ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 83 ความลับไม่มีในโลก (2)
ตอนที่83 ความลับไม่มีในโลก (2)
มือที่กำลังง่วนอยู่ถึงกับชะงักขึ้นทันที เธอเงยหน้าขึ้น มามองเขาด้วยความประหลาดใจ
ส่ายหัวอึกอักไปมาตอบว่า “ไม่…………………. อะไรไปหรือคะ”
“ไม่มีอะไร ก็คิดกลับไปว่าเมื่อก่อนหลายต่อหลายครั้ง ที่คุณต้องการจะพูดอะไรกับผม เวลานั้นงานยุ่งจึงไม่มี เวลาได้ฟัง ครั้งนี้นึกขึ้นมาได้ ก็คิดจะสอบถามดูครับ”
ปยุตพูดจบแล้วนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง พูดต่อไปอีกว่า “ ไม่มี อะไรจะพูดจริงๆนะ”
หัวใจของผลินเต้นไม่เป็นจังหวะ มองเห็นสีหน้าท่า ทางของปยุตก็ไม่มีอะไรผิดปกติ พูดออกมาอย่างอึกอัก สองคําคือ ” ไม่มี”
เขายิ้มอีกครั้ง และโน้มตัวไปจุมพิตบนหน้าผากของ เธอ พูดอย่างอ่นโยนว่า “ไม่มี ก็ช่างมันเถอะ ผมไป ก่อนนะ”
“โอเค บ๊ายบาย”
รอจนกว่าปยุตเดินออกจากห้อง ร่างของเธอกลับไร้ เรี่ยวแรงล้มลงไปนั่งบนโซฟา หวนคิดถึงเมื่อครู่นี้เขา ถามเธออย่างมีความหมายนัย ลึกลับซับซ้อน เหมือน กับมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง
ผลินมาถึงโรงเรียนอย่างคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งวันเธอจิตใจเหม่อลอย ในคาบสอนหนังสือก็ใจลอย บ่อยครั้ง เป็นการยากมากที่จะรอจนถึงเวลาเลิกเรียน เธอและชื่นใจเดินประกบคู่กันออกจากโรงเรียน ชื่นใจถามเธอว่า “ มีอะไรหรือเปล่า รู้สึกว่าเธออยู่ยัง กับคนไร้วิญญาณ”
เธอทั้งสายศรีษะทั้งพยักหน้าเหมือนคนเป็นใบ้ ไม่รู้ว่า
จะตอบออกไปอย่างไร
“มีเรื่องหรือไม่มีเรื่องล่ะ ทั้งส่ายหน้าทั้งพยักหน้า ใคร จะไปรู้ว่าหมายความว่าอย่างไร”
“ชื่นใจ”
เธอหยุดเดินทันที พูดอย่างขึงขังว่า
“ฉัน…….
ยังไม่ทันจะพูด เธอหับหลังกลับไป สอดสายตาไป
รอบๆ
“เธอเป็นอะไรกันแน่ พูดจากวนสับสนไม่มีหัวไม่มีหาง”
ทำไมรู้สึกว่า เหมือนมีคนคอยจ้องมองฉัน” “
ชื่นใจยิ้มอย่างเสียอารมณ์พูดว่า “เธอเสียสติไปแล้ว เหรอ ไม่ได้เป็นซุปเปอร์สตาร์ ใครจะต้องการแอบมองเธอ
เธอถอนหายใจจูงมือชื่นใจพูดว่า “ พวกเราไปคุยกันที่ บ้านของเธอเถอะ”
ผลินมาถึงบ้านของชื่นใจ เล่าถึงคำพูดแปลกๆที่ปยุต พูดกับเธอเมื่อเช้าวันนี้ให้ชื่นใจฟังอีกรอบ ให้ชื่นใจช่วย วิเคราะห์คำพูดเหล่านี้ มีความหมายโดยนัยว่ายังไง ชื่น ใจยักไหล่แสดงท่าทีไม่คิดเห็นอย่างนั้นพูดว่า “เธอ เครียดไปหน่อยมั้ย บางทีเขาอาจจะถามขึ้นมาโดยไม่ ได้ตั้งใจ” “ถ้าเขาไม่ได้ถามขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะ”
เธอคิดว่าเขารู้อะไรมาหรือเปล่า ตั้งใจที่จะลองใจเธอ อย่างนั้น”
“ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าอย่างนั้น”
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าเขารู้เรื่องแล้ว เขาจะต้องโกรธ เป็นฟืนเป็นไฟแน่นอน ไม่มีทางที่จะพูดคุยกับเธออย่าง สบายใจได้หรอก”
แต่ว่าฉันรู้สึกมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เป็นไปได้มั้ย ว่า……….
