ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 81 เธอเป็นผู้หญิงไม่ดี ( 6 )
ตอนที่ 81 เธอเป็นผู้หญิงไม่ดี ( 6 )
ความจริงแล้ว
เธอคาดเดาไม่ผิด
เลย
ผลินรับสายโทรศัพท์ของไวภพ ขณะที่ปยุตกำลังอาบน้ำอยู่ที่ห้องน้ำ เธอกระซิบถามไปว่า “มีเรื่องอะไรเหรอ
ผมอยู่นอกบ้านคุณ คุณรีบออกมาพบผมหน่อยครับ
“ฉันเข้านอนแล้ว มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยพูดกัน
เธอวางสายโทรศัพท์ทันที แต่ไวภพยังไม่ลดละ โทรศัพท์กลับไปอีก ครั้ง “ถ้าคุณไม่ออกมา ผมจะตะโกนเรียกจนกว่าคุณจะออกมา
ผลินฟังน้ำเสียงของเขาผิดปกติ เหมือนดื่มสุราจนเมามาย กลัวว่า เขาจะบุ่มบ่ามไม่ยั้งคิดตะโกนเอะอะเสียงดังอยู่ด้านนอกจนทำให้ พ่อแม่ สามีตกใจตื่น จึงพูดออกไปอย่างโกรธเคืองว่า “คุณไม่ต้องตะโกน ฉันรีบ ลงไปแล้ว”
เธอรีบเร่งเดินไปหน้าประตูใหญ่พบเขา มองเห็นไวกพยืนอยู่ข้างเสา ไฟริมทางเพียงแว๊บแรก รู้สึกได้ว่าเขาดื่มสุราจนเมามายกลิ่นสําเหล้าเหม็น ฟุ้งมาแต่ไกล
“คุณต้องการทำอะไรกันแน่”
เธอขึ้นเสียงถามและมองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง ถ้าปยุตมาพบ เธอกับไวภพในเวลาค่ำมืดดึกดื่นอย่างนี้ เขาจะต้องหึงหวงอย่างแน่นอน
“ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ”
“รู้เรื่องอะไร”
เธอขมวดคิ้วมองไปที่เขา “ทุกอย่างทั้งหมดเกี่ยวกับคุณ
ในใจของผลินรู้สึกกังวล พูดออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ฉันไม่มี เวลามาเล่นสนุกกับคุณหรอกนะคะ คุณรีบกลับไปเถอะ
เธอหันหลังเพื่อที่จะกลับแต่ไวภพดึงมือรั้งเธอไว้พูดว่า ทำไม ทำไมถึงจะต้องเลือกเขา ถ้าต้องการที่จะแก้แค้น ผมก็ทำให้ได้ มี เหตุผลอะไรถึงเลือกเขาครับ
ผลินทั้งโกรธทั้งตกใจ สะบัดมือของไวภพที่ฉุดเธอไว้ พูดว่า “คุณ พูดเรื่องอะไร ไม่มีเรื่องอย่างที่คุณพูดคะ”
ผลินต้องการที่ผละตัวไป แต่ไวภพก็ยังรั้งเธอไว้ “คุณอย่ามาปกปิด ผมอีกเลย ทำไมถึงยอมแบกรับความขมขื่นไว้คนเดียวล่ะครับ กลับไม่ ให้ผมช่วยแบ่งเบาภาระคุณบ้าง คุณรู้มั้ยครับเพียงแค่คุณเอ่ยปากมาคำ เดียวเท่านั้น ไม่ว่าต้องการให้ผมทำอะไรผม จะไม่บ่นสักคำ”
ผลินอดกลั้นไม่ไหวจึงตบหน้าไวภพไปหนึ่งฉาด สะอึกสะอื้นพูดออก มาว่า “จะต้องให้ฉันพูดสักกี่ครั้ง เรื่องของฉันฉันแก้ปัญหาด้วยตนเอง ได้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่ผ่านมาก็ดี หรือปัจจุบันนี้ก็ตาม ฉันไม่เคยมีความ คิดที่จะให้ ท่านผอ.ไวพมาช่วยแบ่งเบาภาระแทนฉันเลย”
เธอ
ในที่สุดไวภพก็คลายมือออก หลังจากได้ยินคำพูดปฏิเสธจากปากของ แววตาของเขาปวดร้าวยิ่งนัก ผลินถอนหายใจและวิ่งกลับไป
