ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 57 ออกกำลังกายมากเกินไป
ตอนที่ 57 ออกกำลังกายมากเกินไป
ปยุตแต่งตัวและจัดแต่งทรงผม ผลินยังคงขังตัวเองอยู่ ในห้องไม่ยอมออกมา เขาเดินไปเคาะประตู “เฮ้ ปกติแล้วถึง จะไม่เปิดมาก แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่จำต้องอายหรอก”
ในห้องไม่มีปฏิกิริยา
เขายังคงเคาะประตู “อย่าไปสนใจมันอีกเลย ผมไม่ใช่ คนอื่น ถ้าคุณต้องการอะไรจากผม มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
“ก็ได้ ออกมาเร็ว ๆ ผมไม่ดีเอง ผมมักจะทำให้คุณต้องว่าง เปล่า”
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ผลินโกรธมาก ตะคอกออกมา อย่างควบคุมไม่ได้ “วิ่งออกไปว่ายน้ำตอนเที่ยงคืน คุณป่วย เหรอ”
เมื่อปยุตเห็นเธอตะคอกก็พูดอย่างไร้เดียงสา “ผมเคย ป่วย ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้นี่
“ใช่ ฉันรู้ แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณป่วยมาก”
“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้น่ะ มันยังไม่สายเกินไปนะที่จะรู้ว่าอย่า โหดร้ายกับผู้ป่วย อ่อนโยนหน่อย”
ผลินเกลียดที่เมื่อคืนถูกดึงลงไปในสระว่ายน้ำจนน้ำเข้า
สมองถึงได้มาหาเขา
ไม่สิ ก่อนที่เธอจะมาหาเขา ยังไม่ได้ถูกดึงลงไปในสระ
ว่ายน้ำ
มันต้องเป็นเพราะฝนตกหนักในเมือง T เมื่อสองวันก่อน ที่ไม่ทันระวังจนมันเข้าไปในหัวของเธอ
“รีบอาบน้ำแต่งตัวเร็วเข้า เดี๋ยวจะพาคุณไปซื้อเสื้อผ้า
ผลินพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอก เสื้อผ้าของฉันแห้งแล้ว ”
“คุณเป็นคนสกปรกเหรอ ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าในวันที่ร้อน แบบนี้ ถึงมันจะเย็นและแห้ง แต่ไม่ได้หมายความว่ากลิ่น เหงื่อมันจะไม่ติดอยู่
เธอคิดหาช่องทาง “คุณลบบันทึกนั่นซะ เดี๋ยววันนี้ฉันจะ ทำตามที่คุณพูดทุกอย่าง”
ปยุตยิ้มจนเห็นฟัน ผ่านไปครึ่งวันแล้ว ก็ยังคงดิ้นรนกับ
สิ่งนี้
“ได้”
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออ มาต่อหน้าเธอ แล้วลบมัน
ออก
มันทำให้ผลินรู้สึกดีขึ้น ชี้ไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่น “รอ
ฉันห้านาที”
จัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย ทันทีที่พวกเขาออกจาก ห้องไปพร้อมกัน ทว่าเจอเข้ากับบริภุตอย่างจัง บริตยังคง ล้อมรอบด้วนสาวสวยที่นวดเขาเมื่อคืน ทักทายออกมาอย่าง มีเลศนัย “คุณหนูผลิน อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“เมื่อคืนทั้งสองออกกำลังกายมากเกินไปเหรอ ทำไมป้า เจ็ดถึงได้ดูอ่อนเพลียมากขนาดนี้”
