ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 66 ปิดบังความรู้สึกลึกๆในใจ (4)
“ท่านประธานปยุต ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ”
ชายรูปร่างท้วมคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วย ท่าทางเอาใจใส่ ยื่นมืออวบอ้วนของเขาออกมาแช็คแฮนด์ กับปยุต เขาคือเจ้าของงานเลี้ยงครั้งนี้อย่างเห็นได้ชัด ดู ท่าทางและการแต่งกายของเขา เป็นคนที่มีฐานะในสังคม เช่นกัน
“นี้คงเป็นนายหญิงน้อยใช่มั้ยครับ ? ”
“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ
ผลินยื่นมือออกไปตอบรับอย่างสุภาพ เธอรู้สึกโล่งอก ยังดีที่ไม่ได้เรียกเธอว่า นายหญิงเจ็ด มิฉะนั้น ไม่อึดอัดใจ ตายซิแปลก
หลังจากทักทายกันตามธรรมเนียมแล้ว ชายรูปร่าง ท้วมได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวทางธุรกิจ ผลินฟังแล้วเบื่อ มาก ก็เดินออกมาคนเดียวหาที่เงียบๆนั่งลงดื่มเชมเปญไป พลาง สังเกตแขกเหรื่อมากมายที่มาในงานเลี้ยงไปพลาง
กลุ่มคนมากมายในงานเลี้ยง ผลินเหลือบเห็นสายตาที่ จ้องมองมาที่เธอ สายตาทั้งคู่ของหญิงสาวคนนั้น เต็มไป ด้วยความริษยา
หวลคิดถึงปยุต ถึงแม้เขาจะมีชื่อเสียงที่ฉาวโฉ่ แต่ว่าเขาก็ยังเป็นที่หมายปองของหญิงสาว สายตาออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะก่อสงครามโดยไม่
ผลนมสด จะละ
จำเป็น เลี่ยงการเป็นหัวข้อในการนินทา
เพียงแต่ว่าสิ่งไม่คาดคิดก็คือ พระที่เธอละสายตาแล้ว หญิงคนนั้นกลับเดินเข้ามาหาผลินอย่างช้าๆ
“มีเรื่องอะไรหรือค่ะ ? ”
เธอเงยหน้าขึ้นสอบถามอย่างเลี่ยงไม่ได้
“พบรุ่นพี่แล้ว ยังไม่คิดจะลุกขึ้นมาพูดคุยกันหน่อย ? ”
“รุ่นพี่ ? “เธอขมวดคิ้วถาม : “ดูเหมือนว่าฉันจะไม่รู้จักคุณ
นะคะ ? ”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า : “ไม่รู้จักมารยาท ก็ควรที่จะลุกขึ้นมาถามว่าคุณเป็นใครค่ะ ?
ไม่ใช่ถามห้วนๆว่า มีเรื่องอะไรหรือค่ะ”
ผลินแสยะยิ้มอย่างไร้อารมณ์ อยู่เฉยๆยังมีคนมาแส่หา เรื่องอึก ผลินยังคงไม่ยืนขึ้นพูดว่า : “ถ้าหากคุณรู้สึกว่ายืน อยู่นั้นมันจะเสียเปรียบแล้ว คุณก็นั่งลงได้นะ สถานที่ออก จะกว้างขวางคุณนั่งลงสักคนคงจะไม่ทำให้ห้องแคบลงไป หรอกนะ ? ”
“เฮอะ ยังจะมาเล่นลิ้นอีก มิน่าล่ะไม่นานมานี้หลายคนนินทากันว่า ปยุตเจอกับตัวซวย เดิมที่ฉันยังไม่เชื่อ ครานได มาเห็นกับตา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว ”
