ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 88 หัวใจสามารถกู้คืนได้ (1)
ตอนที่88 หัวใจสามารถกู้คืนได้ (1)
แสงไฟนีออนส่องแสงในยามค่ำคืน หญิงสาวคนหนึ่ง กระโจนมาหยุดยืนนิ่งอยู่กลางถนนช่วงไฟแดง ทำให้ จราจรติดอย่างหนัก คนที่นั่งในรถยนต์ต่างก็ยื่นศรีษะออก มา ส่งเสียงร้องตะโกนด่าทอ “ออกไป รีบออกไปให้พ้น
ผลินยืนนิ่งทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน เหมือนผีดิบยืนอยู่ก็ มิปาน ขณะที่ไฟเขียว รถออฟโรดคันหนขับรถพุ่งเข้าหา ในช่วงเวลาที่คับขัน มีคนหนึ่งวิ่งโผเข้ามา ปานสายฟ้าแอ๊บโอบตัวเธอไว้ เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้น น่า ชื่นชมยินดีเป้าหมายของตนเองในที่สุดก็สำเร็จ แต่น่า เสียดายสายตาของคนๆนั้น กลับมองไม่เห็นถึงความอบอุ่น ที่เคยสัมผัส
เธอ
“ถ้าอยากตายก็อย่ามาตายต่อหน้าผม
ปยุตกุมข้อมือของเธออย่างป่าเถื่อน เหวี่ยงตัวเธอให้ ออกไปข้างทาง ผลินก็ยังไม่ละความตั้งใจ ค่อยๆ ด ลมหายใจเข้าลึกๆเดินไปยืนกลางถนนอีกครั้ง ปยุตโมโห เป็นอย่างมากด่าเธอว่า “ผู้หญิงอย่างคุณนี่ สมองน่าจะมี ปัญหา วิธีที่จะฆ่าตัวตายมีหลากหลายวิธี ทำไมจึงต้อง เลือกวิธีนี้”
“ฉันต้องการใช้วิธีนี้ไม่ได้หรือไง”
ผลินจ้องมองเธอด้วยความเศร้าโศรก ช่วงที่น้ำตา ไหลพรั่งพรก็ตัดสินใจเดินไปอีกครั้ง ก็มีรถยนต์อีกหนึ่งคันกำลังจะพุ่งเข้ามาชนเธอ ปยุตถึงอย่างไรก็ทนไม่ได้ที่ จะต้องเห็นหญิงสาวตายไปต่อหน้าต่อตา รีบดึงตัวเธอกลับ เข้ามาอีกครั้ง แต่เนื่องจากแรงปะทะของรถยนต์ ทั้ง สองคนไถลออกไปไกลพอสมควร แขนของปยุตเป็นแผล ถลอกเล็กน้อย เลือดไหลซิบออกมา
——ป็นปืน—
เสียงแตรรถยนต์ดังเซ็งแซ่ในยามค่ำคืน รถยนต์ด้าน หลังของปยุตติดยาวราวกับหางมังกร คนที่อดกลั้นใจ ไว้ไม่อยู่ยื่นหัวออกมากล่นด่าว่า “จะทะเลาะกันกลับไป ทะเลาะกันที่บ้านไป อย่ามาขวางทางพวกเรา
“ไอ้พวกบ้าเอ๊ย อยากตายไปโดดตึกตายไป
เสียงกล่นด่ายิ่งมากขึ้นทุกที ปยุตเห็นว่ากำลังก่อความ เดือนร้อนให้คนทั่วไป จึงขว้าแขนของผลินยัดใส่เข้าไป เบาะด้านหลัง สตาร์ทเครื่องวิ่งออกไปทันที
เขาขับรถห่อตะบึงมาจนถึงริมทะเล ลงจากรถยนต์ก่อน ด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นเปิดประตูหลัง จับตัวผลินโยน ออกไปกองอยู่บนชายหาดอย่างไร้ความปราณี พูดด้วยน้ำ เสียงเย็นชาว่า “จำเอาไว้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอย่ามาให้ ผมเห็นหน้าอีกต่อไป
“หมายความว่าต้องการที่จะหย่าใช่มั้ย”
ผลินย้อนถามด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น และพยงร่างกายที่อ่อนแรงขึ้นมาจากหาดทราย
