ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 63ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ
ตอนที่63ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ
ปยุตขับรถยนต์มาถึงร้านบะหมี่พริกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น ร้านบะหมี่ที่จันทรชอบมากเป็นที่สุด จันทรชื่นชอบอาหาร รสเผ็ดจัดจ้าน ทุกครั้งที่ปยุตกินเผ็ดเหงื่อจะไหลย้อยไป ทั่วใบหน้า แต่จันทรเองกลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่มีทีท่า เผ็ดเลย
ร้านบะหมี่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยประจำเมือง นี้ ปยุตไม่เคยมาที่นี่มานานแล้ว เมื่อครั้งที่ปยุตเรียนมหา ลัยปีที่4 เขาได้พบกับจันทรรุ่นน้องที่อยู่ปีที่1 ในร้านแห่ง นี้เอง วันนั้น แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางกระจก จันทร ได้นั่งอยู่ริมหน้าต่างของร้าน ดูหนังสือที่ตลกขบขันเล่มหนึ่ง นั่งหัวเราะเอิกอ๊ากยังกับเด็กเล็ก
แสงอาทิตย์ ยามบ่าย และรอยยิ้มดั่งดอกไม้
แย้มบานของหญิงสาว ทำให้หัวใจดั่งหินผาของเขา ติดตาตรึงใจไว้อย่างลึกซึ้ง
เหตุเพราะวงศ์ตระกูล เหตุเพราะรูปร่างหน้าตา ตั้งแต่ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้นปยุตเองก็เป็นที่ต้องตาของหญิง สาวทั้งหลาย แต่ว่าไม่มีหญิงสาวสักคนเดียวที่ทำให้ปยุต ต้องหวั่นไหว เพราะว่าในสายตาของเขาแล้ว หญิงสาวที่ เฝ้าแต่จะฝันกลางวันไปวันๆนั้นเพียงทำให้เขารู้สึกรำคาญ ใจก็เท่านั้น แต่เมื่อปยุตได้พบกับจันทรนั้น ก็ได้ลบล้าง ความคิดที่เป็นอติลงโดยสิ้นเชิง
ความมีชีวิตชีวาของเธอ ความร่าเริงสดใสของเธอ อีกทั้งความเฉลียวฉลาดน่ารักของเธอ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ปยุต ไม่เคยพบเห็นในหญิงสาวคนอื่นๆเลย
ด้วยเหตุนี้ ความรักของทั้งสอง เป็นความรักกันอย่างสุด ซึ้งห่างกันไม่ได้ติดยังกับตังเม รักที่ทำให้เศร้าระทมทุกข์ อย่างสุดแสน
ร้านบะหมี่พริกนั้นยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และสาเหตุที่ได้รับความนิยม ก็เป็นเพราะว่ากำแพงข้างร้าน บะหมี่พริกนั้น มีนักศึกษาของมหาลัยประจำเมืองล้วนทำ เครื่องหมายไว้บนกำแพงแทบทุกคน บางครั้งแสดงออก ถึงความรู้สึก บางครั้งก็เขียนเป็นรหัสลับ
จันทรเองก็ชื่นชอบที่จะเขียนความในใจไว้บนกำแพง นี้บ่อยครั้ง ปยุตก็ต้องหัวร่อในความอาโนเนะของจันทร แต่ผ่านไปไม่กี่วันจะมีคนหนึ่งแอบมาดูสิ่งที่จันทรได้เขียนไว้ บนกำแพง
“ท่านครับ ทานบะหมี่ใช่มั้ยครับ ? ”
เฒ่าแก่ร้านบะหมี่ได้เปลี่ยนเจ้าของแล้ว ฟังน้ำเสียง เหมือนคนนอกเมือง แต่สิ่งที่น่ายินดีก็คือ ธรรมเนียม การทำสัญลักษณ์ของนักศึกษาวัยหนุ่มสาวนั้นยังคงอยู่ไม่ เคยเปลี่ยน บนผนังยังคงติดแผ่น Post it หลากหลายสี สรร แน่นไปหมดเหมือนดั่งเดิม
