ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 75 ความสุข ( 6 )
ตอนที่75 ความสุข ( 6 )
ผลินนึกถึงชนุตร์ แซ่อี้ที่ไปช่วยไล่ล่าโจรอยู่กับเธอและ อยู่รอปยุตเป็นเพื่อน ชี้นิ้วไปข้างหลัง “เขาอยู่นั่น
“หม ไหนคน? ”
เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ บ่นอย่างสงสัย เมื่อกี้ยังนั่งอยู่ตรงนั้นนี่”
“ใครเหรอ”
“คนที่ช่วยฉันตามหากระเป๋าสตางค์ เขามาจากประเทศจีน ด้วย เป็นนัก…”
“เอาล่ะ ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะทำความรู้จักฮีโร่ผู้ยิ่ง ใหญ่ตอนนี้หรอกนะ”
ปยุตหันหลังด้วยความหงุดหงิดแล้วเดินไป เมื่อผลินเห็น เขาโกรธมาก ก็ล้มเลิกความคิดที่จะหาชนุตร์ แซ่ซี้ต่อ รีบ ตามหลังไปขอโทษเขา
“ขอโทษนะ ฉันสัญญาว่าต่อไปจะไม่ทําหูทวนลมกับค่าพูด ของคุณอีก”
“กระเป๋าสตางค์หาย โทรศัพท์หาย ไม่แน่ว่าคนก็อาจจะ หายไปด้วย” “ไม่มันจะไม่ ฉันขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า ด้วยถ้อยคำนี้ แก่คุณ จะไม่มีทางหายตัวไปแน่นอน
ผู้หญิงที่ไม่เชื่อฟังน่ะเกลียดที่สุด”
มันจะไม่มีครั้งต่อไป จริง ๆ” “
หลังจากคนสองคนค่อย ๆ เดินหายไป คนที่ซ่อนตัวอยู่ใน เงามืดเกิดความตกใจในเหตุการณ์สั้น ๆ นั้น แล้วก็จากไป เช่นกัน
ผลินเดินตามปยุตขอโทษไปตลอดทาง และสาบานต่อ พระเจ้าเป็นสิบ ๆ ครั้งก่อนจะได้รับการอภัย แต่ในตอนกลาง คืน เขาได้รับความทรมานจากเหตุการณ์เป็นเวลาหลาย ชั่วโมง เธอเหนื่อยจนแทบทรุด และเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่ง ขึ้นก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
“คุณปยุต คุณปยุต
เธอขยี้ผมยาวจนยุ่งเหยิง ตามหาเขาไปทั่วทุกห้อง ค้นหา ทั่วทุกมุม สุดท้ายก็ยังหาไม่เจอ
หายไปไหน?”
เธอตกใจนิดหน่อย รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมที่จะออกไป ข้างนอก ขณะนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เธอเดินไปเปิด ประตู คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นบริกรของโรงแรม มีอาหาร เช้าอยู่ในมือ พูดกับเธอเป็นภาษาอังกฤษว่า “นี่คือสิ่งที่สามี ของคุณขอให้ทางเราทำให้ และมีฝากโน้ตไว้ถึงคุณด้วย ครับ”
ผลินรับเอาโน้ตนั้นมา “ผมออกไปธุระข้างนอก ตอนเที่ยง จะกลับ ทานอาหารเช้าแล้วก็ดูทีวีอยู่แต่ในห้อง ถ้ากล้าวิ่ง ออกไปก็ลองดู”
“คนเผด็จการ คิดว่าจะสั่งอะไรก็ได้หรือไง” ใบหน้าไม่ เต็มใจ แต่หัวใจกลับเปี่ยมไปด้วยความสุข เพราะรู้ว่าเขาไป ไหน เธอก็ไม่กังวลอีกต่อไป
ตอนเที่ยง ปยุตกลับมา เมื่อเปิดประตูก็พบว่าผลินนอน
ขดอยู่บนโซฟา
เขาเดินไปหาเธอและนั่งลง สัมผัสที่แก้มของเธอ เผยรอย ยิ้มออกมา “นอนเก่งยิ่งกว่าหมู
