ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 82 ความลับไม่มีในโลก ( 1 )
ตอนที่82 ความลับไม่มีในโลก ( 1 )
ปยุตหยิบกุญแจรถยนต์เดินออกไปจากสํานักงาน โดยไม่ แยแสเลยว่า ดายังมีตัวตนยืนอยู่ที่นั้น ชุดายังไม่ละความ พยายามเดินตามเขาไป ตะโกนเสียงดังออกมาว่า “พี่เขย เชื่อ ฉันสักครั้งได้มั้ย ฉันสาบานต่อฟ้าดิน ว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นเป็น เรื่องจริงทุกประการ”
“ผมขอเตือนคุณนะ อย่าตามผมมา
แววตาที่เฉียบคมของปยุตจ้องมองไปที่ชุดา ทั่วทั้งร่างกาย ของเขาแผ่รังสีอำมหิตออกมา ชุดาถึงกับหยุดนิ่งตะลึงงัน ถึง แผ่นดินไหวก็ไม่กล้าที่จะขยับสักนิด ในปากกลับยังบ่นพึมพำ ออกมาอีกว่า “ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ สิ่งที่ฉันพูดนั้นเป็น เรื่องจริง..
กลับมาถึงบ้าน ผลินยังกลับมาไม่ถึง เขาจึงหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาโทรหาเธอทันที “อยู่ที่ไหนแล้ว
กำลังทานข้าวอยู่กับชื่นใจ คุณจะมาทานด้วยกันหรือไม่
คะ”
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ เพียงแค่อยากจะได้ยินเสียงของเธอ เท่านั้น พวกเธอกินข้าวกันไปเถอะ ผมวางสายก่อนนะ”
“อืม โอเค”
ผลินวางสายโทรศัพท์ ชื่นใจถามทันทีว่า ” ใครเหรอ
ยุตใช่มั้ย” “อืม”
“ดูไปความสัมพันธ์ของพวกคุณทั้งสองดีมากทีเดียวนะ
“ใช่ ดีมาก”
ผลินเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดพูดว่า “นใจ……. ” เธอเรียก ชื่อชื่นใจด้วยความเป็นมิตรแท้ ชื่นใจขมวดคิ้วถาม “มีอะไร
เหรอ”
“เธอคิดว่า สองคนที่เป็นคู่รักกัน ควรหรือไม่ที่จะมีความลับ ต่อกัน”
“หมายความว่าอย่างไรเหรอ”
“ตัวอย่างเช่น เกรงว่าความลับนี้จะทำร้ายจิตใจฝ่ายตรง ข้าม แต่ว่าก็ไม่ควรจะปกปิดใช่มั้ย”
“เธอพูดออกมาให้ตรงไปตรงมามากกว่านี้ได้มั้ย ฉันคิดไม่ทัน บอกมาตรงๆได้มั้ย”
ผลินลังเลอยู่พักหนึ่ง ก็บอกเรื่องแท้จริง เกี่ยวกับเรื่อง เป้าหมายที่ฉันแต่งงานกับเขา ฉันคิดว่าจะเล่าความจริงกับเขา
ชื่นใจส่ายหน้าอย่างตกใจ พูดว่า “ไม่ได้
ขาด”
“เพราะอะไรเหรอ”
ไม่ได้เด็ด
สมองของ “ไม่มีชายคนไหนที่จะรับได้หรอก ว่าเขาเป็นเครื่องมือในการ แก้แค้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปยุตยังเคยบอบช้ำจากการที่ถูก ผู้หญิงหลอกลวงอีก
* แต่ว่าหากไม่พูดออกมาแล้ว ในใจของฉันคงจะรู้สึกผิด หลายต่อหลายครั้งคิดจะเอ่ยปาก ฉันหวงแหนช่วงเวลาความรู้สึกดีๆที่
ตลอดไป ฉันก็ลังเลมาก ก็กลัวว่าเขาจะรับไม่ได้ หาได้ยากอย่างนี้”
“ในเมื่อหวงแหนแล้วก็จะต้องรักษาไว้ให้ดี นอกจากเป็นคน โง่เท่านั้นแหละ ที่บอกความจริงกับผู้ชายเสียทุกเรื่อง ถึงแม้ จะเป็นสามีภรรยากันก็ตาม ก็มีบางเรื่องที่ไม่ควรจะพูด อย่า คิดว่าเวลานี้เขารักเธอมาก เขาจะสามารถให้อภัยเธอได้ ถึง ยังไงก็ไม่ควรจะไปเสี่ยง”
คำพูดของชื่นใจทำให้ผลินตกอยู่ในความโลเล ภายใน จิตใจของเธอสับสบวุ่นวาย เสียงหนึ่งสนับสนุนให้เธอพูด ความจริง อีกเสียงเตือนว่าเธอไม่ควรพูดความจริง
“หากแต่ว่าฉันคิดว่าจะไม่พูดแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่มีทางทางที่จะ ปกปิดไว้ได้นาน ไม่มีความลับใดที่จะคงอยู่ตลอดไป..
