ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 50 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ตอนที่ 50 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ผลินส่งไวภพหลับไป แล้วหันไปสนใจผู้ชายที่ถูกทอด
ทิ้งมานาน
“คุณปยุต คุณไม่รู้เหรอว่าคุณกำลังไม่ปกติ ฉันเป็นคนที่ไม่ จําเป็นสำหรับคุณ อะไรคือเหตุผลที่คุณมาที่นี่กลางดึก”
คิดว่าตัวเองไร้ค่า ก็เลยทำเรื่องต่ำทรามแบบนี้น่ะเหรอ”
ใบหน้าของเขามืดมนราวกับว่าจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ตลอดทางเอาแต่คิดถึงวิธีที่ จะขอโทษผู้หญิงคนนี้ แต่กลับต้องมาเห็นภาพที่เขาไม่ ต้องการเห็น
“ระวังคำพูดของคุณด้วย ฉันทำเรื่องต่ำทรามยังไง”
เขายกนาฬิกาขึ้นดู “เที่ยงคืน จูบกับผู้ชายอยู่ข้างล่าง บ้านเพื่อน ถ้ามันไม่ใช่เรื่องต่ำทราม คุณบอกผมสิว่ามันคือ อะไร”
“อย่างแรก เราไม่ได้จูบกัน อย่างที่สอง ถึงแม้ว่าเขาจะทำ อะไร นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เป็นเรื่องระหว่างเรา มันเกี่ยว อะไรกับคุณไม่ทราบ
การโต้แย้งที่คมชัดของผลิน ดึงให้ความโกรธของปยุต ปะทขึ้นฉับพลัน
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะยอมรับว่าคุณสองคนเป็นชู้กันใช่ไหม”
หึ หมือนได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก ผลินเงยหน้าขึ้น ด้วยความเย่อหยิ่ง “แทนที่คุณจะหาผู้ชายให้ฉัน จะไม่ดีว่า เหรอถ้าฉันจะหาผู้ชายด้วยตัวเอง”
“คุณเป็นครูที่ให้ความรู้ คุณไม่รู้สึกละอายใจที่พูดแบบนี้ ออกมางั้นเหรอ ลักลอบออกไปพบผู้ชายข้างนอก แล้วทิ้ง สามีเอาไว้ที่บ้าน มันเหมาะสมเหลือเกินนี่!
“คนที่ควรจะละอายใจควรเป็นคุณ คุณให้ภรรยาของคุณ กับคนอื่นก่อน อย่ามาทำเป็นขโมยที่ตะโกนจับขโมย
“อย่ามาใช้ความผิดพลาดเป็นครั้งคราวของคนอื่นเป็น ข้ออ้างในการปล่อยตัว เลือดไม่สงบที่มันไหลเวียนอยู่ใน กระดูก ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น มันก็ไม่สงบเหมือนกัน”
ทันทีที่ปยุตพูดจบเขาก็รู้สึกเสียใจ ตั้งใจมาเพื่อพูดคำขอ โทษ แต่สิ่งที่พูดออกมากลับเป็นคำที่ทำให้มันแย่ลง
เห็นได้ชัดว่าผลินได้รับความเจ็บปวด ดวงตาของเธอถูก ปกคลุมด้วยหมอกบาง ๆ มีเลือดไม่สงบในกระดูก เป็นคำ พูดที่ชุดาพูดกับเธอมาแล้วหลายครั้ง เธอมีภูมิคุ้มกันแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อมาได้ยินมันจากปยุต กลับรู้สึกเศร้าอย่างที่ ไม่เคยเป็นมาก่อน
บางทีอาจเป็นเพราะแม้ว่าคนทั้งโลกจะดูถูกเธอ อย่าง น้อยสามีในนามก็ไม่ควรดูถูก
ถ้าคุณมาที่นี่กลางดึกเพื่อเยาะเย้ยฉัน ยินดีด้วยนะ คุณทำ “ มันสําเร็จแล้ว”
