ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 86 ร่างกายใกล้ แต่หัวใจไกล (2)
ตอนที่86 ร่างกายใกล้ แต่หัวใจไกล (2)
ยังไม่ทันพูดจบก็รู้สึกทันทีว่าตนเองถูกหลอกแล้ว รับหัน หลังกลับอย่างรวดเร็ว แต่แล้วรูปภาพที่เขาซุกไว้ใต้แขน นั้น ปยุตได้ฉวยไปหมดสิ้น
ชนัยไม่เคยเห็นสีหน้าของเขาที่สนใจมากอย่างนี้ อด ไม่ได้ที่จะปลอบใจเขาด้วยความกังวล ว่า “คุณอย่าคิดมาก ไปเลย อาจจะเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
“ไปตรวจสอบดูซิว่า ผู้ชายคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับ
เธอ
ปยุตโยนรูปภาพทั้งหมดให้เขา เดินกลับเข้าห้อง ทำงานโดยไม่หันมามองสักนิด เดินถึงหน้าประตู กลับ หันศรีษะมาเตือนว่า “ต้องชัดเจนอย่าให้ผิดพลาด ต้อง รายงานให้ผมรู้ทุกเรื่องโดยไม่ปิดบังแม้สักนิดเดียว
“ครับท่านประธาน
ชนัยพยักหน้ารับอย่างเงี่ยนๆ ช่างเป็นโชคชะตาที่
โหดร้ายจริงๆ หญิงสาวผู้เป็นที่รักแต่ละคนล้วนนอกใจ เขา เพิ่งจะถูกหญิงคนหนึ่งทรยศหักหลัง ยังมีหญิงอีก คนหนึ่งแตะตัดขาหกล้มหน้าคว่ำ….…..
บ่ายสี่โมงเย็นในวันเดียวกัน
เขาได้ตรวจสอบแล้วของทานบยุค
ถึงแม้จะดูน่าโหดเหี้ยมทารุณ
“พูดมาโดยเร็ว
แต่ก็เป็นงานของเขา
ไม่จำเป็นต้องกังวล
ปยุตเหมือนกับว่าได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว สีหน้า หล่อเหลาสง่างามราวกับปั้นแต่งมา กดดันเขาอย่างเย็น
ชา
ผู้ชายในภาพชื่อว่า ชเยศ เป็นคนเมือง เป็นบุตรชาย ของทาตฤ มีอาชีพปล่อยเงินกู้กินดอกขูดเลือดขูดเนื้อกับ ครอบครัวที่ยากจน เมื่อ10ปีที่แล้ว ทาตฤได้ใช้เงินไป หนึ่งแสนเหรียญซื้อตัวสะใภ้มาให้กับลูกชาย สะใภ้คนนั้น ก็คือภรรยาของคุณในปัจจุบันคุณผลินนั้นเอง เพียงแต่ว่าไม่ ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ทั้งสองคนไม่ได้แต่งงานกัน เมื่อ เร็วๆนี้ ทาตกและภรรยาของคุณติดต่อกันบ่อยครั้ง บาง ครั้งก็มีปากมีเสียงกัน
“มีรูปภาพของทาตฤคนนี้หรือไม่ “
ปยุตขัดจังหวะตำพูดของเขาสอบถามขึ้นอย่างเย็นชา
“มีครับ”
ชนัยเปิดแฟ้มเอกสารในมือ ข้างในมีรูปภาพของคนใน
ครอบครัว “คนนี้คือทาตา คนนี้คือภรรยาของเขา และ
คนนี้ก็คือ ชยศลูกชายของเขา
สหนาของบยุดงพงยงนงลงทุกท
ยนมอเขแรง
หยิบรูปภาพกำไว้ในมือจนแน่นและค่อยๆขย่มันจนเป็นก้อ
นกลมๆ
“ท่านปยุต ท่านมีอะไรหรือเปล่าครับ
ชนัยมองไปที่ปยุตอย่างไม่สบายใจ
“ออกไปก่อนเถอะ
“ได้ครับ”
