เห็นคุณปยุต ถึงเธอจะไม่ไป แต่เมื่อลอง พิจารณาจากสถานการณ์นี้แล้วเขาก็คงทำเหมือนกัน
เมื่อออกมาจากร้านเฮกี้ ยืนอยู่บนถนนสีเทา เธอปวด
ศีรษะไวภพขับรถออกมา รอจนกว่าเธอจะขึ้น แล้วจึงเอ่ยถาม “คุณจะกลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวผมไปส่ง”
“แต่เรายังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกลัวว่าคุณคงจะไม่มีอารมณ์ไป ทานข้าวกับผมแล้ว เอาไว้ค่อยนัดกันวันหลังแล้วกัน”
ผลินรู้สึกผิดและขอบคุณ พลางพยักหน้า “ขอบคุณค่ะ”
ไวภพมาส่งเธอที่ประตูรั้วใหญ่ของคฤหาสน์นภา เมื่อ ลงจากรถเธอก็กล่าวอย่างรู้สึกผิด “ต้องขอโทษจริง ๆ คราว หน้าถ้ามีโอกาสฉันจะเลี้ยงคุณอีกครั้งนะคะ”
“ครับ”
“แล้วเจอกันค่ะ”
เธอโบกมือให้ หันหลังแล้วเดินตรงไปภายใต้โคมไฟ ตามทางที่ทอดยาวซึ่งดูโดดเดี่ยว
จู่ๆ ไวภพก็ตะโกนเรียกเธอเสียงดัง เธอหันกลับไปอย่าง สงสัย “มีอะไรเหรอคะ”
“ถ้าหากรู้สึกว่ามันยาก ได้โปรดอย่าโทษตัวเองเลย คุณ แค่ต้องรู้ว่ามีคนที่ยังรอคุณ ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหนก็ตาม”
ผลินถอนหายใจและพึมพำกับตัวเอง “ถึงแม้ว่าจะไม่ สามารถรักคุณได้ แต่ฉันก็ขอบคุณ
เมื่อกลับเข้าไปถึงตัวบ้าน ห้องนั่งเล่นมีชีวิตชีวามาก เธอ ขึ้นมาข้างบนด้วยข้ออ้างที่ว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย รอปยุตอย่าง ทรมานในเวลาที่เขาจะกลับมาหาเธอและตั้งคำถาม
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในร้านอาหาร แต่เธอก็ไม่คิดว่า เขาจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางทีมันอาจเป็นเพราะ ความไม่สะดวกกับความเป็นตัวตนของเขา
ใจเธอเหม่อลอยท่ามกลางกองกระดาษ เธอรู้ว่าอะไร เป็นอะไรไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน แต่นี่เป็น ครั้งแรกที่เธอไม่มีสมาธิในการทำงานเลย ไม่ได้อ่านแม้แต่ คำเดียว ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเขาจะไล่เธอไป แต่มันเป็นความ รู้สึกที่ไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนและไม่แจ่มชัด
ถ้าไม่มีสถานการณ์พิเศษ เธอจะเลิกตอนสี่ทุ่ม แต่คืนนี้ เธอรอเขากลับมา มันเป็นเวลาห้าทุ่ม และเธอก็ยังนั่งอยู่ที่ โต๊ะ
ปยุตยังคงไม่กลับมาจนกระทั่งเวลาห้าทุ่มสิบห้านาทีก็ได้ ยินเสียงข้างนอกประตู หัวใจของผลินเหมือนถูกแขวน เธอ หลับตาลง รอรับความรุนแรงของพายุท่ามกลางความเงียบ
รออยู่สิบนาทีแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธออดไม่ได้ที่จะ สงสัย ลุกขึ้นและดึงประตูเปิด แอบมองออกไปภายนอก ประตู
ปยุตนอนอยู่บนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า ไม่มีสัญญาณของ
การพยายามที่จะจัดการกับเธอ ผลินลังเลอยู่ชั่วคร่ แล้วก็ตัดสินใจที่จะออกไปเพื่ออธิบายให้เขาฟัง เหมือนว่าเขาจะ ไม่ได้เตรียมแผนไว้ไล่บี้เรื่องที่เธอนอกใจ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ อึดอัด
“ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะหลอกคุณ ครูใหญ่ ไวภพเขาช่วยเหลือฉันเมื่อสองวันก่อน ฉันเชิญเขาไปทาน อาหารเพื่อจะตอบแทนบุญคุณ กลัวว่าถ้าบอกความจริงอาจ จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดจึงจำเป็นต้องโกหก”
ผลินยืนอยู่ต่อหน้าปยุต สารภาพว่าเธอไม่มีทางเลือกจึง ต้องโกหกเขา
ปยุตลืมตาขึ้นและจ้องมองเธอชั่วครู่ จู่ๆ เขาก็เอื้อมมือ ออกมาดึงเธอลงไปบนโซฟา พลิกเธอลงมากดทับไว้และ กัดฟันพูดทีละคำ “ตอนที่คุณสามารถพูดความจริงได้คุณ กลับไม่พูด มาพูดเอาตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว”
“คุณจะไล่ฉันอีกแล้วเหรอคะ”
