ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 52 ถูกทิ้ง
ตอนที่ 52 ถูกทิ้ง
ผลินไปที่บ้านลุง ยกมือขึ้นและเคาะประตู ประตูเปิดออก ทีปินเป้าของเธอยืนอยู่ตรงหน้า คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ลุงพูดใน วันนี้ เธอพิจารณาอย่างตั้งใจ แล้วก็ได้พบว่ามีบางอย่างผิด ปกติ
“คุณไม่เป็นไรนะ
เธอถามแผ่วเบา ตอนนี้ได้แต่หวังว่าคุณลุงจะหลอกเธอ
ทีปินาน้ำตาไหลก่อนที่จะทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าหลาน สาวแล้วละล่ำละลักบอก “ลิน เธอจะช่วยลงของเธอได้ ไหม ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ป้าจะขอร้องเธอแล้ว เป็นครั้ง สุดท้ายแล้วจริง ๆ”
จิตใจของผลินร่วงหล่นสู่ด้านล่างหุบเขา
เธอมองไปที่ลุงของเธอที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง สองมือกุม ศีรษะของตัวเอง ดูเหมือนมันจะมาถึงทางตัน ที่นี่ไม่ใช่บ้าน หลังใหญ่ และทุกที่ก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“มันเป็นความจริงเหรอ คุณป้าเป็นมะเร็งตับจริงเหรอคะ”
ตีรณลุกขึ้นมาแล้วนำปึกเอกสารรายงานผลตรวจของ โรงพยาบาลมาให้เธอ เธอรับมาดูแล้วแผดเสียงออกมาด้วย ความโกรธ “ทำไมคะ ทำไมเมื่อก่อนเวลาที่มีปัญหาถึงรู้จัก ที่จะมาหาฉัน แล้วครั้งนี้ทำไมคุณถึงไม่รู้จักทำอย่างนั้น คุณไม่มีเงินก็มาบอกฉันสิ ทำไมต้องตาบอดเดินเข้าไปบนเส้น ” ทางของอาชญากรด้วย!
ทีปินาร้องไห้และพูดว่า “เมื่อก่อนเราสร้างปัญหาให้เธอ มามาก ดังนั้นเราจึงไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาให้เธออีก ลุง ของเธอต้องการไปหาเธอ แต่ฉันหยุดเอาไว้ ยังไงก็ตาม ตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ใครจะรู้ว่าชีวิตมันจะมาถึงวันนี้…
“คุณไม่ให้เขามาหาฉัน แต่คุณปล่อยให้เขาค้ายางั้นเหรอ มันไม่เหมือนว่าคุณสร้างปัญหาให้ฉันตรงไหน ถ้าคุณมาหา ฉันตั้งแต่แรก เรื่องมันก็ไม่ต้องซับซ้อนขนาดนี้”
ผลินรู้สึกเศร้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ชีวิตของตัวเองมันก็ ยุ่งเหยิงพอแล้ว คนรอบตัวยังจะสร้างปัญหาให้อีก
“ป๋าของแกไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับข้อตกลงที่ทำกับทาตฤ ฉันทนดูเธอตายไม่ได้ ตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว มันไม่สำคัญว่า แกจะไม่ช่วยฉันไหม ถ้าป้าแกตาย ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิต อยู่เพียงลำพังไปเพื่ออะไร…”
“คุณหุบปากนะ!”