“คุณคิดว่าการแต่งงานในครั้งนี้ยังต้องการที่จะรักษามัน ไว้อีกเหรอ”
ปยุตย้อนถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน สายตาเยี่ยงนี้ช่าง เย็นชาซึ่งผลินไม่เคยพบเจอมาก่อน ถึงแม้วันเวลาเหล่า
นั้นที่ถูกก่อกวน ล้วนไม่เคยเย็นชาอย่างนี้มาก่อน
“ฉันหย่ากับคุณไม่ได้ คุณก็รู้
เหอะ เขายิ้มอย่างเย็นชา “ไม่เป็นไร เธอชอบเป็น หญิงหม้าย ไม่มีใครสามารถหยุดเธอได้หรอก”
จำเป็นต้องมีท่าที่เย็นชาขนาดนี้เลยหรือ ถ้าหากว่าฉัน พูดขอโทษคุณเดี๋ยวนี้ คุณพอจะสงบสติอารมณ์ฟังฉัน อธิบายบ้างได้มั้ย
“ไม่จำเป็น ผมไม่ต้องการที่จะฟังคำพูดขอโทษใดๆจาก ปากของผู้หญิงหลอกลวงอย่างคุณ เพราะว่าคำพูดเหล่า นั้นแม้พูดออกมาแล้ว ก็คงจะหลอกลวงเหมือนกับเธอคน นั้น”
จากนั้นปยุตใช้หางตามองเธอด้วยความเย็นชา หัน หลังกลับเข้าไปในนั่งในรถยนต์อย่างไร้เยื่อใย สตาร์ท เครื่องคิดจะวิ่งรถออกไป
ผลินรีบวิ่งตามไปขวางทางหน้ารถของเขา พูดเสียงดังว่า
เลยก็ได้”
“ถ้าต้องการจะไปจริงๆ
ก็วิ่งทับร่างของฉันไป
เขาผลักประตูรถอย่างโมโห มือบีบคอเธอและกดตัว
เธอไว้หน้ารถพูดว่า “ผลิน ผมไม่ใช่ว่าไม่ให้โอกาสคุณ อธิบาย แม้แต่โอกาสที่ให้อภัยคุณผมก็มอบให้คุณ เป็น คุณเองนั้นแหละที่ทิ้งมันไป ดังนั้นเวลานี้ อย่ามาทำตัว ไร้ศักดิ์ศรีอย่างนี้กวนใจกับผมอีกต่อไป ผมไม่ใคร่ใยดีที่ ต้องการฟังคำอธิบายจากคุณอีก “
เขาใช้แรงเหวี่ยงตัวเธอ เหวี่ยงตัวเธอด้วยความโกรธจน กระเด็นไปนอนฟุบลงบนหาดทรายอีกครั้ง สบถออกมา แล้วก็สตาร์ทเครื่องยนต์วิ่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว
มองดูรถยนต์ของเขาค่อยวิ่งไปจนลับตา ในดวงตา ของเธอที่ผ่านการร้องไห้หลายต่อหลายครั้งก็อดกลั้นไม่อยู่ ร้องไห้ขึ้นอีกครั้ง
เธอกัดฟันใช้กำลังทั้งหมดในตัวที่เหลืออยู่วิ่งไปตาม ชายหาด เพียงคิดจะวิ่งให้กำลังร่างกายเธอสูญสิ้นกำลังไป ทั้งหมด เพื่อที่จะไม่ให้มีกำลังมานั่งโศรกเศร้าเสียใจอีก
ไม่รู้ว่าเธอวิ่งไปนานแค่ไหน เธอถึงกับนอนแน่นิ่งอยู่ บนหาดทรายอย่างหมดแรง เหมือนค่ำคืนนั้นที่ผ่านมา ค่ำคืนที่เธอกับปยุตนอนมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าสองต่อ สอง ทั้งสองมือไขว้หลังศรีษะเป็นหมอน มองดูดวง ดาวทอประกายเต็มท้องฟ้า หยดน้าตาใสบริสุทธิ์ของเธอ
แต่ละหยดไหลออกมาจากหางตาหยดลงบนเรียวผม หลังจากเผชิญหน้ากับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้ว่าเธอ จะต้องใช้ความพยายามอีกสักเพียงไหน ถึงจะสามารถมอง เห็นแสงแห่งอรุณอีกครั้ง”
เพราะเหตุใด เบื้องหน้าของเธอขณะนี้ มีเพียงความ
มืดมิด………..