“อย่างน้อยก็ให้ความสัมพันธ์ของเธอและปยุตสุกงอมมากกว่า นี้ ถึงเวลานั้นหากเขาทําใจยอมรับไม่ได้ ก็คงไม่เต็มใจที่ จะทําลายความรู้สึกดีๆเหล่านี้ไปได้หรอกนะ”
ผลินคิดไม่ตกก็คือเรื่องนี้ ทุกวันเธอตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ บอกกับตนเองเสมอ วันนี้จะต้องบอกความจริงให้ได้ แต่ว่า ทุกวันก่อนที่จะเข้านอนก็บอกกับตนเองว่า พรุ่งนี้ค่อยบอก ความจริงเขาดีกว่า วันเวลาก็ผ่านไปวันแล้ววันเล่า จิตใจที่
เอาแต่หลบซ่อนความจริง ก็เป็นผู้ชนะ เธอจึงไม่มีความกล้า หาญพอที่จะบอกความจริง
ยังมีเหตุผลอีกอย่างหนึ่งก็คือเธอยังไม่มีความมั่นใจเพียงพอ ต่อความรักของปยุตที่มีต่อเธอ
ปยุตง่วนอยู่กับการทำงานในห้องหนังสือ ผลินกลับมาถึง บ้าน เธอยืนอยู่หน้าประตูโผล่ศรีษะเข้าไปยิ้มเข้าว่า “Hello ฉันกลับมาแล้ว”
เข้ามาหาใกล้ๆ ”
ปยุตกวักมือเรียก เธอเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ และประทับ รอยจูบอันนุ่มนวลลงบนใบหน้าของเขา
“คืนนี้ทานอะไรมาบ้าง
ยังไงก็ไม่ใช่ปูหรอกนะ” “
“เขาหัวเราะ “กินปูกินจนกลัวไปเลยล่ะซิ”
“เกินจากกลัว ก็คงเป็นความเจ็บปวด
“นั้นครั้งต่อไปจะพาคุณไปทานอาหารตงเป่ยนะ ”
“โอเค จากนั้นก็สั่งเหล้าสาเกตุ่นๆมาทานคู่กัน ช่างสุดยอด
จริงๆ” ทั้งสองคนหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างหวานชื่น ผลินบิดขี้เกียจถามว่า “คุณทำงานอีกนานมั้ย ฉันจะไปอาบน้ำ
ก่อนนะคะ”
“อืม อาจจะดีกซะหน่อย คุณไปอาบน้ำเข้านอนก่อนเถอะ”
ผลินพยักหน้ารับคำ หันหลังเดินออกไป จวนจะเดินถึงประ ตูปยุตเรียกเธอทันทีว่า “ น้องผลิน”
“อะไรคะ”
เธอหันศรีษะกลับมา สบตามองเขาด้วยสายตาเปิดเผย
มองดูสีหน้าท่าทางเธออย่างนี้ ปากที่จะพูดกลับพูดอะไร ไม่ออก “ไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไร คุณไปเถอะ
ผลินยิ้มอย่างงงงวย ปิดประตูห้องทำงานแทนเขา ปยุต ถอนหายใจเฮือกใหญ่ โชคดีที่ไม่ได้ถามคำถามที่ไม่ควรจะ ถามออกไป เธอจะต้องรู้สึกว่าเขายังรักเธอไม่มากพอ เพราะว่าความรักนั้นจะต้องไว้วางใจต่อกันและกันไม่ใช่หรือ”
ผลินอาบน้ำเสร็จ กลับมายังห้องลับของเธอ หยิบกุญแจ ดอกเล็กๆขึ้นมาหนึ่งดอก ไขกุญแจลิ้นชักเปิดออกมา