ทีปินาหันไปตะคอกใส่สามีด้วยความโกรธ ยังคง อ้อนวอนต่อหลานสาว “อย่าไปฟังลุงของเธอ เธอต้องช่วย เขานะ เขาเป็นพี่ชายคนเดียวของแม่เธอ นอกจากพ่อของ เธอแล้วเธอก็มีแค่เขาเท่านั้นเป็นญาติที่เหลืออยู่บนโลก ใบนี้ ถ้าเขาเป็นอะไรไป แม่ของเธอที่อยู่ในปรโลกจะไม่
สบายใจนะ”
ผลินตกลงไปสู่การต่อสู้ที่เจ็บปวด หัวใจที่แข็งแกร่งเริ่ม สั่นไหวช้า ๆ ป้ายังคงอ้อนวอนอย่างขมขื่น “ลิน ยายลิน ได้ โปรดเถอะนะ…
ตีรณไม่สามารถทนเห็นภรรยาร้องไห้เศร้าโศกได้ จึงพุ่ง ตัวเข้ามากอดเธอไว้ “นา หยุดร้องไห้ได้แล้ว ร่างกายเธอจะ ทนไม่ไหวเอานะ
ทั้งคู่ร้องไห้ด้วยกัน ผลินมองดูภาพนี้ด้วยสายตาว่าง เปล่า แต่ก็เกิดความอิจฉาขึ้นมา ถึงแม้ว่าคุณลุงกับคุณป้า จะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และร่างกายก็มีปัญหาเล็กน้อย มากมาย แต่ความรู้สึกแท้จริงที่ให้กันและกันนั้นเป็นสิ่งที่มี ค่า อย่างน้อยทั้งเธอกับแม่ก็ไม่เคยได้รับสิ่งนี้มาก่อน
“เข้าใจแล้วค่ะ อย่าร้องไห้เลย”
เธอหยิบบัตรเครดิตที่แม่สามีให้เธอเอาไว้ออกมาจาก กระเป๋าของเธอ แล้วใส่ไว้ในมือของป้า “คุณเก็บนี้ไว้ เอาไว้ เป็นค่ารักษา”
“แล้วลุงของเธอล่ะ
ทีปินาถามทั้งน้ำตา
เธอลังเล และตอบออกไปอย่างยากลำบาก “ไม่อาจไม่
ช่วยเขา”
ระหว่างทางกลับบ้าน แสงจันทร์เบาบาง ดวงดาราส่องประกายอ่อนแสง ก้าวเดินโดดเดี่ยวท่ามกลางแสงจันทร์ที่ สาดส่องลงมา แต่มันก็ไม่อาจทำให้หัวใจที่เย็นชืดอบอุ่นลง ได้
เมื่อนึกถึงชีวิตที่ยุ่งเหยิงของตัวเองสักพัก ก็ไม่รู้เลยว่า จะจัดการมันได้อย่างไร
มาถึงมินิมาร์ทที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เธอเดินเข้าไป ซื้อเบียร์ เตรียมที่จะกลับบ้านและดื่มเพื่อบรรเทาทุกข์ มัน เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคนเป็นครู แต่เธอก็ละทิ้ง ตัวตนของครูเอาไว้ เธอมันก็แค่ผู้หญิงไม่ดีที่ในใจผูกติดอยู่ กับความแค้น
กลับถึงบ้านเวลาห้าทุ่ม เดินขึ้นบันได ห้องของปยุตนั้น มืดมิด ผลินกลัวว่าจะปลุกเขา จึงเดินฝ่าความมืด แต่ใครจะรู้ ว่าเมื่อผ่านไปได้เพียงครึ่งทางก็ได้ยินเสียง “หยุด”
ไฟในห้องกะพริบเปิด ปยุตกึ่งนอนกึ่งนั่งพิงหัวเตียง ถามเธอเสียงเนือย “นี่มันกี่โมงแล้ว”
เธอไม่ตอบ เขาหันเหสายตาไปยังถุงพลาสติกที่เธอถือ อยู่ “แล้วนั่นอะไร
“เบียร์ค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าเป็นเบียร์ เขาก็เลิกผ้าห่มออกและลุกออก มาจากเตียง ผลินตกใจคิดว่าเขาจะเข้ามาทำอะไรเธอ ด้วยสัญชาตญาณจึงถอยหลังสองก้าว จนเขาแย่งเอาถุงพลาสด็จไปได้
“คุณได้ไงว่าผมอยากดื่ม
เธอตรงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ รีบอธิบาย “นี่ไม่ใช่
ของคุณนะ
ยุดไม่สนใจเดินไปนั่งบนโซฟา ตบลงบนที่นั่งข้างตัว “ไม่เป็นไรนี่ ดื่มด้วยกันก็ได้