“เป็นไปได้แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้น”
เมื่อวานขณะที่ฉันเขียนไดอารี่อยู่นั้น เขาเข้ามาใน ห้องไม่ทันตั้งตัว จากนั้นขณะที่ฉันลุกลี้ลุกลน ลืมล็อค กุญแจลิ้นชักก่อนที่จะเข้าไปในห้องน้ำ เป็นไปได้มั้ยว่า เวลานั้น เขาได้ดูข้อควาในสิ่งที่ไม่ควรดู
ชื่นใจผลักเธออย่างอารมณ์เสีย พูดว่า “เธอทำไมจน ป่านนี้แล้วเขียนอะไรเป็นเด็กอย่างนี้อีกล่ะ ฉันพูดกับเธอที่ ครั้งกี่หนแล้ว สิ่งของชิ้นนั้นจะเก็บไว้ไม่ได้ เก็บไว้จะนํา ภัยพิบัติมาให้เธอ
ผลินเริ่มกังวล สมควรทำอย่างไรดี” “เขาควรที่จะดูไปแล้วแน่ๆ
ฉันคิดว่าคงจะยังไม่ได้อ่าน ถ้าเขาอ่านแล้ว เขาจะ ต้องสอบถามเธออย่างแน่นอน ไม่รอให้เวลาผ่านไปหนึ่ง คืนโดยไม่ได้ถาม ช่วงเช้าก็ไม่ได้ถาม ยังมีคําพูด ประโยคนั้นอีก ปยุตเขาไม่ใช่ผู้ชายมีความอดกลั้นมากพอ” แม้ว่าชื่นใจจะปลอบใจเธอ ผลินเองก็ยังคงไม่ สบายใจ เธอก็ยังคงกระวนกระวายใจ เดินไปเดินมาใน ห้องพัก ชื่นใจมองดูผลินเดินไปมาจนเวียนศรีษะ ตะโกน เสียงดังพูดว่า “หยุดเดินได้มั้ย ตาของฉันลายไปหมดจะ เป็นลมอยู่แล้ว”
“ไม่ได้ ฉันจะต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้เขาฟัง ไม่ สนใจว่าเขาจะอ่านหรือยังไม่ได้อ่าน คืนวันนี้ฉันต้องบอก ความจริงกับเขา
เธอรีบเดินออกไปข้างนอก ชื่นใจรีบเดินตามเธออก มา ฉุดมือของเธอได้ที่ห้องชั้นล่างพูดว่า ” เธอบอกความ จริงไม่ได้”
ผลินตะโกนอย่างหงุดหงิดว่า
ปล่อยฉัน…วันนี้ใครหน้าไหนอย่ามาห้ามฉัน ฉัน ใกล้ที่จะอกแตกตายอยู่แล้วล่ะ ฉันจำเป็นต้องบอกความ จริงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เขาฟังให้ได้ จากนั้นก็ ขอร้องเขายกโทษให้กับฉัน”
“เธอบ้าไปแล้วหรือไง ถ้าปยุตสิ่งที่เธอกระทำ ทั้งหมด เขาจะไม่มีทางให้อภัยเธอ เขาจะต้องอกแตก ตายไปก่อนเธออย่างแน่นอน ถ้าเธอต้องการที่จะดูเขา อกแตกตายต่อหน้าต่อตา นั้นเธอก็ไปบอกความจริงกับ เขาเถอะ”
ผลินตัดสินใจอย่างเด็ดขาดวิ่งออกไป ชื่นใจฉุดรั้ง เธอไว้อีกครั้งหนึ่ง พูดต่อว่า “ฉันดูไปแล้วเธอต้องบ้าไป แล้วแน่ๆ เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าทาตฤยังมีชีวิตอยู่นะ แม้ว่าปยุตจะยกโทษให้เธอเกี่ยวกับ เป้าหมายที่แท้จริงใน การแต่งงานกันกับเขาเพื่อล้างแค้น เขาจะให้อภัยเธอ มั้ยเรื่อง10ปีก่อนที่เธอได้หมั้นหมายกับชเยศไว้ก่อนแล้ว” “มีการหมั้นหมายแล้วเป็นยังไง