“ผมสั่งบะหมี่พริก 1 ชามครับ”
ปยุตเดินไปยังบริเวณกลางผนังร้าน ที่เต็มไปด้วย แผ่น Post it หลากสีสรร ละลานตาไปหมด เพ่งสายตาเสาะหา ร่องรอยที่จันทรที่เคยเขียนทิ้งไว้ สิ่งที่จันทรเคยเขียน ความในใจติดไว้นั้นปยุตล้วนเคยผ่านตามาแล้วทั้งสิ้น แต่ว่าเวลานี้แผ่น Post itบนมือของปยุตนั้น กลับเป็นเพียง แต่ แผ่น Post itที่สะดุดตาเท่านั้น ไม่มีคำบอกรักของ จันทรแผ่นไหนที่ปยุตเคยเห็นในครั้งนั้นสักใบเดียว
“ผมเคยรักคุณมากมายขนาดไหน ปัจจุบันนี้ก็ยังคงรัก คุณมากที่สุด เพียงแค่รักคุณเท่านั้น กลับไม่สามารถใช้ ชีวิตร่วมกับคุณได้
วันที่ 9เดือน9 ปี2008 จันทรผู้เขียน
นิ้วมือของปยุคสั่นเทา ความปวดร้าวที่ไม่สามารถ
อธิบายได้ค่อยๆ ดิ่งลึกเข้าไปในสี่ห้องหัวใจ ปยุตหวล คำนึงถึงช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่กับจันทร เป็นการยากที่ จะทำให้จิตใจเข้มแข็งขึ้นมาได้ ยังไม่ทันที่จะเริ่มต้นเสีย ด้วยซ้ำกลับหวั่นไหวขึ้นอีกแล้ว
เฒ่าแก่ร้านนำบะหมี่มาเสริฟให้ปยุต ไม่รู้ว่าเขา ใช้ความรู้สึกอะไรถึงได้กินบะหมี่พริกจนหมด ซึ่งเป็นครั้ง แรกจริงๆ ที่เขาไม่รู้สึกเผ็ดเลยแม่แต่น้อย กลับรู้สึกขมขื่น มากกว่า
วันนี้เป็นวันอะไรกันนะ ปยุตตั้งใจแน่วแน่ว่าจะลืม
จันทรให้ได้ในวันนี้เป็นต้นไป ลืมหญิงคนนั้นที่ปยุดรัก อย่างสุดใจ กลับทำให้เขาต้องทราบถึง การจากไปของนาง คงต้องปิดบังความรู้สึกในใจอะไรบางอย่างไว้
ยังมีสิ่งไหนที่ทำให้คนเราทุกข์ทรมานได้ถึงเพียงนี้ หญิงสาวที่คุณรักอย่างสุดจิตสุดใจ ทรยศคุณ ทอดทิ้งคุณ ไป แต่กลับพบว่าความจริงแล้วเธอยังรักคุณเสมอมา ?
เวลาค่ำลงทุกที บรรยากาศในฤดูใบไม้ร่วงเริ่มมาถึง อย่างเงียบๆ ความอบอุ่นภายในอากาศไม่เหมือนช่วงฤดู ร้อน กลับมีความเย็นแผ่วเบาของฤดูใบไม้ผลิพัดเข้ามา
ผลินเดินไปเดินมาลุกลนอยู่ในบ้าน เป็นเวลาเช้า ตรู่แล้ว ปยุตยังไม่มีที่ท่าจะกลับมาถึงบ้านเลย โทรศัพท์ ก็ปิด เธอคิดจากออกไปตามหาแต่ก็ไม่รู้ว่าเริ่มต้นหาที่ไหน เธอกังวลเป็นอย่างมากเกรงว่าปยุตจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ขณะที่เธอลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น พลันมีสียงฝีเท้า เดินเข้ามาอยู่นอกประตู ผลินเร่งฝีเท้าเดินไปหาอย่างเร่ง รีบ มองเห็นปยุตกลับมาอย่างปลอดภัย จิตใจที่ร้อนรน ของผลินกลับโล่งอกขึ้นในทันที
“คุณดื่มเหล้ามา ? ”
ผลินได้กลิ่นส่าเหล้าบนร่างของปยุตจึงได้ยื่นมือเข้าประ คองตัวปยุตให้มานั่งลงที่โซฟาจากนั้นก็ลุกขึ้นไปที่ห้องน้ำ จัดแจงผ้าเย็นมาเช็ดหน้าให้กับปยุต และไปที่ชั้นล่าง เตรียมน้ำผึ้งมาเสริฟให้เขาดื่ม ผลินจัดแจงปรนนิบัติปยุต เป็นอย่างดี ดูไม่ยากเลยถึงความรักที่ผลินแอบมีให้กับปยุต