เธอมากับปยุตแท้ๆ แต่คนเมื่อถึงคราซวยกินน้ำเย็นก็ ยังเสียวฟันเลย ผลินเองไม่ได้ทำอะไรกลับถูกนำมาเป็น หัวข้อในการนินทาจนได้
“คุณเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่ตัวซวยของคุณปยุต พูดให้ถูกต้อง ฉันก็คือคนสุดท้ายที่คู่ควรที่จะแต่งงานกับ เขา
“ไร้ยางอาย”
หญิงคนนั้นแสดงสีหน้าถมึงทึงทันทีและกัดฟันกรอบๆ พูดว่า : “การแต่งงานของปยุตไม่มีทางจะสิ้นสุด อย่าคิด ว่าตนเองมีรูปร่างหน้าตาพอจะเรียกว่าสะสวยอยู่บ้าง แล้ว เชิดหน้าชูคอ ตั้งแต่คลอดออกมาจากท้องพ่อท้องแม่ มารดาเธอไม่ได้สั่งสอน เป็นคนต้องรู้จักแยกแยะ เข้าใจ กำพืดของตนเอง ? ”
“นั้นแม่เธอสอนเธอหรือยังล่ะ ? ถ้าแม่เธอสอนเธอแล้ว ล่ะก็ เธอก็คงไม่มากำเริบทะเลาะกับผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล เยี่ยงนี้ ! ”
เสียงกรี๊ดดังออกมา หญิงสาวนำแก้วแชมเปญที่มี เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งสาดไปที่ใบหน้าของผลิน หลังจากที่ ผลินตกตะลึงงันอยู่ชั่วขณะ ก็ตอบโต้กลับไปอย่างกล้าหาญ นำแก้วแชมเปญในมือสาดกลับไปที่ใบหน้าหญิงสาวคนนั้นในทันทีเช่นกัน
หญิงสาวอาจจะไม่เคยถูกดูหมิ่นถึงขนาดนี้ จึงยื่นมือจะ ตบไปบนใบหน้าของผลิน แต่ชั่วครู่เดียวก็ถูกแขกเหรื่อฉุด รั้งห้ามปรามไว้ได้ เธอโกรธกระฟัดกระเฟียดหันหลังกลับ ไปแขกเหรื่อที่เห็นและขว้ามือของเธอไว้ได้ทัน ความ โกรธเคืองก็สงบลงในทันที
“โรคนี เธอกล้ามากนะที่มาทำร้ายผู้หญิงของผม เบื่อชี วิตแล้ว ? ”
ผลินเพิ่งจะรู้ว่า หญิงสาวที่อาละวาดเมื่อครู่มีชื่อว่า โรศนี แต่ว่าผลินไม่รู้จักเธอเลยแม่แต่น้อย
ผลิน เธอเป็นผู้หญิงของคุณ แล้วฉันไม่ใช่อย่างนั้น ? คุณรู้มั้ยเธอพูดอะไรกับฉันบ้าง ? ”
“ไม่สนใจว่าเธอจะพูดอะไรกับคุณ สําหรับคุณมันก็ สมควรแล้ว รีบไสหัวไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ สักวินาทีเดียว ผมก็ไม่อยากจะเห็นหน้าคุณ
โรศนี ไหนเลยจะเคยได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามถึง เพียงนี้ เธอร่ำไห้งอแงทันที : “อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ฉันก็เป็นภรรยาคุณ ถึงงานแต่งงานจะจบไปแล้วแต่ความ สัมพันธ์ยังมีอยู่นะ เหตุใดคุณพูดกับฉันอย่างไร้ซึ่งเยื่อใย อย่างนี้ล่ะ
“ผมไม่เคยรู้สึกว่าจะมีความสัมพันธ์อะไรกับคุณเลย
ปยุตค้านคำพูดของเธออย่างไร้เยื่อใย
“อย่างนั้นหญิงคนนั้นดีกว่าฉันตรงไหน ? อย่างนั้น ? เก่งกว่าฉันอย่างนั้นรึ ? กว่าฉันอย่างนั้น ?