“คุณเองก็นอนได้เก่งกว่าหมู”
ผลินลืมตาขึ้น เขาตกใจเล็กน้อย “คุณไม่ได้หลับอยู่หรือ
“หลับแล้ว แต่ตื่นเพราะเสียงคุณ”
เธอลุกขึ้นนั่ง ถามด้วยสายตาเฉียบคม “พูด คุณไปเล่น ที่ไหนมา”
ปยุตไม่สนใจเธอ แต่ปลดกระดุมเสื้อของเขาแทน เม็ดที่ หนึ่ง…เม็ดที่สอง.. ผลินหน้าแดงขึ้นช้า ๆ และถีบเขาไป “เพิ่ง จะกลับมาก็คิดถึงแต่เรื่องแบบนี้ คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า เนี่ย”
“โอ๊ย”
ปยุตไม่ทันระวัง ถูกเธอถีบจนลงไปกองกับพื้น นวดเอว ไปมาและคำราม “ถีบผู้ชายจนลงไปกองกับพื้นด้วยเท้าเดียว คุณยังเป็นผู้หญิงอยู่หรือเปล่าเนี่ย
“ใครใช้ให้คุณหั่นขนาดนี้ล่ะ”
อ่า เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ถ้าคุณคิดจะหนีไปที่ไหน ผมจึงต้องแสดงสิ่งนี้ให้คุณเห็นไง”
เขากระชากเสื้อออก ผลินซะงัก บนหน้าอกของปยุต ข้อความนั้นได้หายไปแล้ว…
“สามี…
เธอพุ่งเข้าไปด้วยความตื่นเต้น ปยุตขยับหนีจนเธอล้มลง ไปกับพื้น “โอ๊ย จมูกฉัน…
“สมควร”
ปยุตลุกขึ้นนั่งเยาะเย้ย เดินไปที่ห้องนอนและเอาเสื้อตัว ใหม่มาเปลี่ยน “คุณไปลบมาเหรอ”
เธอไม่สนใจความเจ็บ ถามออกมาอย่างตื่นเต้น
“ก็อย่างที่เห็น” ปยุตตอบอย่างไม่เต็มใจ
“ในคืนนั้น ฉันคิดว่าคุณแค่พูดเฉย ๆ ไม่คิดว่าคุณจะทำมัน จริง ๆ
เขาถอนหายใจหนัก กดไหล่ของเธอและพูดอย่างเต็ม เสียงว่า “จำเอาไว้ว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะตัดทุกอย่าง อย่างจริงจังเพื่อคุณ”
ผลินเชื่อคำพูดของเขา เธอเขย่งเท้าและกดจูบที่ริม ฝีปากของเขา “ขอบคุณนะคะ ได้สามีแบบนี้ ก็ไม่ต้องการ อะไรอีกแล้ว”
เพราะงานยุ่ง ปยุตจึงไม่สามารถอยู่ในปารีสได้นาน ผลิน ต้องแบกรับความอาวัยอาวรณ์ที่ลึกซึ้งฝืนใจที่จะต้องเดิน ทางกลับ เมื่อใกล้ถึงบ้าน เธอมีปัญหานิดหน่อย ปยุตก็รู้ว่า เธออึดอัดจึงเอ่ยถาม “มีอะไรหรือเปล่า”
ฉันกลับมากะทันหันแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ของคุณจะไม่ ตกใจเหรอ”
“ก็อาจจะ”
ปยุตยิ้มล้อ และกระแทกไหล่เธอ “แต่ผมว่า คงตื่นเต้น และประหลาดใจมากกว่า”
“พวกเขาต้องคิดว่าฉันมีปัญหาทางสมองแน่เลย
“ไม่หรอก ผมต่างหากที่พวกเขาคิดว่ามีปัญหาทางสมอง”
ผลินหัวเราะกับสิ่งที่เขาพูด “ตัวคุณมีชื่อเสียงที่ดีอยู่แล้ว ในด้านความรู้ ส่วนฉันคุณเองก็รู้ถึงช่วงเวลายากลำบาก ไม่ใช่เหรอ”
“ทำไมจะไม่รู้ เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณยืนหยัดได้อย่างแข็ง แรงแล้ว คุณทำสำเร็จแล้ว ในขณะที่คนอื่นไม่สามารถยืน หยัดได้ แค่ก้าวออกไป มีอะไรจะพูดก็พูดมันออกมา คนที่ หัวเราะคนสุดท้ายคือผู้ชนะ”
ฉีก…