ไม่ได้แต่งงงานกัน”
พวกเราถึงยังไงก็ยัง
พวกเธอทั้งสองถอนหมั้นกันแล้วหรือยัง การหมั้น หมายของพวกเธอทั้งสองถึงเวลานี้ยังไม่มีการถอนหมั้น
เธอหมั้นหมายกับคนอื่นอยู่แล้วไปแต่งงานกับเขา เธอคิด ว่าปยุตจะทำใจในความรักที่มีมลทินอย่างนี้ได้”
“ไม่สนใจว่ารับได้หรือรับไม่ได้ วันนี้ฉันจะต้องพูดออก มาให้ได้ ฉันจะต้องพูดออกมาให้ได้…..
ผลินข่มใจไม่อยู่ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ชื่นใจเอง ก็น้ำตาคลอเบ้า เธอโผเข้ากอดเธอไว้ พูดว่า “ฉันไม่ใช่ เป็นเพราะว่ากลัวเธอเลิกรากับปยุตแล้ว ไวภพจะมีโอกาส ที่กลับมาคบกับเธอ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ฉัน เพียงรักและเป็นห่วงเธอมาก มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะได้ใจ ของปยุต ถ้าครั้งนี้มบ่ามทําให้สูญเสีย เธอจะมีชีวิต อยู่ได้อย่างไร”
“ชื่นใจ ฉันสำนึกผิด สำนึกผิดแล้วจริงๆ เวลานั้น ฉันถึงมีความคิดที่น่าขยะแขยงอย่างนั้น ทำไมคิดที่ หลอกใช้ผู้ชายที่เคยผ่านความช้ำใจมาแล้ว ฉันมันเลว มากใช่มั้ย ฉันช่างเป็นผู้หญิงที่เลวทรามมากจริงๆ”
” ไม่ใช่ความผิดของเธอ ขณะที่เธอเลือกเขานั้น ไม่รู้เลยว่าเขาเคยได้รับความบอบช้าทางใจมามากแค่ไหน ถ้าหากเธอรู้จักเขาตั้งแต่เนิ่นๆ เหมือนกับที่รู้จักไวภพแล้ว เธอจะไม่เลือกเขาอย่างแน่นอน ความจริง ฉัน เข้าใจ ทําไมเธอถึงไม่ยอมรับรักกับไวภพ เป็นเพราะว่า เธอไม่ต้องการทําร้ายจิตใจเขา ไม่ต้องการหลอกใช้เขา ดังนั้นจึงไม่รับรักเขา เธอที่ไม่มีความปราถนาที่จะทําร้าย จิตใจเพื่อนของตนเองอย่างเธอนั้น จะเรียกว่าหญิงเลว ไม่ได้นะ ” ผลินร้องห่มร้องไห้สงบใจไว้อยู่ เธอคุกเข่าลงบน พื้นดึงผมของตนเอง ในอดีตที่ผ่านมา เธอรู้สึกว่าชีวิตของ ตนเองนั้นรันทดเป็นยิ่งนัก แต่ว่าปัจจุบันจากนี้ต่อไป เธอกลับรู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นน่าขันเสียจริงๆ
แท้จริงแล้ว ทั้งน่าขันทั้งน่ารันทด ไม่มีความจําเป็นที่ จะมีชีวิตอยู่ต่อไ อไป
เฝ้ารอจนพื้นที่โดยรอบเงียบสงัดปลอดผู้คน ชายคน หนึ่งที่ซ่อนตัวในเงามืดตรงมุมถนน ถือเครื่องบันทึกเทป แล้วก็ออกไปอย่างพึงพอใจ