สวยกว่าฉัน และจิตใจดีงาม
“เธองดงามกว่าคุณ เก่งกว่าคุณ จิตใจดีงามกว่าคุณ ที่สำคัญฉลาดกว่าคุณ หากนำเรื่องนี้มาเปรียบเทียบดูแล้ว ถ้าพวกคุณทั้งสองสามารถสลับตัวกันได้ เธอจะไม่เป็น เหมือนหญิงปากร้ายสร้างความยุ่งยากให้คุณ เป็นเพราะ เธอรู้ดีว่า ถ้าทำอย่างนี้แล้วจะทำให้ผมต้องโกรธเป็นอย่าง มาก และคุณเองนั้นแหละเป็นเจ้าโง่ ทำเรื่อง ซะมากมายยังคิดจะพูดเรื่องความสัมพันธ์อีก น่าหัวเราะ สิ้นดี”
โรศนีถูกทำร้ายอย่างสาหัส และยังถูกเหยียดหยาม เป็นอย่างมาก เธอเห็นบรรดาแขกเหรื่อที่มองดูอยู่รอบๆ ทั้งอับอายทั้งเคียดแค้นปกปิดใบหน้าวิ่งออกไปในทันที ขณะวิ่งจากไปเธอแสดงสีหน้าที่เคียดแค้นโกรธเคืองที่มีต่อ ผลิน ทําให้ในใจของผลินกลัวเป็นอย่างมาก
บทละครทะเลาะกันฉากนี้ในงานเลี้ยง ปยุตไม่มีกะจิตกะ ใจที่จะอยู่ต่อ เขาจึงกระซิบข้างหูหญิงสาวที่ยืนข้างๆว่า
“คิดจะกลับบ้านกันหรือยัง ? ”
ผลินผงกศรีษะรับคำอย่างหนักแน่น : “กลับค่ะ”
ระหว่างเดินทางกลับ ผลินนิ่งเงียบไม่พูดจาสักคำ ป ยุตเหลือบไปมองดูผลินไปๆมาๆ พูดขึ้นว่า
“มีอะไรไม่พอใจก็พูดออกมาเถอะ”
“คนที่เท่าไหร่ ? ”
เขาตื่นตระหนกตอบว่า : “อะไรคือคนที่เท่าไหร่ ? ”
“เมื่อครู่หญิงสาวคนนั้นนะซิ ไม่ใช่อดีตภรรยาของคุณ รึ ? เป็นอดีตภรรยาคนที่เท่าไหร่ล่ะ ?”
“คนที่สาม โอ้วไม่ใช่ คนที่สี่ครับ”
ใบหน้าของผลินนิ่งสงบลง : “หลังจากนี้ต่อไปเรื่อง
ราวอย่างนี้คงจะเกิดขึ้นบ่อยๆเป็นแน่ ? ” ถึงอย่างไรก่อน หน้าเธอ ปยุตก็ยังมีภรรยาอีกหกคน ซึ่งเกี่ยวพันกับเธอ นอกจากโรศนีแล้วยังมีศัตรูที่ไม่เคยพบเห็นหน้าตากันเลย
“ไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”
“แน่ใจได้อย่างไร ? ”
“ภรรยาแต่ละคนนั้น มีเพียงโรศนีเท่านั้นที่เป็นคนไร้ เหตุผล ดังนั้นเธอเป็นเพียงหญิงสาวคนเดียวเท่านั้นที่ถูก ผมตบหน้า ”
ผลินได้ยินคำพูดของประยุติเริ่มวางใจลงบ้าง ว่ากัน ตามสถานการณ์ของเธอเวลานี้ รับมือกับชุดาก็ปวดหัวมาก พอทนแล้ว อย่ามีศัตรูปรากฏตัวเพิ่มขึ้นอีกเลย
กลับถึงคฤหาสน์นภา ขณะที่รถยนต์เพิ่งจอดสนิท หมายเลขสายเข้าเป็นสายของทาตฤ พูดอย่างเคร่งเครียด ว่า : “คุณเข้าไปก่อนนะ ฉันขอรับโทรศัพท์สักครู่”
โทรศัพท์มือถือของผลินดังขึ้น เธอเหลือบมองดู
ปยุครับคำ เดินล่วงหน้าเข้าไปในคฤหาสน์ ผลินหาที่ ลับๆเงียบๆรับสายโทรศัพท์ : “ฮัลโหล ? ”
“ผลิน ถ้าเวลานี้สะดวก ออกมาพบผมสักหน่อยได้มั้ย”
“คุณมา เมืองBหรือค่ะ ? ”
“อืม”
ผลินปวดหัวจนต้องนวดเบาที่หัวคิ้ว : “เวลานี้ฉันไม่ สะดวกค่ะ คุณมีเรื่องอะไรพูดทางโทรศัพท์ก็ได้”
“ไม่สะดวกจริงๆ ? ”
“ใช่ค่ะ……
“ผมเดาว่าต้องเป็นอย่างนี้ ออกมาพบผมเถอะ”
ดังนั้นจึงตั้งใจมาพบคุณ
เธอตกตะลึงถามว่า : “คุณอยู่ที่ไหน ?