ชื่นใจเฝ้ามองดูฉากบทนี้ ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไวพยืนนิ่งอยู่ นาน ชื่นใจเองก็ยืนอยู่ข้างเขาเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่หันหลังกลับมา มองหน้าเธอแม้สักครั้งเดียว แต่ว่าเธอกลับเคยชินกับท่าทางเช่นนี้
“เมื่อสักครู่หายไปไหนหรือ”
หลังจากปยุตอาบน้ำเสร็จก็นอนบนเตียงดูโทรทัศน์ เธอตอบกลับด้วยแววตาเปล่งประกาย
“เต็มที่เลยมั้ย”
“นิดหน่อยคะ”
“นั้นก็ขอโทษด้วยนะครับ เดิมทีผมคิดว่าจะวิดพื้นซะหน่อย
“ไม่มีปัญหา เทียบกันแล้วหากคุณจะวิดพื้น ฉันยอมที่จะเป็นคนวิดให้
เองดีกว่านะคะ”
ปยุตหัวเราะคำโต พูดว่า “รีบไปอาบน้ำเถอะ ผมรอคุณ
“รอฉันเรื่องอะไร” แท้จริงเธอรู้คำตอบดีว่าเขารอ
อะไร
“รอคุณอยู่บนเตียง ยังทำอะไรได้อีกล่ะ ช่วงบ่าย เจ้าบ้า ชนัย มาส ร้างความวุ่นวายในงานของผม ผมเกือบจะระงับอารมรณ์ไว้ไม่อยู่ ด่า
ว่ามารดาของเขาไปแล้ว”
ผลินตอบกลับเขาอย่างเสียอารมณ์ “อย่าเป็นคนไร้คุณธรรม เขาเดิมที่ไม่มีแม่อยู่แล้ว คุณยังด่าว่าแม่ของเขา คุณยังเป็นคนอยู่หรือ เปล่า
“ดังนั้นผมควบคุมอารมณ์ไว้ได้
กลางดึก ผลินสะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื่องจากคอแห้งผาก เธอรินน้ำที่วาง อยู่ข้างเตียงดื่มเข้าไปใหญ่ ผลินกลับได้ยินปยุตละเมอออกมาเสียง ดังว่า” ทำไมถึงหักหลังผม ……..ไม่ต้องจากผมไป…………………..
ความรู้สึกผ่อนคลายพลันตื่นตระหนกขึ้นในทันที ระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นเวลานาน3ปี แล้ว เขาตอบรับความรู้สึกที่เธอมีให้เขา แต่เขากลับ ยังไม่ลืมเลือนหญิงสาวที่ทำร้ายจิตใจเขาคนนั้น ผลิแอดไม่ได้ที่จะรู้สึก เสียใจ เธอรู้สึกว่า ตนเองได้ปิดบังเรื่องราวหลายต่อหลายเรื่องกับปยุต ไว้มากมาย เธอนับวันยิ่งขาดความมั่นใจมากขึ้นทุกที ว่าปยุตจะสามารถ
“ไปวิ่งข้างนอกรอบนึงคะ” ให้อภัยเธอได้
วันรุ่งขึ้น ผลินครุ่นคิดอยู่นาน ตัดสินใจกลับไปที่โรงเรียนตามเดิม ถึงแม้ว่าการเผชิญหน้ากับไวภพจะอึดอัดก็ตาม แต่ว่า โรงเรียนนี้ก็เป็น สถานที่ที่เธอทำงานมานานถึงสามปี
เธอเชื่อว่า ไวภพคงจะแยกแยะระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับอาชีพ
การงานได้ชัดเจน
มีครูอีกคนหนึ่งของโรงเรียนเดินทางไปฝรั่งเศสแทนผลิน สําหรับการสูญเสียโอกาสครั้งนี้ เธอกลับไม่รู้สึกเสียใจภายหลังแม้แต่ น้อย เพราะว่ามีได้ต้องมีเสียเป็นเรื่องปกติ การได้รับรักจากปยุต
นั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
ในระหว่างการสอน ชื่นใจที่ได้แต่รับปากว่าจะไม่พูดเดินมายืนอยู่ต่อ
หน้าผลินพูดว่า “ขอโทษ”
เธอรู้ว่าเพราะอะไรชื่นใจถึงพูดคำว่าขอโทษ จึงพูดกระแทกอย่าง โกรธเคืองไปว่า “พูดออกไปหมดแล้ว คำขอโทษจะมีประโยชน์อะไรอีก
ล่ะ”
“ฉันเพียงแค่ทนไม่ได้ที่มองเห็น ไวภพเศร้าโศรกเสียใจ คิดว่าหลัง จากที่บอกเขาไปแล้ว จิตใจของเขาจะสงบลงบ้าง ใครจะไปรู้…..