“ไม่ไล่หรอก แต่ต่อจากนี้ผมจะเกลียดคุณมากขึ้นกว่าเดิม”
เขาปล่อยเธอแล้วยิ้มอย่างเย็นชา ผลินยืนตัวตรงและ พูดอย่างใจเย็น “ถ้าการที่คุณเกลียดฉันมันจะทำให้คุณ สบายใจขึ้นคุณก็เกลียดเถอะค่ะ”
ปยุตไม่มีทางรู้ สิ่งสุดท้ายที่ผลินจะกลัวก็คือการถูก เกลียด เพราะว่าเธอชินแล้ว ตั้งแต่แปดขวบเมื่อเริ่มก้าวเข้า สู่ประตูบ้านตระกูลเจริญมาศ จากนั้นมาเธอก็ชินกับมันเสียแล้ว
วันต่อมาเธอตื่นสาย ครอบครัวทรัพยสานทานอาหาร กันตอนเจ็ดโมงครึ่ง หลังจากดูเวลาการทานอาหารเช้าแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงไม่ต้องไปโรงเรียน เธอแต่งตัวสบาย ๆ หลังจากออกมา จากประตูห้องข้าง ๆ ที่เข้าไปเพื่อชำระล้างร่างกายและจัด แต่งทรงผม เดินผ่านภายในห้องของปยุต เห็นกล่องของ ขวัญสีม่วงแพ็กเกจประณีตอยู่ในถังขยะ หยิบมันขึ้นมาด้วย ความประหลาดใจ เปิดออกดู มันเป็นสร้อยคอที่มีมูลค่าสูง และมีลวดลายประณีตวิจิตรบรรจง
สร้อยคอที่ดีเช่นนี้ไม่น่าจะถูกทั้ง เป็นไปได้ว่ามันอาจ จะตกลงไปด้วยความที่วางอย่างไม่ระมัดระวัง เธอยืนอยู่ที่ ประตูอย่างไม่เข้าใจ แล้วจึงวางมันลงบนโต๊ะ เตรียมพร้อม ที่จะออกไปข้างนอก แต่ก็เหลือบมามองที่กล่องของขวัญ สี่เหลี่ยมนั่นอีกครั้ง ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวใจ สร้อย คอจะไม่เป็นอย่างนั้น หรือว่าเพราะปยุตเตรียมที่จะให้มันกับ เธอ
ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็มีความเป็นไปได้ ถ้า หากไม่ใช่เพื่อเธอแล้วทำไมเขาต้องทิ้งมัน ถึงแม้จะมีเงิน มากมายขนาดไหนก็เป็นเรื่องยากที่จะไม่ตื่นเต้นเกี่ยวกับมัน
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็เหมือนถูกผีเข้าสิงเดินกลับไป อย่างไม่รู้ตัว เปิดกล่องออกแล้วหยิบมันขึ้นมาใส่ที่รอบคอ ของเธอ
ก๊อกก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอเปิดประตูออก ป้า เอี่ยมพูดด้วยความเคารพ “คุณนายน้อยคะ กรุณาลงไปข้าง ล่างเพื่อรับประทานอาหาร ทุกคนกำลังรอคุณอยู่ค่ะ”
เธอถามอย่างตกใจ “มันไม่ได้เลยเวลาสำหรับอาหาร เช้าไปแล้วเหรอคะ”
“คุณนายท่านเห็นคุณไม่ได้ลงไปข้างล่างจึงเลื่อนเวลา ทานอาหารค่ะ”
“ค่ะ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้”
ผลินรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ละทั้งผู้ชายที่เกลียดเธอเอาไว้ ข้างหลัง ครอบครัวนี้ไม่เคยว่ากล่าวเธอเลย
รีบลงไปข้างล่าง เดินตรงไปยังโต๊ะอาหารและเอ่ยคำขอ โทษ “ขอโทษนะคะ ฉันตื่นสาย”
ไม่เป็นไรจะ เป็นเด็กเป็นเล็กก็ต้องนอนพักผ่อนเยอะ ๆ” แม่สามีตบมือเธออย่างอ่อนโยน
“ว้าว พี่สะไภ้คะ สร้อยคอของคุณสวยจังเลยค่ะ”
น้องสามีเข้ามาตื่นเต้นอยู่รอบ ๆ ตัวเธอ กัมลงมองอย่าง ใกล้ชิดแล้วก็กรีดร้อง “ว้าว นี่มันรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์แสง เงานี่คะ ทั้งโลกนี้มีเพียงแค่สิบเส้นเอง ฉันฝันว่าอยากจะซื้อ มาได้สักเส้นหนึ่ง คุณได้มันมาจากไหนเหรอคะ”
ผลินอึดอัดขึ้นเมื่อชำเลืองมองไปทางปยุต เขากำลัง จ้องมาที่สร้อยรอบคอของเธอด้วยประกายของความ ประหลาดใจ เธอมองเขา เขาหันไปอย่างเย็นชา อาหารเช้า มื้อนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
“ดีแล้วล่ะ เธอมีเครื่องประดับน้อยมากไม่ใช่เหรอ เรามา ทานข้าวกันดีกว่านะจ๊ะ”
คนเป็นแม่จ้องไปที่ลูกสาวของเธอ ขัดขึ้นเพื่อแก้ปัญหา ให้ผลิน เพราะเธอกำลังทำอะไรไม่ถูกเกี่ยวกับการบอกที่มา ของสร้อย
การทานอาหารเช้ามื้อนี้มันยากยิ่งกว่าการแทะหิน หลัง จากมื้อเช้าผ่านไป เธอพยายามที่จะหายใจ แต่ผู้ชายที่อยู่ ข้าง ๆ ก็พลันพูดขึ้น “ตามผมมา”