“อยู่ด้านนอกประตูบ้านของคุณ”
ผลินทั้งรีบทั้งลนลานวางสายโทรศัพท์และวิ่งไปทาง ประตูใหญ่ เมื่อสักครู่ระหว่างที่จะเข้าบ้านเหมือนเห็นเงา คนหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นเคยผ่านไป ยังคิดว่าตนเองตาฝาด ที่ไหนได้เป็นเรื่องจริง
เมื่อมาถึงประตูใหญ่ด้านนอก ผลินมองไปรอบๆ บริเวณพุ่มไม้หนาทึบเธอมองเห็นเงาของทาตฤตะคุ่มๆยัง กับผี
“ลุงทาต ดึกดื่นป่านนี้แล้ว มาที่นี่ได้ยังไงคะ ? ”
เธอสอบถามไปอย่างไม่ค่อยจะยินดี
ทาต พูดด้วยใบหน้าเข้าหมองว่า : “ธาตรีเขาป่วย หนัก ร้องไห้ฟูมฟายทั้งวี่ทั้งวันร้องหาแต่เธอ เธอคิดจะ ทำยังไงต่อ ? ”
ผลินเข้าใจถึงถึงจุดประสงค์ที่ทาตฤมาหาเธอในครั้ง นี้ หัวใจตกลงไปตาตุ่มคิดในใจว่าคราซวยอีกแล้วละถาม ว่า : “ อย่างนั้นพวกคุณพาเขาไปหาหมอหรือยังคะ ? ”
ไปมาแล้ว ไม่มีผลอะไร คุณหมอพูดว่าเขาเป็นโรคใจ
ต้องใช้ยาใจรักษา”
“สุดสัปดาห์นีฉันจะกลับไปเยี่ยมเขาแล้วกัน
“เพียงแค่เยี่ยมอย่างนั้น ? ไม่ตั้งใจจะอยู่ไปเลยรึ ? ”
ทาตฤแสดงท่าทีบีบบังคับ
“ เรื่องราวทางนี้ยังสะสางไม่เสร็จ เมื่อจัดการเสร็จแล้ว จากนั้น………
“ให้เวลาเธอสะสางอีก10วัน ความอดทนของฉันมันถึงขีด สุดแล้ว นี้เป็นเดดไลน์ครั้งสุดท้าย ถึงเวลานั้นอย่าโทษลุง ว่าไร้ความเมตตานะ
ยังมีคนคุกคามเธอเพิ่มอีกคนแล้ว ผลินโกรธเคืองมาก คิดจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่เธออดกลั้นไว้ เพราะนี้คือ ชีวิตของเธอ ชีวิตที่ระหกระเหินลุ่มๆดอนๆทั้งชีวิตซึ่งโชค ชะตาได้ลิขิตไว้
“ทราบแล้วค่ะ
ลุงกลับไปก่อนเถอะ”
เธอรับคำอย่างเป็นทุกข์และหันหลังเดินไปทันที ทีละ ก้าวทีละก้าวค่อยๆหายไปจากสายตาที่ดูเย็นชาของทาตฤ
เดินก้มหน้าเดินไปตรงๆ เดินไปชนกับคนๆหนึ่ง จึงหยุด ชงักในทันที ถามขึ้นอย่างตกใจว่า “คุณยังไม่เข้าบ้านอีก หรือค่ะ ? ”
ปยุตชี้ไปทางประตูใหญ่เห็นเงาตะคุ่มตะคุ่มของทาตกเลยสอบถามว่า “ญาติของเธอมายืมเงินอีกแล้วเหรอ ?
“อืม
ใช่ค่ะ”
แววตาของผลินว่องประกายวับวาวตอบคำถาม
ญาติมาจากที่ไหนเหรอ ธนวันถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวย อะไร แต่ว่าไม่น่าจะมีญาติที่ยากจนขนาดนี้นะ ?