รอจนกว่าเขาเดินออกไป ปยุตเดินไปที่ริมหน้าต่าง มองลงไปยังนอกหน้าต่างเห็นเมืองครึ่งเมือง กระจก โปร่งแสงที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกับว่าจะลอดผ่านไปยัง ร่างกายของเขามองเห็นหัวใจของเขาจนทะลุปรุโปร่ง บน นั้นมีดอกไม้บานสะพรั่ง หัวใจหนึ่งดวงต้องถูกมีดกรีด สักกี่ครั้งต้องโศรกเศร้าอีกสักกี่หน ถึงจะสามารถมีดอกไม้ บานสะพรั่งถึงเพียงนี้
ฟ้ามืดแล้ว เขายังไม่ได้ออกจากบริษัท นั่งอยู่บน เก้าอี้ในห้องทำงานเงียบๆอยู่คนเดียว ในที่สุดสายของ ผลินโทรเข้ามา “ฮัลโหล ” เขารับสายโทรศัพท์
“ยังไม่เลิกงานหรือคะ”
“ยังเลย คุณมาที่สำนักงานของผมสักครู่ได้หรือไม่”
ให้ผมอยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก”
ผลินถึงกับตกตะลึง ไต่ถามกลับไปว่า “ไม่เรื่องอะไรหรือ
คะ”
“มาถึงแล้วค่อยคุยกันอีกครั้ง
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ผลินท่าทางลุกลนอยู่ไม่ เป็นสุข แต่ยังคงรีบรุดไปยังจุดที่ได้นัดหมายไว้อย่าง
รวดเร็ว
คนในบริษัทล้วนเลิกงานกันหมด อาคารที่ดูใหญ่โต หรูหรามืดสนิท มีเพียงโคมไฟส่องสว่างตรงทางเดิน เท่านั้น ส่องสว่างให้กับรูปร่างที่ผอมบางของเธอที่ดูเร่งรีบ
ปยุตยืนในมุมมืดของอาคาร มองลงไปที่เธอหลัง จากผลินขึ้นลิฟท์ไปชั้น9 ยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานลังเล อยู่ครู่หนึ่ง เดินเข้าไปในห้องโดยไม่ได้เคาะประตู
“ ทำไมไม่เปิดไปเหรอคะ”
เธอถามด้วยเสียงเบาๆกับเงามืดที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง
เสียงเปิดสวิตช์ ห้องทำงานสว่างขึ้นมา ความรู้สึก
เย็นชาบนใบหน้าของปยุตเปลี่ยนมาเป็นอบอุ่นอ่อนโยน เหมือนดั่งปกติตอบกลับว่า “ยืนอยู่ในที่มืด สามารถเห็น สิ่งของบางอย่างที่เดิมมองไม่ชัดทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น “
“คุณเรียกฉันมามีเรื่องอะไรหรือคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ระยะหลังรู้สึกว่าผมใสไรในตัวเธอน้อย ไปหน่อย อ้อใช้แล้ว ญาติที่เป็นผีพนันคนนั้นระยะหลัง
ยังมาหาคุณอีกหรือไม่
ผลินถึงกับตกใจในคำถาม ส่ายหน้าตัวแข็งที่อ
ไม่มีคะ มีอะไรหรือคะ”
แล้วคนนี้คุณรู้จักหรือไม่
เขายื่นรูปของทาตถุส่งให้กับเธอ
สายตาคมกริบของปยุดจ้องมองเธอในสายตา เหมือนกับว่าวินาทีนี้ คำตอบของเธอจะเป็นตัวกำหนด ความเป็นความตายของเธอ ผลินรู้สึกสิ้นหวังในทันที เพราะว่าเธอมองออกทั้งหมดจากสีหน้าของเขา เขารู้เรื่อง ทุกอย่างหมดสิ้นแล้ว รู้มานานแล้ว ขณะนี้เธอเพียงหลอก ตัวเองและบอกกับตนเองว่า ไม่รู้จักเขาก็เท่านั้น
“ไม่รู้จักคะ”
เธอไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองถึงตอบคำถามไปอย่างนั้น หรือว่าขณะเมื่อคนอยู่ในสภาพสิ้นหวัง เสียความ ปราถนาที่จะหาข้อโต้แย้งให้กับตนเอง
—แปะ—
ปยุตโยนรูปภาพทั้งปีกไปที่เท้าของเธอ ประกาศกร้าว ทีละคำว่า “ผลิน คุณได้ทำลายโอกาสครั้งสให้อภัยเธอได้อีก”
ผลินหลับตาอย่างเจ็บปวด น้ำตาของเธอก็ไหล
พรั่งพรูออกมาทั้งสองข้าง ในที่สุด ความสัมพันธ์ของทั้ง สอง หมดสิ้นแล้ว ในที่สุดเธอสูญเสียความรักที่ไม่ได้มา ง่ายๆ ถึงแม้ว่าเธอจะใช้ความพยายามทั้งหมด ก็เพื่อ ที่จะสามารถอยู่เคียงข้างเขา
“เพราะอะไร ถึงไม่คิดจะอธิบายให้ผมฟัง เวลานี้ผมให้ โอกาสอีกครั้ง อธิบายเถอะ”
ปยุตขบเคี้ยวฟันเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอ กุมข้อมือ ของเธอไว้แน่น ผลินไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่รู้สึกเจ็บปวด แม้แต่น้อยจริงๆ มีเพียงแค่น้ำตาแห่งความผิดหวัง ไหลออก มาไม่ขาดสายต่อหน้าเขา
“ไม่มีเพราะเหตุใด ก็เป็นเหมือนที่คุณคิดไว้นั้นแหละ ไม่มีเหตุผล ไม่มีสาเหตุ
ผลินกัดริมฝีปากจนแน่นเพื่อไม่ให้ตนเองร้องไห้ออกมา ไม่ได้รับความเป็นธรรมมั้ย สมควรจะไม่ใช่เธอไม่ได้รับ ความเป็นธรรม
ปยุตไม่ใช่ว่าไม่ได้ให้โอกาส เพียงแค่โอกาสสุดท้าย ที่จะให้เขายกโทษให้นั้นเธอเป็นคนที่โยนมันทิ้งเสียเอง ดังนั้น เธอไม่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย เธอเพียง แค่เศร้าโศรกเสียใจ เธอคิดที่จะปกป้องรักษาความรักครั้ง
นี้อย่างระมัดระวัง แต่ในที่สุดกลับไม่สามารถรักษาไว้ได้
คนทุกคนที่เธอหวงแหนถนุถนอม เธอรักษาไว้ไม่ได้ มารดาเธอก็ดี ปยุตก็ดี เธอไม่มีความสามารถรักษาไว้
ได้
“คนอย่างเธอไม่มีหัวใจเลยหรือไง สามารถมองดู หัวใจของฉันถูกเฉือดเฉือนอย่างเลือดเย็น แม้กระทั่งมี ความกล้าที่จะอธิบายให้ผมเข้าใจ เธอไม่เข้าใจเลยหรือ ว่าผมต้องใช้ ความพยายามมากแค่ไหน ต่อสู้กับความเจ็บ ปวดทุกข์ทรมานที่ผ่านมามากเท่าใดจึงสามารถเปิดรับเธอ เข้ามาในหัวใจได้อีกครั้ง ผมเปิดใจรับเธอเข้ามาในใจครั้ง นี้ ก็คิดที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง และก็ คิดที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเธอจนแก่จนเฒ่า แต่ไม่ใช่ให้เธอ ใช้มีดฟาดฟันหัวใจของผมอย่างบ้าคลั่ง เธอเห็นผมตกอยู่ ในสภาพผิดหวังเศร้าโศรกอย่างนี้ เธอไม่รู้สึกอะไรบ้าง เลยหรือ ไม่รู้สึกผิดสักนิดเลยหรือ ทำร้ายคนหนึ่งคนที่ ปราถนาที่จะเชื่อในความรักอีกครั้งหนึ่ง”