เขาเปิดขวดอย่างรวดเร็ว แล้วยกขึ้นดื่ม ผลินส่ายหน้า อย่างจนหนทาง แล้วเดินไปนั่งลงตรงนั้น
“ทําไมคุณถึงอยากดื่ม เธอถามอย่างเศร้าสร้อย
แล้วทำไมคุณถึงอยากดื่มล่ะ” ปยุดย้อนถาม
“ฉันอารมณ์ไม่ดี”
“งั้นผมก็ตรงกันข้าม
เธอตกใจมาก อย่าบอกนะว่า เหตุผลที่คุณกำลังอารมณ์ เพราะฉันอารมณ์ไม่ดีนะ
“มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ พอคุณอารมณ์ไม่ดี อยู่ๆ ผมก็รู้สึก อารมณ์ขันมา
เงินตราครวญใส่เขา “ฉันรู้ว่าคำพูดของคุณน่ะไม่น่าเชื่อถือ วันนั้นคุณพูดชัดเจนว่าจะดูแลฉันอย่างดี ผ่านไปแค่ ไม่กี่วัน กลับเริ่มเล่นงานฉันอีกแล้ว”
“ผมเบื่อที่จะเล่นงานคุณแล้ว ผมรู้ว่าทำไมคุณถึงอารมณ์
ไม่ดี”
“คุณรู้อะไร”
ผลินไม่เชื่อ
“มันเพราะเขาใช่ไหม ผู้ชายที่สนิทสนมกับคุณที่บ้านคุณ ชื่นใจวันนั้น”
..” อะไรกันนี่ แล้วมันไปเกี่ยวกับไวภพได้ยังไง
“ผู้หญิงมักจะต้องการดื่มเมื่อเธออกหัก บอกมาตามตรง เถอะ ผู้ชายคนนั้นทิ้งคุณใช่ไหม”
“คุณคงหวัง แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่แบบนั้น”
แล้วมันอะไรล่ะ คุณทิ้งเขาเหรอ” “
“หยุดเดาสุ่มได้แล้วค่ะ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
ปยุตยักไหล่ “ไม่ก็ไม่ ผมไม่ได้สนใจในความสัมพันธ์ ของคุณอยู่แล้ว”
ผลินเชื่อคำพูดนั้นอย่างเต็มที่ เขาไม่ได้แค่ไม่สนใจความสัมพันธ์ของเธอ แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรในตัวเธอเลย
ด้วย
“ยังไงก็ตาม ก่อนที่เราจะจบการแต่งงานนี้ คุณไม่ได้รับ อนุญาตให้ทํามากเกินไปกับผู้ชายคนอื่น กินข้าวด้วยกันบ้าง เป็นครั้งคราวได้โดยที่ไม่ให้ผมเห็น ถ้าผมเห็นก็อย่าหาว่า ผมไม่มีเหตุผลก็แล้วกัน”
“ที่คุณบอกฉัน คุณทำมันได้เหรอ”
ปยุตเลิกคิ้ว “จนถึงตอนนี้ คุณเคยเห็นผู้หญิงคนไหนทำ ผมสับสนได้บ้างไหมล่ะ
นอกจากชุดาในครั้งนั้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้ถูกเธอจับได้ ครั้งนั้นเขาไม่ได้อธิบาย เธอรู้ว่ามันเป็นเพราะชดายั่วยวน เขา ชุดาเป็นคนยังไง ผลินรู้ดีมากกว่าใครทั้งนั้น
“จันทรเล่นไพ่ได้ดีไหม”
เธอถามขึ้นมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนด้วยถ้อยคำที่ ต้องการเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา ปยุตรู้สึกว่าแอลกอฮอล์ที่ อยู่ในปากตอนนี้ที่ขมอยู่แล้วก็ขมมากเข้าไปอีก
เขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเงยหน้ายกเบียร์ขึ้น ปรารถนาให้มันเข้าไปในอยู่ในท้อง
ผลินมองเขา อดไม่ได้ที่จะคิดว่าผู้หญิงคนนั้นต้อง สำคัญกับเขามาก จึงเลี่ยงไม่พูดถึงเธอทุกครั้ง แสดงออกมาอย่างเคร่งขรึม แต่ดูเหมือนว่าจะติดอยู่ในหนองน้ำแห่ง ความเจ็บปวด
“คุณเล่าเรื่องความรักของคุณได้ไหม ที่จริงแล้วเมื่อเทียบ กับภรรยาเก่าของคุณ สิ่งที่ฉันสนใจจริง ๆ คือผู้หญิงคนนี้ที่ ทำให้ชีวิตคุณแย่เสียยิ่งกว่าตายมากกว่า”