ผลินหันหลังและจากไปอย่างเศร้าหมอง มองไปทาง ด้านหลังที่เจ็บปวดของเธอ ปยุตก็อยากตบตัวเอง
“ครั้งต่อไป มันจะไม่มีอีกแล้ว ”
ด้วยความสำนึกผิดอย่างสุดซึ้ง เขาก้าวออกมาอย่าง รวดเร็ว ไปขวางหน้าเพื่อหยุดเธอไว้
“ไม่มีอีกอะไร”
เธอเชิดหน้าแล้วถามอย่างใจเย็น
“จะไม่ใช้ผลินไปพนันกับคนอื่นอีกแล้ว”
มีการสั่นสะเทือนเล็กน้อยในหัวใจ แต่ไม่อยากจะพูด อะไร เดินผ่านเขาอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเห็นเธอนิ่งเฉย ภายใต้ความกดดัน ในที่สุดก็ละทิ้ง ความหยิ่งยโสแล้วตะโกนออกมา “ผมขอโทษ…
แม้ว่าการรอคอยมันจะยาก แต่ก็โชคดีที่ยังคงรอ เป็น แรงกระตุ้นที่ทำให้ผลินอยากร้องไห้ เธอยังคง
ไม่พูดอะไร เริ่มก้าวเดินต่อไป จนกระทั่งหายไปจาก ดวงตาของเขาอย่างสิ้นเชิง
ความรู้สึกของความพ่ายแพ้ ความรู้สึกที่ถูกละเลย ความ รู้สึกของความเจ็บปวดในร่างกาย ความรู้สึกทั้งหมดมันผสม ปนเป ในที่สุดปยุตก็เชื่อ ผู้หญิงเกิดมาเพื่อทรมานผู้ชาย
เย็นวันรุ่งขึ้น เขากลับมาจากบริษัท ทันทีที่เข้ามาก็เห็นผู้ หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา ชั่วขณะนั้น จู่ ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้น
มา
เห็นได้ชัดว่าผลินไม่ได้มีความสุขมากที่เห็นเขา สายตา สบกันสั้น ๆ แล้วก็เลี่ยงไป ย้ายไปทางอื่น
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น บรรยากาศกลับคืนมาสู่ความมี
ชีวิตชีวาก่อนหน้านี้ น้องสาวพูดคุยไม่หยุด แม่ก็ทานอาหาร อย่างเอร็ดอร่อย
ด้วยเหตุผลว่าทำไมผลินถึงออกจากบ้านในวันนั้น ทุก คนรู้ดี ดังนั้นจึงมีความเข้าใจโดยปริยายว่าจะไม่มีใครพูดถึง
หลังจากอาหารเย็น ผลินขึ้นไปข้างบน เธอนั่งอยู่ในห้อง และเอาผ้าพันแผลออกจากมือของเธอ เพื่อที่จะทายาและ พันมันอีกครั้ง
แต่เพราะมือทั้งสองข้างบาดเจ็บ มันจึงไม่สะดวกที่จะ ทำ แต่ก็ยังดื้อรั้นกัดฟันเพื่อที่จะไม่สร้างปัญหาให้กับคนใน ครอบครัว
ปยุตพิงประตูและจ้องมองเธอสักพัก เธอยังคงไม่เห็นเขา อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ช่างเป็นคนดื้อรั้น
แค่ก ๆ
จงใจไอเพื่อดึงดูดความสนใจของเธอ คลายวงแขนที่ หน้าอก แล้วเดินเข้าไปภายใน
“ถ้าคุณต้องการมาเพื่อทะเลาะกับฉัน ขอโทษที ตอนนี้ฉัน
ไม่ว่าง”
ผลินมองไปที่เขา จากนั้นก็ก้มศีรษะลงแล้วทำต่อไป
“คุณคิดว่าผมมาเพื่อจะทะเลาะกับคุณหรือไง” ปยุตจับมือ เธอมาด้วยความหงุดหงิด ทายาให้เธอด้วยความอ่อนโยน
คนที่ทำให้คุณยอมอดทนได้นั่นคือความรัก ผลิน ต้องการจะถอนมือออก แต่เขาก็ไม่พอใจ จึงตำหนิ “อยู่เฉย ๆ ซุ่มซ่ามแบบคุณน่ะ เป็นคนที่น่ากังวล