ภายในลิ้นชัก วาง สมุดไดอารี่สีเขียวเข้มอยู่หนึ่งเล่ม เมื่อ ครั้งที่เธอยังเล็ก เธอเขียนไดอารี่ประจำจนเป็นกิจวัตร เพราะ ว่าเธอมีเรื่องราวเสียใจมากมายไม่สามารถสาธยายเป็นคำพูด เดียวที่เธอสามารถระบายความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจได้
ให้กับคนอื่นได้ ดังนั้นการเขียนไดอารี่จึงกลายเป็นหนทาง เขียนมาราวครึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นประตูห้องลับถูกเปิดออก ปยุตเดินเข้ามาหา พูดว่า “ใช่แล้ว วันนี้พ่อของคุณเซ็นสัญญา ไม่ได้ประทับตรา พรุ้งนี้บอกเขาด้วยนะว่า ตราประทับมาที่ บริษัทเพื่อประตราให้เรียบร้อย
ผลินนึกไม่ถึง เขาจะพรวดพราดเข้ามาอย่างนี้ ตกใจตื่นรีบ ปิดสมุดไดอารี่ ยัดเข้าไปในลิ้นชัดทันที ตอบกลับไปอย่างเลี่
กลั่กว่า ” โอเค โอเคคะ”
คุณยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ”
“จะไปแล้วคะตอนนี้”
เธอลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน ดึงตัวปยุตออกไปข้างนอกห้อง ปยุต นศรีษะมองดูลิ้นชักที่ถูกปิดไปนั้นและชำเลืองมองดู ท่าทางตื่นตระหนกของเธอ ความรู้สึกแปลกใจเริ่มก่อตัวขึ้นมา
ผลินเดินเข้าไปห้องอาบน้ำ ปยุตยังไม่ได้เดินออกจากห้อง สายตาของเขามองไปทางประตูห้องลับ แต่ว่าจะอดกลั้น อย่างไรก็อดกลั้นไม่อยู่ กลับเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ
มาหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าโต๊ะ มือของเขาสับสน ก๋ๆ ปล่อยๆ ปล่อยๆ ๆ ถึงแม้ว่าในใจจะรู้ว่าการกระทำแบบ นี้เป็นสิ่งที่ผิด แต่ว่าสุดท้ายแล้วไม่สามารถสะกดกั้นความ อยากรู้อยากเห็น ยื่นมือออกๆไปดึงลิ้นชักออกมาเจอกับ สมุดไดอารี่สีเขียวเข้ม
ปยุตคิดถึงคำพูดของชุดา และเห็นท่าทางของผลินเมื่อสัก ครู มือเปิดดูสมุดไดอารี่ด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย เขาไม่ได้เปิดหน้าหลังสุด และไม่ได้เปิดจากหน้าแรก แต่ เปิดไดอารี่จากหน้ากลาง ตัดสินใจแน่วแน่อ่านบันทึกไดอารี่ ตอนนึง ถึงกับทำให้สมองของเขาถึงกับจะระเบิดออกมาเป็น เสี่ยงๆ
วันที่13 เดือนมีนาคม อากาศแจ่มใส