“หรือว่าฉันเพียงแค่พูดว่าฉันรู้สึกสำนึกผิดแล้ว หัวใจ ของคุณก็จะไม่โศรกเศร้าเสียใจอย่างนั้นหรือ หรือว่าฉัน อธิบายเหตุผลกับคุณแล้ว คุณก็จะสามารถให้อภัยฉัน ทั้งหมดได้อย่างนั้นหรือ หรือว่าฉันเพียงแค่คุกเข่าต่อ หน้าคุณ คุณก็จะคิดว่าฉันรู้ในความผิดแล้วอย่างนั้นหรือ ผลินสอบถามด้วยน้ำตา
ปยุตยิ่งโมโหพูดขึ้นว่า “เธอรู้ในความผิดแล้วใช่มั้ย เธอรู้ในความผิดจริงๆแล้วใช่มั้ย ผมให้โอกาสคุณถึงสาม ครั้ง สักครั้งเธอก็ไม่คิดที่จะหวงแหนถนุถนอมมัน ถ้าเธอ รักฉันจริงๆแล้วล่ะก็ เธอควรที่จะเชื่อใจผม เชื่อว่าผมจะให้อภัยคุณได้เสมอ ไม่มีความเชื่อใจในความรักแล้วนั้นก็ ไม่ใช่เรียกว่าความรักแล้ว เธอที่ไม่เคยเชื่อใจผมเลยสัก ครั้ง จะเอาอะไรมาให้ผมเชื่อว่าคุณรู้ในความผิดแล้ว “
“เพราะว่า แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครรักฉันจริงเลยสัก คน ถ้าคุณตกอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีเพียงแต่ความ แค้นอย่างฉัน คุณก็จะลังเลใจในความรัก คุณก็จะกังวล ทุกเวลาในตัวคนรักที่เหลือเพียงคนเดียวของคุณทอดทิ้ง คุณด้วยเหตุผลต่างๆนานา
จะพูดว่าฉันเห็นแก่ตัวก็ได้ พูดว่าฉันโง่เง่าก็ได้ พูด ว่าฉันอ่อนแอก็ได้ ผลินคนๆนี้ที่ใช้ชีวิต10กว่าปีภายในโลก ที่โหดร้ายเช่นนี้ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงคะ ถึงแม้ว่าจะ ย้อนอดีตไปได้ ฉันก็ยังคงไม่เลือกที่จะบอกความจริงกับ คุณ ถ้าความรักสร้างขึ้นบนพื้นฐานของความเชื่อใจแล้ว หรือว่าพื้นฐานของความเชื่อใจนั้น ไม่ต้องการการให้อภัย แล้วอย่างนั้นหรือ”
ปยุตได้ยินคำพูดแล้ว จึงคลายมือออกยิ้มเยาะว่า หยิบหัวใจผมขึ้นมาจากก้นหุบเขาแล้ว กลับผลักให้ตกลง ไปจากหน้าผาอีกครั้งหนึ่ง หรือว่าผมสมควรที่จะแสดง ความขอบคุณเธอ จากนั้นก็ให้อภัยในการทำร้ายของ เธอ พูดออกมาว่า ไม่เป็นไร เพียงแค่โยนไปโยนมา เล่นๆเท่านั้นเหรอ “
“ฉันไม่เคยมีความคิดที่จะนำหัวใจของคุณปยุตไปวางบน หน้าผาแล้วโยนทิ้งลงไป ถ้าหัวใจของคุณหล่นลงไปแล้ว คุณไม่ต้องกังวลใจไป เพราะว่าไม่ว่าหบเหวจะลึกสักเพียงไหน ใจของฉันไปถึงที่นั้นก่อนคุณอย่างแน่นอน
เหอะเทอะ
ปยุตเหมือนราวกับว่าได้ยินเรื่องตลกที่ขำที่สุดในโลก นี้ เขาหัวเราะเยาะเย้ยอย่างมาก “ผลิน หรือว่าทุก ครั้งเธอจะใช้วิธีพูดจาไพเราะหวานหูเพื่อปลอบใจผู้ชาย ที่เธอหลอกลวง สิบปีก่อน เธอขายตัวเองให้กับเจ้า เด็กปัญญาอ่อนลูกชายของทาตถุในราคาหนึ่งแสนหยวน สิบปีต่อมา ขายตัวเองให้ผมในราคาสิบแปดล้านหยวน ไปแล้วปีนี้ เป็นปีทองของเธอเพิ่มมูลค่าตัวเองได้ไม่ น้อย อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า จะผ่านไปอีกซักสิบปี ไม่ว่าเธอจะขายให้กับใคร ก็ไม่สามารถขายได้ราคาดีขนาด นี้แล้วล่ะ เพราะว่าไม่มีใครโง่เง่าเต่าตุ่นไปมากกว่าผมและ เจ้าคนปัญญาอ่อนคนนั้นอีกแล้ว