ความจริงอยากจะพูดว่าไม่อีกแล้ว แต่ผลินก็ได้แต่ ถอนหายใจ และพูดอย่างจริงจัง “คุณโรคจิตเหรอ ชั่วขณะ หนึ่งคุณก็มาทำดี ชั่วขณะหนึ่งก็ร้าย รู้ไหมว่ามันง่ายที่จะ ทรมานให้คนอื่นเป็นบ้า
“อืม รู้สึ”
เขาพยักหน้าอย่างใจเย็น
“รู้แล้วคุณยังเป็นแบบนี้อีกเหรอ”
“ผมได้ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งแล้ว ดังนั้นวางใจเถอะ ต่อไป ผมจะปฏิบัติต่อคุณอย่างดีที่สุด”
“จริงเหรอคะ”
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกปลื้มขึ้นมา
“ผมคิดว่าทัศนคติของผมเพียงพอที่จะโน้มน้าวคุณนะ ทำไม ผมดูเหมือนโกหกเหรอ”
“ฉันไม่สามารถคิดหาเหตุผลใด ๆ ได้ ว่าทำไมคุณถึงเลือก ที่จะอยากปฏิบัติต่อฉันอย่างดีขึ้นมา
“เพราะมันไม่สนุกเวลาที่ต้องคิดหาวิธีมาแกล้งคุณ มัน
ยาก”
ปยุตตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ผลินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ออกมา “มันเป็นเรื่องยากจริง ๆ นั่นแหละ เพื่อปกป้องสิทธิ และผลประโยชน์ของสามีลัทธิชาตินิยมชายเป็นใหญ่ ใบหน้าที่กำลังเบ่งบาน แต่ยังไงก็เถอะ คุณพ่อคุณแม่และ น้องณีรู้ไหมว่าทำไมดอกไม้ถึงเบ่งบานบนใบหน้าของคุณ
“ถ้าคุณกล้าพูดมาก ผมจะถอนคำพูดกลับคืนทันที
ไม่น่าแปลกใจ ความหยิ่งยโสของปยุคนั้นสูงกว่า ถึง แม้ว่าเขาจะได้รับผ้าขาวความยาวสามเซียะ ก็จะไม่มีวันพูดเด็ดขาดว่าดอกไม้บนใบหน้านั้นเกิดจากการต่อสู้เพื่อผู้หญิง
เมื่อพ้นมือให้เธอเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นยืนตรง แล้วล้วงบาง อย่างในกระเป๋ากางเกงแล้วส่งมันให้กับเธอ “นี่สำหรับคุณ”
ทันใดนั้นดวงตาของผลินก็เบิกกว้าง นี่คือกำไลหยกที่ แม่สามีมอบให้กับเธอไม่ใช่เหรอ ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไร
อีก
“อะไรกันคะ”
“มีแผลล็กที่ข้อมือ ถ้ามันเป็นรอยแผลเป็น ก็ใส่เพื่อปกปิด
มันไว้”
เธอเม้มริมฝีปาก “คุณจะตบหน้าฉันหนึ่งครั้ง แล้วให้ น้ำตาลฉันหนึ่งก้อนหรือเปล่า”
ปยุตใส่กําไลข้อมือให้เธออย่างหงุดหงิด “มันมีมูลค่า
มากกว่านําตาล”
ผลินจ้องมองกำไลที่ข้อมือด้วยความประหลาดใจ ริม ฝีปากเผยรอยยิ้มที่สดใส
ถัดมาอีกสองสามวัน ปยุตดูเหมือนจะคิดอย่างลึกซึ้งแล้ว จริง ๆ พฤติกรรมเป็นมิตรมากขึ้นกว่าเดิม อารมณ์ก็ยังค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ
เพียงชั่วพริบตาเดียวหน้าร้อนก็สิ้นสุดลงแล้ว ชีวิตที่วุ่นวายก็เริ่มสงบลง เมื่อถึงช่วงเวลาเที่ยง ในขณะที่ผลิน เตรียมจะงีบหลับ ก็ได้รับสายจากลุง นัดให้ออกไปเจอกัน
เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ลุงมาหาเธอไม่กี่ครั้ง แต่ ไม่เคยเลยที่จะมีเรื่องดี
เปลี่ยนเสื้อผ้าและมาถึงสถานที่นัดหมาย ร้านน้ำชาชีพ ชาตั้งอยู่ใจกลางเมือง