หลังจากที่ผลินกลับจากชายหาดเมื่อถึงบ้านเองก็ ล้มป่วย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ บวกกับจิตใจไม่เป็นสุข ทุกข์ทน ในที่สุดเธอก็ยืนหยัดไว้ไม่ไหวล้มป่วยหนัก ลมทะเลโหมกระหน่ำในคืนวันนั้นปะทะร่างกายอันผอม บางของเธอ รวมกับสายตาที่เย็นชาราวน้ำแข็งของปยุต ส่งผลให้เธอเป็นโรคสะบัดร้อนสะบัดหนาวอย่างรุนแรง แม้แต่งานการปกติก็ไม่สามารถไปทำได้
หลังจากชื่นใจทราบข่าวการล้มป่วยของเธอ รีบรุดมา เยี่ยมเธอทันที มองดูเพื่อนรักนอนอยู่บนเตียงลมหายใจ แผ่วเบาเหมือนคนกำลังจะตาย เธอถึงกับเสียใจและ สงสารเธออย่างมาก พูดด้วยความโมโหว่า “ตอนแรก ไม่ต้องการให้เธอพูดความจริง เธอกลับอยากจะพูดให้ได้ เวลานี้เป็นไงล่ะ หลังจากพูดความจริงแล้วปยุตยกโทษให้ เธอมั้ยหล่ะ”
กำแพงถึงยังไงลมก็ลอดผ่านได้ เธอคิดว่าหากฉันไม่
พูดแล้วเขาจะไม่มีทางที่จะรู้เลยเหรอ” ผลินตอบกลับด้วย
เสียงอ่อนแรง
“แล้วเขารู้ได้อย่างไรล่ะ
“รู้ได้อย่างไรไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญก็คือเขารู้เรื่อง
ทั้งหมดแล้ว”
“ใจแข็งไม่ยกโทษให้เธอเลยเหรอ
“อืม”
ชื่นใจพูดแทนเพื่อนรักว่า “ไม่ยกโทษก็ไม่ต้อง
ยกโทษ แล้วไง ในโลกนี้ไม่ใช่มีเขาเป็นผู้ชายเพียงคน เดียว วันนี้ตอนเช้า ไวภพยังสอบถามถึงอาการของเธอ เขา……….