วันนี้ แผนการล้างแค้นที่รอมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็สำเร็จ ไปอีกขั้นหนึ่ง ได้ยินมาว่ามีชายคนหนึ่งที่แต่งงานและหย่า ร้างบ่อยครั้งจนเป็นกิจวัตรประจำวัน มีมารดานับถือศาสนา พุทธ ฉันยัดเงินหลวงจีนภูเขาหลวง ให้เขาบอกกับหญิงสูงวัย คนนั้นว่า เพียงแต่งงานกับคนแซ่เดียวกันเท่านั้น ถึงจะหลีกเลี่ยง การหย่าร้างอันโศรกเศร้าครั้งแล้วครั้งเล่าของลูกชายนางได้
หญิงสูงวัยคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจจริง จากนั้น ธนวันและธิ นิดา แน่นอนเพื่อต้องการเงินสินสอดจำนวนมากจึงส่งบุตรสาว มาเป็นผู้สมัครคัดเลือก และฉันก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งฉัน จะต้องคว้าโอกาสที่ดีอย่างนี้ไว้ให้ได้ ทำให้ผู้ชายคนนั้นหลง รักฉัน จากนั้นค่อยๆ จัดการคนที่เคยข่มเหงจิตใจของฉันล้าง แค้นเขาเหยียบพวกเขาให้อยู่ใต้ฝ่าเท้า
ปยุตมือไม้สั่นเทา จนสมุดไดอารี่ตกลงบนพื้น เขาหลับตาลง ด้วยความขมขื่น แสงจันทร์สาดส่องลงมาที่ใบหน้าที่ซีดขาว ไร้เลือดฝาดของเขา
จากนั้นจะเขียนอะไรอีกต่อไป เขาไม่คิดที่จะดู และไม่มี ความจําเป็นต้องดูอีกแล้ว เดินออกจากห้องลับดั่งคนเหม่อ ลอยไร้วิญญาณ เหมือนทั้งร่างกายดิ่งลงไปในเหวลึก เดิน เข้าในห้องพัก มองเห็นแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน คว้ามาตบ ไปที่กำแพงอย่างฉุนเฉียว แก้วแตกละเอียด มือก็ฉีก เลือด สดๆสีแดงฉานไหลลงมาตามนิ้วมือที่สั่นเทาหยดลงบนพื้น จน กลาย เหมือนดั่งดอกป๊อปปี้สีแดงที่เศร้ารันทดดอกหนึ่ง
ครั้งแรกที่โดนหลอกคือเรื่องเซอร์ไพรส์ ครั้งที่สองโดน หลอกเป็นเพราะความโง่เง่า เลือดในร่างกายของปยุตไหล ออกมาไม่หยุด
หลอดเลือดคล้ายกับว่าจะระเบิดออกมา เจ็บปวดทรมาน ราวกับตายเสียดีกว่าจะมีชีวิตอยู่
ก๊อกก๊อก เสียงเคาะประตูห้องพัก ด้านนอกประตูมีเสียง ของผลินดังเข้ามา “ปยุต ทำไมคุณถึงล๊อคประตูล่ะคะ”
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ริ้วรอยใบหน้าที่หม่นหมองยังกับศพ กลับเป็นปกติทันที ลุกขึ้นหยิบเศษแก้วน้ำที่ตกอยู่บนพื้นโยน ใส่ถุงขยะ จากนั้น ทําความสะอาดรอยเลือดที่เปื้อนบนกำแพง เช็ดถูจนสะอาดเสร็จแล้วจึงเดินไปเปิดประตู
คุณเป็นอะไรไปคะ” ”
ผลินมองไปที่ปยุตอย่างร้อนรน เขายิ้มตอบกลับว่า “ ไม่มี อะไรครับ เผลอนอนฟุบหลับไปบนโต๊ะทำงาน
มือที่ได้รับบาดเจ็บของเขาไว้หลบไว้ด้านหลังตั้งใจจะไม่ให้ เธอเห็น ผลินเม้มริมฝีปากพูดว่า อย่าทําจนดึกล่ะ เข้า นอนเร็วหน่อย”