ทันทีที่เข้าประตู ก็เห็นลุงที่นั่งแถวหน้า เมื่อกวาดตามอง ไปทิศตรงข้ามทั้งร่างก็ถูกแช่แข็งใบหน้าซีดเผือด
“ยายลิน ตรงนี้ ๆ”
ตีรณโบกมือเพื่อทักทายหลานสาว เธอหายใจเข้าลึก ลากขาที่เต็มไปด้วยตะกั่วเดินไป
พยายามที่จะฝืนยิ้มทักทายคนตรงข้ามกับลุง “ลุงทาตฤ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ
ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าลุงทาตถุเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาคมมีความฉลาดของนักธุกิจ “หนูลิน เราไม่ได้เจอกัน นานเลยนะ ตอนแรกก็ยังเป็นห่วงว่าถ้าเจอกันเธออาจจะจำ ฉันไม่ได้แล้ว”
ผลินวางกระเป๋าลงและนั่งลงช้า ๆ “ไม่หรอกค่ะ คุณเป็น ผู้มีพระคุณของฉัน ไม่สามารถลืมคุณได้หรอกค่ะ”
“หายากจริง ๆ ที่เธอยังจำได้”
ทาตฤพยักหน้าอย่างมีความหมาย ถือถ้วยเซรามิคขึ้น ก่อนจิบช้า ๆ
เขาเป็นเศรษฐีใหม่ เมื่อครั้งเป็นเด็กครอบครัวยากจน มาก ในเวลานั้นไม่ได้มีชื่อว่าทาตฤ แต่หลังจากการดิ้นรน ทำงานหนักก็เปลี่ยนชื่อเพราะยึดถือโชคลาง ชื่อเดิมคือ ต้นคิดก็เปลี่ยนมาเป็นชื่อในปัจจุบัน แสดงถึงความมุ่งมั่น ของเขาที่จะเข้าไปอยู่ในโลกของความร่ำรวย
“ลุงทาตฤมีธุระอะไรที่เมืองบีเหรอคะ”
ผลินเอ่ยถามคำถามที่นึกหวาดกลัว
ลุงอีกด้านจ้องเธออย่างไม่พอใจ “เจ้าเด็กนี่ รู้ วัตถุประสงค์ที่คนอื่นมาแล้วยังจะถาม”
ทาตฤยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย “บางทีเธออาจจะลืม ถ้าเธอ จำได้ ก็คงจะไม่ถามฉันแบบนี้หรอก”
จากใจจริง หากเขาไม่ปรากฏตัวขึ้นในวันนี้ ผลินก็คงจะ ลืมไปแล้วว่าโชคชะตาของตัวเองอยู่ในกำมือของคนคนนี้
“ช่วงนี้ฉันยุ่งนิดหน่อยค่ะ ดังนั้นจึงไม่ได้กลับไปดูธาตรี”
“กำลังยุ่งอยู่กับการแต่งงานกับคนอื่นน่ะเหรอ”
หัวใจของเธอเต็มแรงแล้วจ้องมองไปที่ลุงอย่างดุดัน เมื่อตีรณได้รับการตำหนิจากสายตาของเธอ ก็ทำสีหน้าเป็น ไร้เดียงสา
“คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวฉันจะต้องไปอธิบายให้ฟัง
“ไม่ต้องอธิบาย ลุงของเธออธิบายให้ฉันฟังแล้ว ฉันขอ ถามเธอแค่คำถามเดียว เธอวางแผนที่จะยุติการแต่งงาน ครั้งนี้และทำตามสัญญาของเธอเมื่อไหร
เมื่อต้องเผชิญหน้า ถึงแม้ว่ามันจะไม่ยุติธรรม แต่ผลิน ก็พูดกลับไปอย่างหัวแข็ง “ขออภัยนะคะลุงทาดถุ ฉันขอ ยกเลิกข้อตกลงเดิมของเรา
“ยกเลิก”
ทาคฤหัวเราะเยาะ “อย่างที่ฉันคิดไว้เลย ตอนนี้เธอ แต่งงานกับเศรษฐี ปีกกล้าขาแข็ง จึงคิดว่าจะสามารถ ยกเลิกข้อตกลงของเราได้ใช่ไหม
“ฉันขอโทษที่ผิดสัญญา แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำตาม สัญญาเดิมที่ให้ไว้ได้ หนึ่งแสนหยวน ฉันจะคืนให้คุณเป็น สองเท่า ได้โปรดปล่อยฉันไป