ภายในร้านกาแฟที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ชุดามอง ดูคลิปวิดีโอที่ผ่านการตัดแต่งโดยผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหน้า ตื่นเต้นจนต้องยิ้มออกมา เธอนำซองที่บรรจุเงินไว้แน่น มอบให้ชายคนนั้นยิ้มอย่างมีความสุขพูดว่า “ ลำบากคุณ แล้ว หวังว่าครั้งหน้าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกนะ”
ชายคนนั้นรับเงินไว้ ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “โอเค พวกเรา ค่อยติดต่อกันอีกครั้งครับ”
เธอดูคลิปวิดีโอที่จะทำให้ผลินต้องยืนอยู่บนปากเหว ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนพอใจ พูดออกมาอย่างเคืองแค้นว่า “ดูซิ ว่าครั้งนี้ เธอจะเล่นแง่อะไรอีกที่จะปกป้องชีวิตของตนเอง ไว้ได้”
หลังจากผ่านบทเรียนความผิดพลาดจากครั้งก่อน ครั้งนี้เธอได้เรียนรู้อย่างดี ไม่ได้นัดผลินออกมาทำให้เขา ยอมถอยไปเสียเอง แต่ครั้งนี้ใช้วิธีส่งคลิปวีดิโอ ทางพัสดุ ไปยังคฤหาสน์นกาโดยไม่ระบุชื่อ
วันเสาร์ช่วงเที่ยง ปาณีมาจากโรงเรียนกลับถึงบ้าน แม่ของเธอถามอย่างประหลาดใจว่า “ทําไมถึงกลับมา
เวลานี้ล่ะ” เธอแอ่นก้นนั่งลงบนโซฟา พูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า “เล่นบาสเก็ตบอลช่วงเช้า เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด
นักศึกษามหาลัยอย่างพวกเธอไม่เรียนหนังสือกันแล้ว หรือไง ตอนเข้าเล่นบาส ตอนเย็นกลับมาพักผ่อน
“จ่ายหย่า ยุคสมัยนี้แล้ว นักศึกษาคนไหนยังดู หนังสืออีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ปีที่แล้ว นักเรียนปี สี่ หากดูหนังสือจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะได้ว่าเจ้าหนอน หนังสือ คะ”
แม่เห็นพี่สะใภ้ของเธอยังดูหนังสือแทบทั้งวัน ยังไป กลายเป็นหนอนหนังสือเลยไม่ใช่ ”
“พี่สะใภ้เค้าต้องสอนหนังสือให้นักเรียน ลูกสอนหนังสือ
ให้นักเรียนซะที่ไหน”
“อ้าย ลูกไม่ต้องสอนหนังสือให้นักเรียน หลังจากลูก จบการศึกษาแล้ว จะนั่งกินนอนกินก็ได้อย่างนั้นซิ
ปาณีหมดความอดทนเบิกตากว้างมองไปที่แม่ของเขา พูดว่า “ครอบครัวของเรามีทรัพย์สินมากมาย ลูกนั่งกิน นอนกิน 3ชั่วอายุคน ไม่ใช่ว่าจะกินหมดหรอกนะ”
ลูกเนี่ย ถ้าลูกได้อย่างพี่สะใภ้เค้าสักครึ่งนึง แม่ก็ นอนตายตาหลับแล้วล่ะ ”
นั้นลูกก็ยิ่งทำให้ไม่ได้แน่ มิฉะนั้นแม่จะรีบหลับตาไป เสียก่อน”