เขาถามปยุตอย่างล้อเลียน ปยุตพยักหน้า “อืม ก็นิด
หน่อย”
ผลินหยิกอย่างแรง เขายิ้มอย่างมีความหมายที่ลึกซึ้ง “เรามีอะไรต้องไปทำ นายบอกตฤณกับณัฏฐ์ด้วยว่าจะกลับ ไปที่เมือง B ตอนบ่ายสาม
“ได้”
บริตตอบพร้อมรอยยิ้ม และก่อนที่จะเดินไปกับสาวสวย ก็ไม่ลืมที่จะล้อเล่นกับผลิน “ทีหลังถ้าอยากออกกำลังกาย ให้มากขึ้น ผมก็เป็นคนที่เก่งมากนะ
ผลินเงียบพูดไม่ออก เมื่อออกมาจากโรงแรม เธอถามป ยุต “ทำไมคุณถึงไปเป็นเพื่อนกับพวกลูกผู้ดีเพลย์บอยอย่าง นายบริภุต นายตฤณและนายณัฏฐ์นั่นได้ล่ะ”
ปยุตไม่เห็นด้วย “ในสายตาคุณ ผมดีกว่าพวกเขางั้นเหรอ”
ผลินเงียบ ถึงแม้ว่าปยุตจะแตกต่างจากพวกเขาตรงที่ไม่ หมกมุ่นในเรื่องเพศ แต่ในเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวก เขามากนัก
เศรษฐกิจของเมือง T ไม่ได้รับการพัฒนาเท่าเมือง B แต่ก็ยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ แต่ปยุตก็จู้จี้จุกจิก ดู ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งแล้วก็ยังไม่พอใจ
“ซื้อแค่ชุดเดียว ไม่ได้เอาไปใส่ในงานพิธีที่ยิ่งใหญ่อะไร จําเป็นต้องเลือกมากขนาดนี้เลยเหรอ”
ผลินใจร้อนเล็กน้อย ปยุตเป็นพวกชอบแสวงหาความ สมบูรณ์แบบ แต่เธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“การเลือกอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเสื้อผ้า เราไม่ ควรยึดถือความคิดแค่ว่าแก้ขัดไปก่อน เราควรเลือกสิ่งที่เรา พึงพอใจที่สุด โดยเฉพาะยิ่งเป็นผู้หญิง ยิ่งไม่ควรแค่แก้ขัด ถ้ามันกลายเป็นนิสัย มันจะไปทำลายชีวิตของคุณลงไปกว่า ครึ่ง”
“หลักการที่บอกใครก็พูดได้ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คุณ กล้าพูดไหมล่ะว่าที่แต่งงานและหย่าบ่อย ไม่ใช่เพราะ แก้ขัด”
“ผมไม่ได้แก้ขัด แค่ต้องการแก้แค้นผู้หญิง อยากทรมาน ผู้หญิงไร้สาระทุกคน อยากให้พวกเธอรู้ ว่าไม่สามารถมีทั้งปลาและอุ้งเท้าหมีได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ทั้งเงินและความ
รัก”
ผลินแปลกใจ นี่เป็นครั้งแรก ที่ปยุตสารภาพออกมา โดยที่ไม่มีความคลางแคลงใจ
“นี่เป็นเพราะที่จันทรทิ้งคุณไปเหรอ”
“ไม่ใช่”
เป็นอีกครั้งที่ผลินแปลกใจ เธอคิดว่าถ้าถามออกไปก็ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเขาตำหนิอีก หรือไม่ก็ไม่สนใจ เลย แต่ไม่คิดว่าเขาจะตอบเธออย่างคาดไม่ถึง ถึงแม้ว่าจะ ไม่มีรายละเอียด แต่อย่างน้อยก็พร้อมจะเผชิญกับหัวข้อที่ ละเอียดอ่อน
“แล้วมันเพราะอะไร
เธอถามอย่างระมัดระวัง แม้ว่าหัวใจจะเตือนว่าควรพอ แต่ปากก็ไม่สามารถซ่อนความอยากรู้อยากเห็นได้
“คุณไม่ต้องรู้ทั้งหมดหรอก”