“ไม่มีอะไรจะพูด”
ดื่มจนหมดขวดแล้วโยนขวดเปล่าออกไปไกล ลุกขึ้น และพูดว่า “มันดึกแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
ทุกครั้งที่พูดถึงหัวข้อที่ละเอียดอ่อนนี้ เขาก็จงใจหลีก เลี่ยง ดูเหมือนว่าระหว่างเธอกับเขา ยังคงมีระยะห่างที่ยาว
ไกล
นอนดึกและยังคงดื่มอีก เช้าวันต่อมาผลินตื่นสาย
เมื่อออกจากห้อง ก็พบว่ามีมากกว่าเธอที่ตื่นสาย เธอเดิน เข้าไปผลักชายหนุ่มที่อยู่บนเตียง “นี่ คุณไม่ต้องเข้าบริษัท เหรอวันนี้น่ะ” เขาไม่สนใจเธอ เธอยังคงผลักเขา “มันจะ เที่ยงแล้วนะคะ ลุกขึ้นแล้วไปทำงาน”
“คุณเป็นผู้ชายตัวออกใหญ่ ไม่ใช่ว่าเพราะฉันพูดอะไรเมื่อ คืนนี้ เลยทำให้สภาพย่ำแย่แบบนี้หรอกเหรอ”
ในที่สุดปยุตก็ทนไม่ได้ ลุกขึ้นนั่งอย่างหงุดหงิดและเอ่ย ถาม “แล้วทำไมคุณไม่ไปทำงาน”เธอตอบย่างไร้อารมณ์ “ฉันมีวันหยุดฤดูร้อน”
“อะไร ข้าราชการสามารถพักผ่อนได้ด้วยเหรอ เราจ่าย ภาษีเพื่อให้พวกคุณไปพักผ่อนหรือไง”
“ไม่ใช่สักหน่อย” เธอยู่ปากแล้วลงไปข้างล่างอย่าง ฉุนเฉียว
ช่วงมื้อเที่ยง หลังจากคิดอย่างรอบคอบมาแล้วทั้งคืน ก็ประกาศว่า “คุณพ่อคุณแม่คะ เดี๋ยวฉันจะต้องเดินทางไป
ไกล”
“ไปไกล?”
ทั้งครอบครัวค่อนข้างประหลาดใจ เป็นไปโดยธรรมชาติ ที่จะมองไปที่คนร้าย
แต่เมื่อสบมองเข้าไปในดวงตาของปยุต ก็ไม่มีความกล้า ที่จะพูดอะไรออกมา “ อะไรกับผมสักหน่อย” ทำไมถึงมองมาที่ผม มันไม่ได้เกี่ยว
“ใช่ค่ะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาหรอกค่ะ พอดีว่าเพื่อนร่วม ชั้นของฉันกำลังจะแต่งงาน ก็เลยชวนฉันไปเป็นเพื่อนเจ้า สาวน่ะค่ะ”
“ไปที่ไหน แล้วเธอจะกลับเมื่อไหร่”
“เมือง T ค่ะ ประมาณสองสามวัน
เธอจะไปคนเดียวเหรอ ให้ใครสักคนไปเป็นเพื่อนเธอ โยตี๋ใหม
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปคนเดียวได้
หลังจากที่ผลินแจ้งกับครอบครัวแล้ว ก็ขึ้นไปข้างบน และเก็บของ ไม่ได้เอาอะไรไปมากนัก ปยุดเดินเอื้อยเข้ามา
ในห้อง
แต่งงานในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ เพื่อนร่วมชั้นของคุณ ยังไม่เคยแต่งงานกับใครหรือไง หรือเพื่อนของคุณเกลียด การแต่งงาน
เธอกลอกตา ใครจะเป็นเหมือนคุณ ที่แต่งงานบ่อย เหมือนทานข้าว คนที่แต่งงานมาแล้วเจ็ดครั้งจะเข้าใจการ แต่งงานครั้งแรกได้ยังไง มันเป็นอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความ สุขที่จะได้แต่งงานกับคนที่รัก”
“คุณกำลังจะบอกว่าผมไม่ได้ทำให้คุณได้รับอารมณ์ความ รู้สึกแบบนั้น ดังนั้นคุณจึงอยากจะพบใครสักคนที่จะตอบ สนองความต้องการในใจของคุณได้อย่างนั้นน่ะเหรอ”
“ถ้าใช่แล้วทำไม