“ใครจะไปรู้เขาไม่เพียงแต่จิตใจไม่สงบลง กลับยังนุ่มนามวิ่งมาหาเธอ งบ้าน”
“เธอเห็นฉันด้วย “ ชื่นใจถึงกับตกใจ
“เธอตัวใหญ่ซะขนาดนั้นยืนอยู่ด้านหลัง ตาบอดแล้วล่ะ ”
อย่างนั้นเธอยกโทษให้ฉันแล้วใช่มั้ย” ”
ถ้าหากฉันมองไม่เห็น ฉันก็ ผลินถอนหายใจ พูดออกมาอย่างเสียอารมณ์ว่า “ฉันว่า เธอคงตัดสิน ใจที่จะเฝ้ามองดูเขาอยู่ห่างอย่างนี้ ไม่ให้เขารู้ใช่มั้ย
หลังจากเลิกงาน ทั้งสองคนก็เดินออกมาจากโรงเรียน ชื่นใจก เสนอขึ้นมาว่า “ ให้ฉันเลี้ยงข้าวเธอสักมื้อเถอะ เพื่อเป็นการไถ่โทษก็แล้ว
ผลินพยักหน้ารับคำ “โอเค ให้เธอเลือดตกยางออกซะบ้างถึงจะรับรู้ ถึงความเจ็บปวด”
ผลินเลือกร้านอาหารที่แพงที่สุด สั่งอาหารที่แพงที่สุดเท่าที่มีใน ร้าน ชื่นใจเห็นเธอสั่งอาหาร ทั้งเจ็บใจ ทั้งมึนหัว ทั้งปวดตับ แทบจะ เป็นลม กัดฟันกรอดๆ พูดว่า “พิษที่ร้ายแรงที่สุด ยังร้ายไม่เท่ามารยา หญิง ฉันทำบาปทำกรรมอะไรมาเนี่ย ถึงได้มีเพื่อนอย่างเธอเยอะ
ผลินหัวเราะเสียงดัง ถึงปยุตเป็นประจำแหละ ” ทําบาปทํากรรมอะไร ประโยคนี้ ฉันพรรณา
“อย่างนั้นเธอกินซะเถอะ ถ้าวันนี้กินไม่หมด เราจะได้เห็นดีกัน
ผลินพยักหน้า “วางใจเถอะ ฉันจะจัดการจนเรียบ ฉันขอไปห้องน้ำ
ก่อนนะ”
เธอลุกขึ้น และเดินไปทางห้องน้ำ ได้พบกับ ดา
“เธอ…..เธอไม่ใช่ไปฝรั่งเศสแล้วไม่ใช่เหรอ
ผลินมองไปทางเธออย่างตกตะลึงงัน เปลี่ยนไปยังกับเห็นขี้ยังไงยังงั้น
คาดไม่ถึง ภายในห้องน้ำเธอ
แพลับเดียวสีหน้าของเธอ
ผลินรู้สึกหดหู่เป็นที่สุด เหตุใดทุกครั้งที่ออกมากินข้าวนอกบ้านจะ
ต้องพานพบกับคนที่เธอไม่ต้องการจะพบ ครั้งก่อนทานอาหารร่วมกันทั้ง
ครอบครัวเธอพบกับทาตฤ เมื่อวานทานอาหารกับปยุตเธอก็เจอกับไว ภพ วันนี้เธอพบกับชุดาอีก ไม่ให้คนมีที่ยืนเลยหรือเนี่ย
“ไปแล้ว กลับมาแล้ว
“เธอหมายความว่าอย่างไร
“ฉันเพียงตกลงกับเธอไว้ว่าแยกทาง กลับมาเสียเมื่อไหร่
“เธอ…..เธอ……
ชุดาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในคำตอบที่ไร้เหตุผลและขี้นิ้วไปทางผลินพูด ว่า “นี่เป็นเธอ แต่หาเรื่องเองนะ เธอรอฉันก่อน เดี๋ยวก่อนเถอะ”
ชุดากระหืดกระหอบวิ่งกลับไปที่บ้าน วิ่งเข้าไปในห้องพัก เปิดลิ้น
ชักออกมาดู พบว่าเครื่องบันทึกเสียงชิ้นนั้นหายไปแล้ว ครู่เดียว บ้าน ของตระกูลเจริญมาศมีเสียงกรีดร้อง
“พ่อ แม่ ผลินนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ได้เคยกลับมาที่นี่หรือไม่
ซดากระฟัดกระเฟียดรีบวิ่งลงไปชั้นล่างสอบถามพ่อแม่เธอ
ธินิดาสายศรีษะอย่างงงงวย
“ไม่มี
เกิดอะไรขึ้นลูกชุดา”
“เครื่องบันทึกเสียงของหนู หายไปแล้วคะ มีโคนเอาไปมั้ยคะ”
ธนวัน รีบหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านอย่างเหนียมๆมีพิรุธ ดูไปพลาง พูดไปพลางว่า” เธอไปวางไว้ที่ไหนแล้วจำไม่ได้ไม่ใช่หรือ หลายวันมานี้ ไม่มีใครมาที่บ้านนะ
“เป็นไปไม่ได้ ฉันมั่นใจว่าใส่ไว้ในลิ้นชักอย่างแน่นอน
ชื่อ!! ลูกอยากตาย
ลูกอยากตาย…..