“โอเค” มองดูด้านหลังของเธอที่เดินกลับไป หัวใจของเขาเหมือน ถูกโดนกรีดเป็นแผลใหญ่ เลือดไหลออกมาจากบาดแผลไม่ หยุด บาดแผลในอดีตยังไม่ได้รับการเยียวยา ยังจะเข้า อีกหนึ่งแผล เขาไม่คิดที่จะเปิดใจที่ปิดสนิทแน่นนี้อีกแล้ว จริงๆ ไม่ต้องการให้ตนเองต้องได้รับความเสียใจที่ไม่มีการเต รียมใจไว้ล่วงหน้าอีกครั้งแล้ว
กลางดึก เขาเดินออกมาจากห้องหนังสือ เดินเข้าไปที่ห้อง นอน บนหัวเตียงนอนของเขามีโคมไฟสีเหลืองนวลอยู่อัน หนึ่ง แสงไฟสีนวลสาดส่องไปที่ใบหน้าผลินที่กำลังเคลิ้มหลับ ลมหายใจของเธอราบเรียบสมดุล ขนตาบางครั้งก็กระตุกเล็ก น้อยราวกับรับรู้ได้ถึงมีคนกำลังจ้องมองเธออย่างตั้งใจ
ปยุตค่อยๆเอนตัวลงนอน ยื่นมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ โอบไป ที่เอวอันบอบบางของเธอ
ไฟดับลง ในจิตใจเวลานี้ ตกอยู่ในความมืดมิด
เช้าตรู่ ผลินลืมตาที่พร่ามัว มองเห็นใบหน้าด้านข้างอัน หล่อเหลาของปยุต เธอคลานออกมาจากเตียงและค่อยๆย่อง เบาๆลุกขึนเข้าไปห้อง
ออกมาจากห้องน้ำ ปยุตก็ตื่นขึ้นและนั่งพิงอยู่บนหัวเตียง สูบบุหรี่พ่นควันฉุย
เธอตกใจเล็กน้อย เพราะว่าเธอไม่เคยเห็นนิสัยของปยุตที่ สูบบุหรี่หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ความคลางแคลงใจเริ่มเกิด ขึ้น ขณะเมื่อจะเอ่ยปาก เห็นมือของเขาพันผ้าพันแผลไว้ ถามว่า “ มือของคุณเกิดอะไรขึ้นหรือคะ” ปยุตยิ้มอย่างเอาใจพูดว่า ” ไม่มีอะไรมาก ถูกแผ่นเหล็กที่ วางบนโต๊ะบาดเอาโดยไม่ทันระวัง”
“แผลใหญ่มั้ย
ให้ฉันดูหน่อยซิ
เขาดับบุหรี่ในมือที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง เลิกผ้าห่มลุกขึ้นจาก เตียง ผลินรีบไปหยิบเสื้อเชิ้ตในตู้เสื้อผ้ามอบให้กับเขา หลัง จากสวมเสื้อเชิ้ตเป็นที่เรียบร้อย ปยุตเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ เพื่อล้างหน้าล้างตา หยุดยืนอยู่ตรงหน้ากระจกบนอ่างล้างมือ มุมปากของเขาก็ค่อยๆยิ้มออกมาอย่างน่ากลัวและสิ้นหวัง พร้อมๆกัน
ออกมาจากห้อง ผลินเข้าไปผูกเนกไทให้กับเขาเป็นปกติ กลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติในตัวของเขา ทันใดนั้น เขาพูด ถามอย่างมีความหมายนัย ว่า “เธอมีเรื่องอะไรที่ต้องการจะบอก กับผมหรือไม่”