หลังจากเขาพูดจบ ก็เดินออกไปจากห้องทำงานโดยไม่ หันหลังกลับ ประตูห้องปิดเสียงดังปิ้ง ประตูหนึ่งบาน เปรียบเสมือนมีภูเขาตั้งตระหง่านกั้นหัวใจของเขาทั้งสองไว้
ในที่สุดผลินก็เดินมาถึงทางตัน สองเท้าอ่อนแรงนั่ง กองลงไปกับพื้น อีกครู่ใหญ่ จึงระเบิดอารมณ์ร้องไห้ เสียงดังออกมาอย่างเศร้าโศรกเสียใจ ในที่สุดเธอก็เชื่อ คำพูดของแม่ของเธอ ความรักก็เปรียบเสมือนโรคมะเร็ง หากไม่จัดการได้ทันท่วงที สักวันหนึ่งอาการก็จะแย่ลง กลายเป็นหนามแหลมคม สัมผัสไปตรงจุดไหนก็จะเจ็บปวด ตรงนั้น
ภายนอกหน้าต่างมีฟ้าผ่า ต่อมาก็มีฝนตกกระหน่ำลง มาอย่างหนัก ผลินร้องไห้อยู่นานถึงจะค่อยเดินออกไปอย่าง โซซัดโซเซ เดินท่ามกลางสายฝนอย่างไร้จุดหมาย ครู่เดียวทั่วทั้วตัวของเธอเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน น้ำตาที่ ไหลออกมาไม่ขาดสายบนใบหน้าของเธอได้ผสมกลมกลืน ไปกับน้ำฝน เธอไม่รู้ว่าควรจะกลับไปที่ไหน เหมือนกับ ว่ากลับไปที่ไหนก็ล้วนทำให้ทุกข์ใจ
โดยไม่รู้ตัวก็เดินมาจนถึงริมหาดทราย มองดูคลื่นโหม ซัดกระหน่ำในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล เสียงคลื่นที่ โหมกระหน่ำในทะเลคล้ายกับว่ากำลังหัวเราะเยาะเธอ ใน เมื่อตายไปดีกว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างทุกข์ทรมาน เพราะ เหตุใดถึงยังต้องมีชีวิตอยู่อีกล่ะ
ในวันนั้น เธอเกือบจะฝังร่างไว้ใต้ทะเลพร้อมกับปยุต แล้ว กลับเป็นเพราะว่าเขา เธอจึงไม่มีความคิดอยาก ตายขึ้นในสมองและเลิกคิดสั้น ถ้าวันนั้นตายไปจริงๆจะ เป็นอย่างไร หรือว่าพวกเขาทั้งสองอยู่ในปรภพรักใคร กันอย่างดูดดื่ม เพราะว่าคนที่มีชีวิตเหล่านั้นไม่สามารถมี โอกาสและเหตุผลใดๆกดขี่ข่มเหงเธออีกต่อไป
เธอเดินทีละก้าวที่ละก้าวมุ่งสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่
น้ำทะเลซัดกระหน่ำท่วมขาของเธออย่างไร้ปราณี เธอเป็น คนว่ายนําไม่เป็นกลับไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เธอ เดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั้งน้ำทะเลท่วมจนถึงท้องของเธอ ทันใดนั้นมีเสียงเรียกดังเข้ามาข้างหูว่า “เวีย น้องสาว ต้องการคิดสั้นอย่างนั้น “