ชื่อ
ช่างเป็นละครโศกนาฏกรรมเสียจริง
จะ
แต่ไม่ได้รับปากเธอว่าจะไม่ ซุดานั่งฟุบลงไปกับพื้นร้องห่มร้องไห้เสียงดัง วางแผนไว้ว่าอีกสอง วันจะหาวิธีเข้าใกล้ปยุต แต่เวลานี้ผลินกลับมาอย่างไร้เหตุผล เครื่อง บันทึกเสียงที่จะเป็นเครื่องต่อรองก็กลับหายไปเสียอีก มีสายฟ้าฟาดใน วันฟ้าสดใสอย่างนี้จะทำให้เธอแบกรับไว้ไหวได้อย่างไร เปรียบเสมือน เป็ดปรุงสุกพร้อมทาน กำลังจะเข้าปากอยู่แล้วกลับบินหนีหายไปในทันที
ธินิดามองเห็นบุตรสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น เข้าไปปลอบใจพูดว่า อย่าร้อง อย่าร้อง แม่ช่วยลูกไปหาอีกครั้งนะ ” พูดแล้วก็วิ่งขึ้นไปห้อง ด้านบนไปค้นหาแทนบุตรสาว
ชุดายิ่งร้องไห้ก็ยิ่งทำให้อ่อนล้า ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ทันใดนั้นก็ลุก พรวด วิ่งออกไปข้างนอกทันทีโดยไม่หันกลับมามอง
ชุดา งรถยนต์ไปบริษัทเจ.เอส.ทรัพยสานในทันที วิ่งหุนหันไปยัง ห้องทํางานของปยุต ซึ่งขณะนั้นปยุตกำลังเก็บสิ่งของเพื่อที่จะกลับบ้าน พลันเห็นชุดาเข้ามาในห้องอย่างลุกลน จึงพูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า “เธอจะทําอะไร”
“พี่เขย ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่คะ”
เธอสะอึกสะอื้นเดินเข้าไปหา ปาดน้ำตาดั่งคนถูกโดนรังแก
“พูดเรื่องอะไร”
พี่สาวของฉัน เธอหลอกลวงคุณ เป้าหมายที่เธอแต่งงานกับคุณนั้น ไม่บริสุทธิ์ เพียงเพื่อคิดที่จะแก้แค้นพ่อแม่ของฉัน เธอเป็นหญิงที่ชั่วร้าย
ปยุตยืนเลิ่กลั่กอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยิ้มอย่างเย็นชาพูดว่า ” เธอคิดว่าผมจะเชื่อ ในสิ่งที่เธอพูดอย่างนั้น”
“คุณจะต้องเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด เพราะว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริงทุก ประการ ฉันไม่ได้โกหกคุณ ในโลกนี้ มีเพียงฉันเพียงคนเดียวที่จะไม่ โกหกพี่” “เธอเป็นบ้าอะไรเหรอ
ปยุตแสดงความรังเกียจถลึงตาใส่เธอแล้วพูดว่า สายตาเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากจะฟังคำพูดไร้สาระของเธอ
รีบไปให้พ้น
“พี่เขยทำไมถึงไม่เชื่อฉัน ผลินเป็นคนหลวงดวงจริงๆค่ะ เมื่อสิบปีที่ แล้วเธอได้เคยหมั้นหมายกับชายคนหนึ่งไว้ เมื่อใดที่คุณช่วยเหลือเธอ ทําลายครอบครัวของพวกฉันสำเร็จ เธอก็จะหนีคุณไป สู่อ้อมกอดของ ขายปัญญาอ่อนคนนั้น
“เหอะ เธอกเรื่องโกหกก็ควรจะให้เนียนกว่านี้นะ หรือว่าคนอย่างป ยุตจะดีไม่เท่ากับเจ้าคนปัญญาอ่อนคนนั้น เธอก็จะหนีผมไปสู่อ้อมกอด ของชายปัญญาอ่อนคนนั้น น่าขันสิ้นดี”
เหอะเหอะ
“ดาเห็นปยุตไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งกังวลและ ทั้งรำคาญกระแทกเท้าเสียงดังพูดว่า “สิ่งที่ฉันพูดนั้นเป็นเรื่องจริง เดิมที ฉันมีหลักฐานยืนยัน เพียงแต่ว่าหลักฐานนั้น เอ่อ………
“เพียงแต่ว่าหลักฐานนั้น เป็นยังไงต่อ
“หายไปแล้ว”
“เหอะ ปยุตหัวเราะอย่างเย็นชาอีกครั้ง “ได้ยินเสียงล่ำลือมานานแล้ว
ว่าบุตรสาวของตระกูลเจริญมาศนั้นพูดจา กลับกลอก วันนี้ได้เห็นกับ ตา ช่างสมคำร่ำลือจริงๆ