“งานยุ่งมากเลยหรือค่ะ ? ”
รอให้ปยุตส่างเมาขึ้นเล็กน้อย ผลินใช้น้ำเสียงอันอ่อน โยนสอบถามเขา ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเพียงเพราะความ รู้สึก เพราะเมื่อคืนวาน ปยุตได้ตบปากรับคำกับผลินด้วย ตนเองว่าจะลืมเรื่องราวในอดีต กลับมาเป็นคนปกติอีกครั้ง
“ไม่มีอะไร ผมไปอาบน้ำก่อนนะ”
ปยุตลุกขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง จังหวะการเดินโซซัดโซเซ เดินไปที่ห้องอาบน้ำ ผลินมองหลังของปยุตเดินโคลงไป โคลงมา จิตใจของผลินรู้สึกผิดปกติและไม่สบายใจอย่าง มาก
ปยุตกลับบ้านอย่างปลอดภัย ผลินโล่งใจกลับเข้าไป นนอนตามปกติ แต่ว่าความคิดในจิตใจพลัน มีอะไรมารบก วน กลับทำให้เธอไม่สามารถข่มตาหลับลงไปได้ กลับ ลุกขึ้นมานั่งลงอย่างมึนๆ รอคอยปยุตออกจากห้องน้ำ
เธอได้เหลือบเห็นรอยสักบนหน้าอกของปยุตในแวบ แรกและสายตาของทั้งสองจ้องมองกันชั่วครู่ ผลินก็ได้ เข้าใจในทันทีว่า เพราะเหตุใดเธอจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
“วันนี้คุณลบรอยสักแล้วรึ ? ”
สายตาของผลินได้จ้องมองไปยังรอยสักตัวอักษรบนหน้า อกของปยุต ที่ถูกลบออกไปแค่ส่วนหนึ่ง ยังคงเหลือตัว อักษร อีกมาก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ในใจของเขา ก็ยังคงมีหญิงสาวคนนั้นตราตึงในหัวใจ
“อืม”
ปยุตตอบคำถามอย่างเย็นชา
อย่างนั้นเพราะอะไรไม่ลบให้หมดไปล่ะ ?
แม้จะรู้คำตอบ แต่ผลินกลับอยากที่จะรู้คำตอบที่ออกจาก ปากของเขา เพื่อให้ตนเองได้ยินด้วยหูของตนเองเท่านั้น ถึงจะได้ทำใจ
“มากแล้ว นอนเถอะ พักผ่อนไม่เพียงพอจะมีผลกระ ทบต่อคุณภาพในการสอนของพรุ้งนี้นะ
ปยุตคิดที่จะเลี่ยงตอบคำถามนี้อย่างเห็นได้ชัด จึง เปลี่ยนเรื่องพูดทันที
ผลินหันหลังกลับไปอย่างทุกข์ใจ ค่อยๆเดินทีละก้าว ไปยังห้องลับของนาง ครุ่นคิดถึงว่าตนเองยังไม่ทันได้เอ่ย ความในใจเลย ความรักก็ได้มลายหายไปยังไม่ทันได้ก่อตัว เลย เธอจึงตัดสินใจไม่ลดละความพยายาม
หยุดเดินในทันที หันหลังกลับไปถามเขาอย่าง
ใจเย็นว่า : “ถ้าหากฉันจะบอกคุณว่า ฉันชอบคุณ คุณจะ
เชื่อหรือไม่ ? ”
ปยุตอึ้งตะลึงงัน ยิ้มตัวแข็งทื่อตอบกลับว่า : “ผมไม่เชือ”
“เพราะอะไร”
“เพราะว่าผู้หญิงอบอุ่นอ่อนโยนอย่างคุณ ไม่มีทางที่จะ มาชื่นชอบชายหนุ่มที่ดูเย็นชาอย่างผมหรอก”
ผลินน้ำตาเอ่อเต็มเบ้าตา พูดความในใจออกมาอย่าง กล้าหาญว่า : “คุณผิดแล้วล่ะ คุณปยุต ในเมื่อฉันเองก็ยัง ไม่เชื่อตัวเองเลย แต่ว่า ฉันรักคุณก็นั้นคือความจริง คุณ ปยุต คุณฟังให้ชัดๆนะค่ะ ฉันรักคุณ
ปยุตได้ยินที่คำพูดออกมาจากใจอันบริสุทธิ์ อึ้งตะลึงงัน ไม่มีที่ท่าจะตอบสนองไปพักหนึ่ง นิ่งเหมือนกันรูปหินแกะ สลักก็ไม่ปาน นิ่งย้งกับหิน …..