นายหญิงใหญ่ หงุดหงิดจนปวดหัว ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ แม่ขี้เกียจจะ พูดไร้สาระกับลูก มีเวลาไปหลับพักผ่อนสักงีบดีกว่ามา
ถูกลูกสาวพูดเถียงคำไม่ตกฟาก
ต่อล้อต่อเถียงกับลูกเสียอีก” “ก็ใช่ ลูกก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน แม่ ก็ควรจะคิดได้
นานแล้วนะ”
ห้องรับแขกอันใหญ่โตเหลือเพียงปาณีนั่งอยู่ลำพัง เธอรู้สึกเบื่อๆจึงหยิบเครื่องเล่นเกมส์ออกมาเล่นเกมส์ รปภ.ด้านนอกประตูเดินเข้ามารายงานว่า “คุณหนู มี พัสดุถึงนายน้อย ต้องการให้ท่านเซ็นต์รับด้วยตนเองจะ ทำยังไงดีครับ”
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างเกียจคร้านพูดว่า “คุณก็เซ๊น อ แทนเขาและนำมาซิ
“ได้ครับ”
รปภ.วิ่งรุดออกไป สักครู่วิ่งกลับมา ในมือถือพัสดุชิ้น หนึ่งที่บรรจุไว้อย่างมิดชิด ยื่นให้ปาณีอย่างนอบน้อม พูดว่า
” คุณหนู เชิญรับไว้”
“วางไว้ตรงนั้นเถอะ”
เธอไม่นําเลืองแม้สักนิดเดียว ก็สั่งให้เขาวางพัสดุชิ้น นั้นไว้บนโต๊ะ
สองชั่วโมงผ่านไป เครื่องเล่นเกมส์แบตฯหมด เธอ บิดขี้เกียจลุกขึ้นมา เหลือบไปเห็นพัสดุบนโต๊ะ บ่นพึมพำ อย่างแปลกใจ
ว่า “ยังมีคนส่งของให้พี่ชายของเราอีก มาจากต่าง
ดาวหรือเปล่าเนี่ย”
เป็นอะไรกันนะ เหมือนจะดูเบาๆ น่าจะไม่ใช่ของ
สําคัญอะไร… เธอเหลือบซ้ายมองขวาอยู่พักนึง ก็สะกดความอยาก รู้อยากเห็นไว้ไม่ได้ ก็หยิบกรรไกรขึ้นมาเปิดดู
ในกล่องมีเพียงแผ่นซีดีวางอยู่ตรงกลาง สิ่งของอย่าง อื่นนั้นไม่มี ปาณีอดไม่ได้ที่จะจับมันโยนทิ้งอย่างเสีย อารมณ์พูดว่า “ แผ่นซีดีแผ่นเดียว บรรจุซะมิดแน่น หนา ฉันคิดว่าเป็นของล้ำค่าอะไรเชอะ”
เธอลุกขึ้นไปห้องครัวเพื่อหาอะไรมาทานและเดินกลับ มายังห้องรับแขก เบื่อๆก็หยิบแผ่นซีดีแผ่นนั้นยัดใส่ เข้าไปในเครื่องเล่น DVD โดยไม่คิดอะไร เฝ้ารอรายการ ในแผ่นซีดีที่กำลังฉายนั้นจะทำให้ความสนุกสนานหมดไป เพียงแค่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ ซีดีแผ่นนั้นจริงๆแล้ว……..
แอปเปิ้ลที่กำลังเคี่ยวอยู่ในปากพลันติดอยู่ในลำคอ สองตาของปาณีจ้องมองดูหน้าจอทีวีอย่างไม่ละสายตา ตัวทั้งตัวแข็งทื่อ ราวกับหุ่นไม้ ผ่านไปพักใหญ่เธอถึงจะมี ปฏิกริยาตอบสนอง วิ่งพรวดพราดไปข้างโทรทัศน์หยิบ ซีดีแผ่นนั้นออกมาทันที
ในมือถือแผ่นซีดี เธอไม่สามารถบรรยายความ รู้สึกตนเองในขณะนี้ได้ ตกตะลึง ประหลาดใจ อ่อนเพลีย สับสน วุ่นวายใจไปหมด