“ญาติทางฝ่ายแม่ค่ะ”
“อ๋อ”
ปยุตผงกศรีษะรับอย่างด้วยความรู้สึกห่วงใย “ อย่างนั้น คุณทำไมไม่ให้เขายืมเงินล่ะ ? ”
“เขาติดการพนันเป็นผีพนัน
ให้ยืมไม่มีทางได้คืน”
“มาหาเธอสร้างความรำคาญให้ตลอดอย่างนี้ ครั้งต่อไป ให้เขายืมเถอะ”
“ให้ยืมครั้งนี้ก็มีครั้งหน้าอีกนั้นแหละ ไม่มีสิ้นสุดหรอก
ค่ะ”
“นั้นก็ใช่เอาอย่างนี้ ครั้งหน้าเขามาหาเธออีก เธอก็ทำ
เป็นหลบหน้าเขา ให้ผมเข้าไปพูดคุยกับเขาแทน
ผลินตอบกลับอย่างทันควัน
“ไม่ค้อง ไม่ต้องค่ะ ฉันจัดการเองได้ค่ะ”
ถูกคนสองคนคุกคามในเวลาเดียวกัน คนหนึ่งให้เวลา เธอ 1 สัปดาห์ อีกคนหนึ่งให้เวลาเธอ10วัน ผลินขมขื่น ในใจจนพูดอะไรไม่ออก ราวกับว่าจะสลายตัวไปให้ได้
คืนนี้ผลินนอนอย่างไรก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ สูงขึ้นจากเตียงทันที เดินไปที่ห้องนอนของปยุต ลดทิฐิ ของตนเองตั้งใจพูดกับเขาอีกสักครั้ง
มองเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนถึงของเธอ ปยุตปัดที่ นั่งข้างๆตัวเขาอย่างเป็นเป็นมิตรพูดว่า มีเรื่องอะไรนั่งลง คุยกันเถอะ”
ผลินนั่งลง มือทั้งสองกำไว้ด้วยกันจนแน่น ปลุกเร้าความ กล้าหาญถามไปว่า “คุณไม่สามารถชอบฉันได้เลยใช่ มั้ย ?”
ปยุตถึงกับตลิ่งงัน บางครั้งรู้สึกลำบากใจ บางทีก็ สุดที่จะอดกลั้นไว้ได้ “เหตุใดยังคิดที่จะถามผมเรื่องนี้อีก ล่ะ”
“เฝ้าคิดที่จะถามอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าคิดดีแล้วหรือ ถึง ได้ถามคำถามนี้”
ปยุตได้ยินคำพูดนี้ของเธอยิ่งรักและเอ็นดูเธอมากนั้น แต่ว่ากลับไม่สามารถพูดออกไปได้ คำพูดที่จะยอมรับพูด ออกมาไม่ได้ คำปฏิเสธก็พูดไม่ได้ ภายในจิตใจของปยุตผลินถึงแม้ภายนอกจะดูเข้มแข็ง แต่กลับมีช่วงเวลาท อ่อนแออยู่บ้าง เขาไม่สามารถทำใจได้ที่จะมองเห็นสีหน้า ของผลินที่เจ็บปวดมากไปกว่านี้
ผลินเป็นหญิงสาวที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ทำไมถึงจะดู ไม่ออกว่าปยุตลำบากใจเพียงไหน เธอยิ้มอย่างขมขื่น พูด ว่า “พอเถอะ ในเมื่อตอบคำถามนี้ยากเย็นอย่างนี้ก็ไม่ต้อง ตอบ ถือเสียว่าฉันไม่ถามก็แล้วกัน “
ลุกขึ้นและกัดริมฝีปาก เดินกลับห้องพักไปอย่างเงียบๆ พริบตาเดียวที่ประตูห้องนอนปิดลง น้ำตาของความผิดหวัง ก็ได้ไหลออกมา
ถ้าหากว่าแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ เห็นเธอเป็นคนที่ไร้
ค่าไร้ราคาอย่างนี้ จะผิดหวังมากมายเพียงไหน จะต้อง ผิดหวังมายมายกว่าที่เธอประสบอยู่ขณะนี้