ปยุตเหลือบมองเธอเล็กน้อย
“คุณแม่ของคุณบอกว่าเธอทรยศ แต่ฉันรู้สึกว่ามันไม่ได้ เป็นอย่างนั้น ความรักที่แท้จริงไม่ได้จะสามารถถ่ายโอนไป ยังบุคคลอื่นได้ในเวลาอันสั้น
“มันไม่จําเป็นหรอก ตอนแรกผมก็คิดว่ามันมีเหตุผลอื่น แต่ความจริงก็คือ เธอหนีตามพี่ชายผมไป สามปีแล้วไม่เคย กลับมา”
ความเศร้าโศกเกิดขึ้นในดวงตาของปยุตแวบหนึ่ง ผลิน ไม่ถามอะไรอีก การเปิดเผยรอยแผลของผู้อื่นเพื่อตอบ สนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง เธอไม่สามารถทำ แบบนั้นได้
“ใช่แล้ว ฉันคิดถึงอยู่ห้างฯ หนึ่ง บางทีคุณน่าจะชอบมัน
ผลินเปลี่ยนหัวข้ออย่างฉลาด ปยุตเก็บอารมณ์เอาไว้ และถามคำถามอย่างสนใจ “ที่ไหนล่ะ
“ถนนสว่างไปทางใต้อีกสองร้อยเมตร มีห้างฯ หนึ่งชื่อว่า modern human ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือเสื้อผ้า ภายในนั้น มันแตกต่างจากห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ
“โอ้ นั่นฟังดูโอเคนะ แล้วที่คุณบอกนั่นน่ะ ถนนสว่างมันอยู่ ตรงไหน”
“กลับรถก่อน เดี๋ยวฉันบอกทาง
ปยุตกลับรถตามที่เธอต้องการ จากนั้นก็เดินทางไปทาง ถนนสว่าง ผลินบอกทางกับเขาเป็นครั้งคราว ขับรถประมาณ ยี่สิบนาที ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง
เมื่อลงจากรถ ปยุตก็เอ่ยถามออกมา “คุณมาที่เมือง Tบ่อยเหรอ”
ผลินปฏิเสธ “ไม่หรอกค่ะ”
“แล้วทำไมคุณถึงดูคุ้นเคยกับถนนที่นี่”
“อ๋อ เมื่อวันก่อนมากับเพื่อนเพื่อซื้อเสื้อผ้าไปฮันนีมูนน่ะ”
ปยุตไม่ได้ถามอีก เห็นได้ชัดว่าเชื่อที่เธอพูด
modern human เป็นห้างฯ ที่แตกต่างจากห้างฯ อื่น เล็กน้อย มีพนักงานแต่งตัวประหลาดเป็นคนแคระทั้งเจ็ดยืน หน้าประตู และโค้งอย่างตลก “ยินดีต้อนรับครับ”
ปยุตหัวเราะ “นี่มันอะไร โลกเทพนิยายเหรอ”
ผลินพูดอย่างภูมิใจ “คุณอย่าดูถูกคนแคระทั้งเจ็ด นะ พวกเขาไม่ค่อยคำนับแขกถ้าไม่ใช่คนที่มีโชควาสนา เกี่ยวข้องกับพวกเขา
“ผมไม่เห็นว่าจะมีโชควาสนาอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา”
“คุณก็แค่คนที่ยืนข้าง ๆ ฉันที่มีโชควาสนา”
“โชควาสนาอะไร
ฉันดูเหมือนเจ้าหญิง เพราะฉะนั้น… “
ปยุตอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เพราะฉะนั้น พวกเขาคิดว่า คุณเป็นสโนไวท์น่ะเหรอ”
“ไม่ต่างกันเลย”
เขาถอนหายใจ “นิสัยอวดดีนี่มันเป็นปัญหาจริง ๆ
ชั้นล่างเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ชั้นห้าเป็นเสื้อผ้า ผลินพาปยุตไปที่ลิฟต์แล้วพูดกับเขา “เจอกันที่ชั้นห้านะคะ” แล้วเดินจากไป
“อ้าว แล้วคุณจะไปไหน”
ปยุตคว้าเสื้อของเธอไว้แล้วดึงเธอกลับมา
“ฉันจะไปชั้นห้า”
“คุณจะไม่ใช้ลิฟต์?”