ผ่านไปพักใหญ่ เขาจึงอดรนทนไม่ไหวที่จะพูดออกมา 3 คําว่า : “ผมขอโทษ”
ผมขอโทษ สามคำนี้ในบางครั้งก็ทำให้จิตใจชุ่มชื้นขึ้นมา ได้ แต่ในบางครั้งก็ทำให้จิตใจเหมือนถูกมีดเชือดเฉือน
เหมือนดังเช่นเวลานี้ ผลินฟังคำพูด คำที่ปยุตจะ
พูดกับเธอ ซึ่งเธอเคยปราถนาที่จะฟังคำนี้เป็นอย่างมาก หัวใจของเธอเหมือนถูกมีดเชือดเฉือน เจ็บปวดจนทนไม่ ไหว ครั้งแรกที่กล้าหาญที่จะละทิ้งความแค้นในใน เริ่มต้น ที่จะรักใครสักคน ดูแลถนถนอมความรัก แต่ว่า คำพูด ผมขอโทษ ของปยุตครานี้ กลับทำให้เธอได้คืนสติอย่างทุกข์ทน ว่า ความรักไม่ใช่เรื่องของคนเพียงคนเดียว
“ฉันไม่ดีพอหรือค่ะ ? หรือว่าฉันดีน้อยกว่าหญิงงคนนั้นใช่
มั้ย ? ”
ปยุตได้จับหัวไหล่ของผลินไว้แน่น พูดอย่างรู้สึกผิด
ในใจว่า : “ไม่ใช่คุณไม่ดี แต่ผมยังไม่สามารถทำใจเปิด รับใครได้อีก”
น้ำตาของผลินได้ไหลออกมา ถ้าหากว่าปยุตพูดว่าเธอ ไม่ดีตรงไหน เธอจะไปแก้ไขอย่างไม่ลดละ แต่ว่า ปยุต พูดว่าเขาเองยังไม่สามารถเปิดใจให้กับใครได้อีก ผลินจะ ทําอย่างไร ?
“ค่ะ , ฉันเข้าใจดี
เธอหันหลังกลับอย่างมั่นใจ อดกลั้นที่จะร่ำไห้ต่อหน้า เขา ถ้าหากไม่ได้รับความรัก อย่างนั้น ผลินก็ไม่ใส่ใจใ ดีในความรู้สึกของเขาอีกต่อไป
เข้าไปในห้องพัก ปิดประตู หยาดน้ำตาได้ไหลพร่างพลู ออกมาเป็นสายน้ำ ผลินล้มลงนั่งยองๆอยู่ข้างประตู สอง มือโอบหัวเข่าทั้งสองไว้แน่น ไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้แล้วจะ ทำอย่างไรต่อไป ไม่ต้องการที่จะร้องไห้อย่างไร้ค่าเช่น นี้ แต่ว่าน้ำตาไฉนเลยยังไหลออกมาไม่ขาดสาย เธอ สะกดกั้นอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่ สะกดใจไว้ ปยุตที่ยืน อยู่ข้างประตูอีกฟากหนึ่งได้ยินเสียงผลินร้องไห้ได้อย่าง ชัดเจน
นี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้ยินเสียงร้องไห้อันโศรกเศร้าของ ผลิน หัวใจของปฤดเจ็บปวดยิ่งนัก เขาคิดที่จะเคาะประตู เรียก แต่ว่ามือยกขึ้นมากลับหยุดชะงักลง เวลานี้ไม่ ว่าใช้คำพูดจะอธิบายอย่างไรล้วน ไร้ประโยชน์ เขาเข้าใจ เป็นอย่างดี สิ่งที่ผลันต้องการจะได้ยินนั้น ไม่ใช่คำปลอบ ใจของเขาเลย
ความรัก ช่างโหดร้ายเสียจริงๆ ไม่ใช่เธอที่ทำให้ป ยุติต้องเจ็บชา แต่เป็นปยุคเองที่ทำให้ผลินต้องผิดหวัง