“พอได้แล้ว” ผลิ่นนวดเบาๆที่หน้าผาก “เวลานี้ฉันไม่ ต้องการได้ยินเรื่องเหล่านี้
“จากนี้ต่อไปเธอคิดจะจัดการอย่างไรต่อไป จากไปได้ แล้วใช่มั้ย ถ้ายังไม่มีแพลนจะไปที่ไหนก็ไปพักที่บ้านของ ฉันก่อน
“ไม่ต้องหรอก”
ผลินมีท่าทางอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ชื่นใจอดไม่ ได้ที่จะไปสร้างภาระในจิตใจของเธอเพิ่มขึ้นอีก ลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า
“อย่างนั้นก็เธอพักผ่อนให้มากๆนะ วันอื่นฉันค่อยมา เยี่ยมเธออีกนะ”
“โอเค”
ชื่นใจถอนหายใจ เดินลงไปชั้นล่าง เมื่อเดินถึงชั้นล่าง นายหญิงใหญ่พูดรั้งเธอไว้ด้วยน้ำใจว่า “ทานอาหารเย็น พร้อมกันแล้วค่อยไปมั้ย
“ไม่เป็นไรคะ หนูมีธุระจะต้องไปทำอีกคะ
เธอโบกมือปฏิเสธในความหวังดีด้วยท่าทีไม่พอใจ หัน หน้าไปมองด้านบนแล้วพูดว่า “ต้องรบกวนคุณป้าดูแล ผลินด้วยนะคะ เธอเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดคนหนึ่ง”
“เรื่องนี้ไม่ต้องให้เธอพูดออกมาหรอกนะ ผลินเป็นสะใภ้ ในครอบครัวฉัน ฉันรักและเอ็นดูเธอเหมือนกับลูกสาวคน หนึ่ง”
ชื่นในพยักหน้ารับคำ ออกจากคฤหาสน์นภาได้ครู่เดียว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มองดูเป็นสายของไวภพ เธอถอน หายใจอีกครั้ง กดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล”
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่”
“มีแผนการจะทําอย่างไรต่อไปหรือไม่”
“จะทําอย่างไรต่อไปนั้นไม่แน่ใจนัก แต่ว่าไม่มีแผนจะ ออกจากครอบครัวนี้
ไวภพได้ยินคำตอบถึงกับนิ่งไปพักใหญ่ จึงพูดว่า
โอเค ผมเข้าใจแล้ว
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ชื่นใจเสียใจเป็นเท่า
ทวีคูณ ถ้ามีสักวันหนึ่ง ไวภพสามารถเป็นห่วงเป็นใย เธอเหมือนกับเป็นห่วงเป็นใยผลินอย่างนี้ก็คงจะดีไม่น้อย แค่วินาทีเดียว เธอก็คงรู้สึกว่าในชีวิตนี้ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
แล้ว
ผลินล้มป่วยเข้าวันที่สามแล้ว ปาณีเดินทางมาบริษัท
ของครอบครัวตนเอง แน่นอน ไม่มีใครกล้าที่จะรั้งตัวเธอ
ไว้
เธอเร่งฝีเท้าวิ่งไปชั้นที่เก้าห้องทำงานของประธาน ชนัยเห็นเธอแล้วแปลกใจเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนพูดว่า
ปาณี เธอมาได้ยังไง”
“พี่ชายของฉันล่ะ
“ท่านปยุตกำลังประชุม
“นั้นฉันรอเขาอยู่ที่นี่”
ชนัยนำน้ำมาให้เธอดื่มแล้วพูดอีกว่า “เหตุใดดูท่าทาง กระวนกระวาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ”
“คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหรอ ครอบครัวฉันเกิดเรื่องใหญ่
แล้ว”
ชนัยถึงกับตกตะลึง พูดปลอบใจเธอ “ไม่เป็นไร
หรอกครับ ไม่มีสามีภรรยาคู่ไหนไม่ทะเลาะกัน พี่ชาย
ของเธอและพี่สะใภ้ทุกคนล้วนโตกันแล้ว สามารถจัดการ ปัญหาด้านอารมณ์ได้ดีครับ”
ปาณีเงยหน้า กระพริบตากลมโตที่ใสซื่อถามกลับว่า
“ในสายตาของพี่ชนัยแล้ว ฉันเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง เหรอคะ”