“อืม”
แล้วคุณจะบินขึ้นไปหรือไง”
เธอชี้ไปที่มุมทางซ้าย “มีบันไดอยู่ตรงนั้น ฉันจะเดินขึ้น
ไป”
แข็งแรงขนาดนั้นเลย ไม่ใช้ลิฟต์แต่จะไปปีนขึ้นบันได
ผลินก้มหน้าลงแล้วดึงมือเขาออกไปเบา ๆ “ฉันชินแล้ว”
ปยุตจ้องมองหลังของเธออย่างสับสน เมื่อเธอหายตัว ไปทางมุมนั้น ก็พลันคิดขึ้นมาได้ว่าเธอป่วยเป็นโรคกลัวที่ แคบ จึงไล่ตามไปทันที เดินขึ้นไปลากผลินลงมา
“คุณจะทําอะไร”
“ไม่ได้หมายความว่าตราบใดที่ผมลบบันทึกนั่นไป วันนี้จะ เชือฟังผมทุกเรื่องหรอกเหรอ ตอนนี้ผมต้องการให้คุณใช้ ลิฟต์กับผม”
ผลินส่ายหน้าด้วยความประหลาดใจ “ไม่เอา ให้ทำอะไร ก็ได้ แต่เรื่องนี้ฉันทำไม่ได้จริง ๆ”
เธอพูดจบก็จะขึ้นไปข้างบนต่อ ปยุตจับมือเธอไว้ “แบบ
นั้นไม่ได้ คุณต้องมากับผม”
“ทําไมคณไม่เข้าใจฉัน ฉันเกลียดการใช้ลิฟต์”
“ไม่ใช่เพราะกลัวที่แคบหรอกเหรอ มันน่ากลัวขนาดนั้น เลยหรือไง งั้นวันนี้ต้องให้เจ้าชายมาช่วยคุณแล้วล่ะ”
ปยุตบากเธอเข้าไปในลิฟต์โดยไม่มีเหตุผล และพูดด้วย น้ำเสียงที่เคร่งขรึม “เชื่อผมเถอะ คุณทำได้”
ผลินไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปาก ของปยุต ตอนที่เขายืนยันให้เธอใช้ลิฟต์ เธอยังคิดอยู่เลย ว่าเขาตั้งใจจะฆ่าเธอ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาพยายามที่จะช่วย ให้เธอเอาชนะเงาในหัวใจ
“ไม่จริง ฉันเคยพยายามมาก่อน ดังนั้นไม่ต้องเสียเวลา เปล่าหรอก”
“คุณเคยแต่พยายามคนเดียว แต่วันนี้คุณวางใจได้เพราะมี ผมอยู่ข้าง ๆ เคยล้มเหลวไม่ได้หมายความว่าคุณจะล้มเหลว ตลอดไป แมลงสาบก็เหมือนกับคุณ ไม่ควรมีจุดอ่อน ”
เมื่อผลินได้ยินก็รู้สึกเจ็บหน่วงที่ใจ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมี ใครพูดแบบนั้นกับเธอเลย มีผมอยู่ข้าง ๆ คุณวางใจได้
หลายปีมานี้ ตลอดทางที่ต้องพบกับความขมขื่น เธออยู่ คนเดียวเสมอ ไม่เคยคิดจินตนาการถึงเลยว่า การมีคนอื่น อยู่ข้าง ๆ ด้วยมันหน้าตาเป็นอย่างไร
ประตูลิฟต์เปิดออก ปยุตจับมือเธอพาเดินเข้าไป
เรียวนิ้วกดเบา ๆ บนชั้นห้า เมื่อประตูปิด ความรู้สึก หวาดกลัวที่คุ้นเคยเริ่มโจมตีเธอ เมื่อลิฟต์เริ่มเคลื่อนตัวขึ้น ใบหน้าของเธอซีดเผือด ที่หน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ จนหายใจไม่ออก…