ผลิบต้องการที่จะหลบหนีปยุคไปให้ไกล ผลิบตื่นขึ้น มาแต่เช้าตรู่ก่อนปยุต เมื่อคืน เธอเองก็กลับไปหลังเขา เท่าที่จะทำได้ ผลินจะไม่อยู่กับปยุคสองต่อสอง หลัง จากถูกปยุคปฏิเสธ เพราะว่าเธอเองไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไร และจะแสดงสีหน้าอย่างไร เมื่อเผชิญหน้ากับเขา
จิตใจที่ซึมเศร้า สีหน้าที่ดูห่อเหี่ยว ประเดี๋ยวเดียวนึก ขึ้นได้ถึงคำเตือนของเพื่อนรักอย่างชื่นใจ
ชื่นใจได้นัดพบกับผลินที่ร้านกาแฟ สอบถามเธออย่างตรงไปตรงมาว่า : “ช่วงนี้เกิดเรื่องอะไร ขึ้น ? ทำไมจิตใจดูเศร้าสร้อยหงอยเหงา
ผลินสันศรีษะแล้ว หยิบกาแฟดำข้างหน้ายกขึ้นมาดื่ม
พร้อมกับพูดว่า : ไม่มีอะไร
“ยังคิดจะปิดบังเพื่อนคนนี้อีก ฉันรู้จักเธอมานาน มี เรื่องอะไรจะไม่พูดไม่จากันอย่างนั้น ? ”
“ไม่ใช่เรื่องอะไรที่น่ายินดีอะไรหรอก พูดออกมาแล้วจะ ทำให้ตนเองโศรกเศร้าเพิ่มขึ้นอีกก็เท่านั้น”
ผลินเอ่ยออกมาแบบนี้ ชื่นใจก็พอจะเข้าใจบ้างแล้วบาง ส่วน “เธอบอกความในใจกับปยุตแล้วใช่มั้ย ปยุตพูดว่า เขาไม่สามารถยอมรับเธอได้ใช่มั้ย ? ”
“คำพูดยังรุนแรงกว่านี้เสียอีก เขาพูดว่า ใจของเขาไม่ สามารถรับใครได้อีกแล้ว ไม่มีความลังเลใจแม่สักนิดเลย ล่ะ”
ชื่นใจขมวดคิ้ว เอ็นดูผลินเป็นอย่างมาก กุมมือของ ผลินขึ้นมาปลอบใจว่า : “ไม่เป็นไร ไม่เปิดใจ ก็คือไม่ เปิดใจ ผู้ชายทั้งโลกใช่ว่าจะตายไปหมด โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเขาเองก็มีนิสัยบึ้งตึงได้ตลอดเวลา
“มีเพียงบางอย่างพอใจสักเท่าไหร่ เพื่อเขาแล้วแม้แต่ เรื่องแก้แค้นก็ยังไม่คิดอีกเลย แต่ว่าเขาเองแม้แต่ โอกาสที่กลับไปคิดดูสักครั้ง ก็ยังไม่ให้ฉันเลย ”
“ในเมื่อรู้สึกไม่ยอมแล้ว อย่างนั้นก็อย่าละความตั้งใจ ฉัน มั่นใจมีชายหน้าไหนที่จะไม่ชอบน้องผลินของพวกเรา ไม่ ชอบน้องผลินของพวกเราคือพวกหน้าโง่”
ผลินจ้องมองออกไปทางนอกหน้าต่าง พูดออกมา
อย่างท้อแท้ว่า : “ผู้ชายทุกคนล้วนมีรักแรกกันทุกคน หญิงสาวที่สามารถเริ่มต้นจุดประกายความรักของผู้ชายคน รักนั้นได้ จะต้องทำอย่างไรถึงจะชนะเธอได้ ? ”
“ความรักแรกเป็นยังไง ? เป็นเพียงแค่ความทรงจำในอดีต ก็เท่านั้น เพียงแต่เธอต้องมีความมั่นคงและจริงใจ จะต้อง ยึดครองหัวใจของปยุตได้อย่างแน่นอน”
ปยุตนั่งอยู่ในห้องทำงาน ในมือถือโทรศัพท์พลิกไป พลิกมา เป็นเวลา 3 วันแล้ว เขาและผลินไม่พูดจากันเลยสัก คำ ปะหน้าเพียงครั้งคราว ปยุตไม่ทันจะเอ่ยปาก ผลินก็ ได้หายแว๊บไปอย่างไร้ร่องรอย