ผลินดูเหมือนไม่ยินดียินร้าย แต่จริง ๆ แล้วกำลังใส่ใจ ป ยุตรู้ได้อย่างไรว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้นซ่อนความเจ็บปวดที่ ไม่สามารถบรรยายได้ คำว่าหัวเราะคนสุดท้าย ที่จริงแล้วมัน อาจยังเร็วเกินไป
มันยังมีอีก อนาคตที่คาดเดาไม่ได้กำลังรอพวกเขาอยู่
“คุณเข้าไปก่อนได้ไหม”
ยืนอยู่หน้าประตูของคฤหาสน์นภา ผลินเสนอขึ้นมา ทำไม” ปยุตไม่เข้าใจ
“คุณเข้าไปทักทายพวกเขาก่อน เกรงว่าพวกเขาจะตกใจ
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็คุณมักจะใจร้ายกับฉัน แล้วจู่ ๆ กลับมาใกล้ชิดกัน มันก็ ยากจะรับประกันว่าทั้งสองท่านจะรับได้
“โอเค มันไม่ใช่เรื่องอื้อฉาวน่าอับอายที่ต้องซ่อนมันไว้สัก หน่อย ผมจะไม่เข้าไปโดยไม่มีคุณ
ปยุตนำเธอเข้าไป ผลินหัวใจเต้นแรง แต่ก็ตามไป
ไปที่ประตูห้องนั่งเล่น เธอหายใจเข้าลึก ก้าวเข้าไปในนั้น ภายในห้องนั่งเล่นมีทั้งพ่อแม่และน้องสามีอยู่ที่นี่ และเมื่อเห็น เธอ ทั้งหมดก็ตะลึงงัน
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ น้องณี ฉัน…ฉันกลับมาแล้วค่ะ”
คลื่นของความอึดอัดเข้าถาโถมผลิน ใบหน้ายิ้มแข็งทื่อ
“แม่คะ นี่มันอะไรกัน
ปาณีจ้องตรงไปยังคนสองคนตรงประตู ร่างกายดูเหมือน จะหยุดนิ่ง ไม่สามารถขยับได้ “คุณคะ นี่มันอะไรกัน”
คุณนายท่านก็ตกใจและสงสัย หันไปถามสามีของเธอ
ใบหน้าของคุณท่านเวทนว่างเปล่า เขายืนขึ้น เข้าไปหา ลูกชายและลูกสะใภ้ สอบถามรายละเอียด “เธอสองคน นี่มัน เรื่องอะไรกัน”’ผมไปปารีสเรื่องงาน เธอไปเรียนต่อที่ปารีส แล้วก็พบกันอีกครั้งในสถานที่ที่แตกต่าง และเธอก็กลับมา พร้อมกับผมอย่างหน้าด้าน ๆ นี่แหละครับ”
เมื่อจบคำของปยุต ผลินก็หยิกเขา “คุณพูดไร้สาระอะไร เนี่ย ความจริงแล้วคุณลากฉันขึ้นเครื่องบินและบอกว่าไปฮัน นีมูนต่างหาก!
ฮันนีมูน…
ทั้งสามคนที่กำลังเต็มไปด้วยความมึนงง ทันใดนั้นก็ยิ่ง แปลกใจเมื่อสิ่งที่ได้ยินมันเหมือนเสียงคำบรรยายเรื่องของ
ท้องฟ้ายามค่ำคืน
” “คุณคิดว่าพวกเขาจะเชื่อใคร
ปยุตยืดอกด้วยท่าทางกวนประสาท
เมื่อพูดถึงความไว้วางใจ พวกเขาย่อมเชื่อในลูกสะไภ้ อย่างผลิน แต่ตามที่รู้ลูกชายของพวกเขานั้นก็เชื่อใจได้ และ รู้สึกว่าสิ่งที่ลูกสะไภ้พูดนั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นโดยธรรมชาติ พวกเขาจึงเลือกเชื่อคนที่ไม่เต็มใจอยากจะเชื่อ เมื่อผลินเห็นว่าพ่อแม่สามีไม่เชื่อคำพูดของเธอก็มองแรง ใส่ปยุตตาขวาง ยกกระเป๋าเดินทางและวิ่งขึ้นบันไดไป แต่ เมื่อเพิ่งขึ้นไปได้เพียงสองขั้น ก็ถูกปยุตดึงคอเสื้อกลับมา
เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณกัน ทําไมถึงไม่เลือกเชื่อลูกสะไภ้ สุดที่รักล่ะ”
อ่า…
ทุกคนในครอบครัวงงไปหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ฟังให้ดีนะครับ ผมกับผู้หญิงคนนี้เริ่มอยากมีชีวิตคู่ที่ดีขึ้น ” ปยุตประกาศ และเพิ่มอีกประโยคที่ใบหูของผลิน “ถึง แล้ว แม้ว่าผมจะรู้สึกลำบากใจอยู่นิดหน่อยก็เถอะ”
อ่า…
เสียงแห่งความประหลาดใจเกิดขึ้นอีกครั้ง คุณนายท่าน เกือบที่จะเป็นลมแล้ว ถามธามันขึ้นมาอย่างหวาด ๆ ว่า “คุณ คะ ลูกชายเราพูดว่าอะไรนะ”
“ถ้าผมได้ยินไม่ผิด เขาบอกว่า เขาอยากที่จะมีชีวิตคู่ที่ดี กับลูกสะใภ้ของเรา”
“จริงเหรอ ยายณี”
คุณนายท่านไม่เชื่อ และต้องการการยืนยันจากลูกสาว “แม่คะ ถ้าหนูไม่ได้หูฝาด พ่อก็พูดเหมือนที่หนูได้ยิน
ลูกสะไภ้ ที่ผู้ชายคนนั้นพูดเป็นความจริงเหรอ”
คุณนายท่านขอคำยืนยันเป็นหลักฐานครั้งสุดท้ายจาก บุคคลที่ถูกอ้างถึง
ผลินพยักหน้าสั้น ๆ “คุณแม่คะ ที่ผู้ชายคนนั้นพูดเป็น ความจริงค่ะ ”
“เยี่ยมมาก!!”
ทั้งครอบครัวต่างกอดกันด้วยความยินดี กระโดดโลด เต้นกันเหมือนเด็ก ๆ ปยุตมองดูภาพแห่งความสุข ทั้งรู้สึก เศร้าและรู้สึกผิด นี่เป็นสิ่งที่ธรรมดาที่สุดที่พวกเขาทำกันใน ครอบครัวทั่วไป ควรจะต้องทำให้พ่อแม่มีความสุข เห็นได้ชัด ว่าเขาช่างเป็นลูกชายที่อกตัญญู
“ป้าเอี่ยม ป้าเอี่ยม เย็นนี้ไม่ต้องทำอาหารนะ ครอบครัวเรา จะออกไปทานข้างนอก”
คุณนายท่านสั่งคนรับใช้ในบ้านด้วยความยินดี จับมือลูก สะใภ้แล้วพูดว่า “เป็นวันที่น่าจดจำแบบนี้ พวกเราต้องฉลอง กัน”
“ค่ะ คุณแม่”
ที่จริงแล้วผลินไม่อยากออกไปข้างนอก แต่เห็น ครอบครัวมีความสุขมันไม่ง่ายที่จะปฏิเสธความตั้งใจของ พวกเขา จึงพยักหน้ารับไปโดยปริยาย
ขึ้นไปชั้นบน เธอนำเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางทีละ ตัวแขวนในตู้เสื้อผ้าของปยุต เมื่อคิดได้ว่าไม่ต้องอยู่ในห้อง เล็ก ๆ เหมือนหลุมศพนั่นอีกแล้ว ริมฝีปากก็เผยรอยยิ้ม เปล่งปลั่งไม่รู้ตัว
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอตะเบ็งเสียงออกไป “เข้ามาได้เลยค่ะ”
คุณนายท่านเปิดประตูเข้ามา นำกล่องใบเล็ก ๆ ออกมา จากด้านหลังให้ลูกสะไภ้ “เธอเอานี่ไปนะ คืนนี้อย่าลืมใช้มัน”
“นี่คืออะไรเหรอคะ คุณแม่”
พระสงฆ์ไม่สามารถสัมผัสถึงศีรษะท่านเจิ้งเหอได้
“ยาเม็ดชุนเซียว”
คุณนายท่านพูดด้วยความตื่นเต้น “ฉันซื้อมันมาในราคา สูงจากคนอื่นที่ปฏิเสธที่จะกินมันในคืนวันเข้าหอ มันจะทำให้ ผู้ชายรักเธอทั้งชีวิตก็ไม่เพียงพอ… ”
ทันใดนั้นใบหน้าของผลินก็กลายเป็นสีแดงเรื่อ “แต่คืน เข้าหอของเราได้ผ่านไปแล้วค่ะ…
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ก่อนหน้านี้ไม่นับ คืนนี้เธอจัดการให้ดี หัวใจของลูกชายฉันจะไม่มีวันเป็นของจันทรอีกต่อไป…