“ หรือว่าเธอไม่ใช่เด็กน้อยอย่างนั้น อายุเพียงแค่สิบ แปดปีเท่านั้น”
“ฉันอายุสิบแปดปี แต่ฉันไม่ใช่เด็กน้อยอายุสิบแปดปี แต่เป็นเด็กสาวอายุสิบแปดปี คุณอย่าใช้สายตามองหญิง สาวมาตัดสินฉัน แต่อย่างน้อยก็อย่ามองว่าฉันยังเป็นเด็ก น้อย”
ปาณีวางแก้วนําในมือ ผลักประตูห้องทำงานของพี่
ชายเธอ เสียงดังตูม เธอผลักประตูห้องเข้าไปโดยแสดง อารมณ์หงุดหงิดเปิดเผยออกมาโดยไม่ปิดบัง
เธอนั่งรอในห้องทำงานกว่าครึ่งชั่วโมง ปยุตประชุม เสร็จเดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน มองเห็นคนที่รอคอย เธอรีบวิ่งเข้าไปสอบถามทันทีว่า พี่ หลายวันแล้วพี่ ไม่กลับบ้าน
“ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ”
ปยุตเลิกคิ้วมองอย่างเย็นชา หนวดเคราสีเขียวเข้มที่ สามารถมองเห็นรำไรบนใบหน้าที่แยกออกได้ชัดเจน จึงส่ง ผลให้น้องสาวคิดในใจว่า จิตใจของพี่ชายเธอขณะนี้คงจะ ทุกข์ใจมาก
“พี่สะใภ้เธอล้มป่วยหนัก ป่วยได้หลายวันแล้ว พี่ไม่ กลับบ้านไปดูเธอบ้างเลยเหรอ”
ขนตาของปยุตกระตุกเล็กน้อยพูดว่า “ล้มป่วยก็พาไป
หาหมอ มาหาพี่ก็ไร้ประโยชน์”
“แต่ว่า พี่สะใภ้ล้มป่วยก็เพราะพี่ พี่เพียงกลับบ้านไปดู
เขาซักนิด เธอจะต้องแข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน”
“ไม่มีเวลา”
เขาปฏิเสธโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว บนใบหน้าไม่รู้ ว่าเสแสร้งหรือว่าเป็นจริง ด้วยท่าทางที่ไม่แยแสอะไร
ปาณีเริ่มร้อนรน “พี่ อย่าทำท่าที่เย็นชาอย่างนี้ได้มั้ย แม้ว่าพี่สะใภ้จะหลอกลวงพี่ แต่ความรักที่เธอมอบให้พี่นั้น เป็นความจริงนะคะ เพราะว่าทำร้ายจิตใจพี่ ช่วงเวลานี้เธอ ทุกข์ทรมานมากนะคะ ”
“เธอมาเพื่อพูดแก้ต่างให้กับเธออย่างนั้น ถ้าหากใช่ ก็ออกไปเดี๋ยวนี้พี่ไม่มีเวลาและก็ไม่ต้องการได้ยินอะไรที่ เกี่ยวกับเธอคนนั้น”
“พี่ปยุต น้องไม่ได้มาเพื่อพูดแก้ต่างให้กับพี่สะใภ้ น้องมาเพียงเพื่อบอกข่าวอาการป่วยของเธอเท่านั้น เขา ป่วยหนักจริงๆ พี่กลับไปดูเธอสักหน่อยได้หรือไม่ ถือ เสียว่าน้องขอร้องล่ะนะ
“ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรสำคัญ ถึงจะต้องให้น้องมา ขอร้องแทน น้องรู้เรื่องอะไร ถึงอย่างไรก็ตามน้องก็แค่ เด็กน้อยที่ยังไม่โต ในโลกนี้มีเรื่องหลอกลวงอีกมากมาย ที่น้องไม่เคยได้พบได้เจอกับตา เพราะว่าเธอคือน้องสาว ของพี่ จึงขอเตือนน้องด้วยความจริงใจ อย่าคิดว่าคนทุก คนหรือเรื่องราวต่างๆจะสดสวยงดงามตลอด
เมื่อครู่ก็เพราะเรื่องเด็กน้อยปาณีเพิ่งจะโกรธนัยจนหัว ฟัดหัวเหวี่ยง ครั้งนี้พี่ชายแท้ๆของเธอยังจะพูดคำพูดที่ เธอไม่อยากจะฟังอีก เธออดไม่ได้ที่จะแผดเสียงร้องอย่าง โมโหว่า “ใครเป็นเด็กน้อย อย่าคิดว่าพี่อายุมากกว่าน้อง ไม่กี่ปีก็จะมาดูแคลนคนอื่นได้นะ น้องเห็นพวกพี่ที่บอก ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาทางด้าน อารมณ์ ยังสู้เด็กอายุสามขวบไม่ได้เอาเสียเลย