“ไม่ทําไม ก็แค่น่าเสียดายที่เพื่อนเจ้าสาวก็เป็นแค่เพื่อน เจ้าสาว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเจ้าสาว และสายตาของเจ้า ข่าวก็จะอยู่ที่เจ้าสาวเท่านั้น“มันไม่จําเป็นหรอก คุณไม่เคยได้ยินคำพูดนี้เหรอ ความ สุขสามารถแพร่กระจาย เมื่อทุกคนรอบตัวคุณมีความสุขคุณ ก็มีความสุข เหมือนกับที่ ถ้าคนที่อยู่ข้าง ๆ คุณมีความทุกข์ คุณก็จะมีความทุกข์ตามไปด้วย และมันทำให้ฉันรู้สึกแย่ที่ ได้อยู่ใกล้กับคนที่มีความทุกข์เช่นคุณ ดังนั้นตอนนี้ฉันกำลัง จะไปหาคนที่ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข แล้วเจอกันนะ”
ผลินขึ้นเครื่องบินบินไปยังเมืองที่ตอนบ่ายสามโมงใน วันนั้น มันจึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะมาถึงบ้านของทาตฤก่อน มืด แต่ได้รับแจ้งว่าธาตรีหนีออกจากบ้าน
เมื่อภรรยาของทาตฤเห็นเธอ ก็พูดด้วยความร้อนใจ “เด็กคนนี้ใช้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ไปเพื่อตามหาเธอ เธอไม่ เคยมาหาเขาเลย เขาเอาแต่พูดถึงเธอมานานแล้ว”
ผลินเริ่มกังวล “เขาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
ทาตฤสูบซิการ์อย่างแรง “บ่ายวันนี้ ฉันประมาทเอง ตอน เที่ยงเขาต้องการให้ฉันพาเขาไปหาเธอ แต่ฉันไม่ได้ตกลง คิดว่าเขาเป็นแค่ชั่วคราว ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นอย่างนี้”
“แล้วพวกคุณจะทำยังไง”
ภรรยาของทาตฤสะอื้นเบา ๆ “ฉันกำลังคุยกับลุงทาตฤ เกี่ยวกับการตามหาเขา เธอก็มาที่นี่” เธอมองไปที่ผลินอย่าง ไม่พอใจ “ทำไมเธอไม่มาให้เร็วกว่านี้ ถ้ามาตั้งแต่ครึ่งวันเช้า ธาตรีก็จะไม่หนีออกจากบ้าน
ผลินก้มศีรษะลงและพูดขอโทษ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่คิด ว่ามันจะเกิดเรื่องขึ้น
เธอไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องขึ้น เธอไม่คิดเหรอว่าธาตรีจะ “ ไม่เสียใจกับสิ่งที่เธอทํา ฉันอ่านเรื่องของเธอมาเยอะมาก หัวใจไม่ได้อยู่ที่บ้านฉันและที่ธาตรีเลย
ทาตถุใจร้อนตำหนิ “พอได้แล้ว นี่ไม่ใช่เวลามาเถียงกัน ตามหาเด็กคนนั้นก่อน”
“พวกคุณอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวฉันจะออกไปหาเอง”
“จะทำยังไง เมือง B เป็นเมืองที่ใหญ่มาก เธอคนเดียวจะ
ไปตามหาพบได้ยังไง”
“ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ พ่อของเพื่อนฉันเป็นตำรวจ ฉัน สามารถขอให้เขาช่วยได้
หลังจากทาง พิจารณาดูแล้ว ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอ ของเธอ ดังนั้นผลินจึงกลับไปที่สนามบินอีกครั้งเพื่อเตรียม
บินกลับคืนนี้ ใครจะรู้ว่าบ้านรั่วยังถูกฝนตกกระหน่ำทั้งคืน ระหว่างทางกลับไปที่สนามบิน ทันใดนั้นฝนก็เริ่มตก หลัง จากที่มาถึงสนามบิน พนักงานก็เสียใจที่ต้องบอกกับเธอ ว่า เที่ยวบินสุดท้ายที่กลับไปยังเมือง B ถูกยกเลิกเนื่องจาก สภาพอากาศ