ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน - 89 หัวใจสามารถกู้คืนได้ ( 2 )
ตอนที่89 หัวใจสามารถกู้คืนได้ ( 2 )
หลังจากระบายอารมณ์ออกมาจนหมดสิ้น ก็วิ่งออกไป อย่างเสียอารมณ์ วิ่งผ่านโต๊ะเลขา ชนัยกำลังจะเอ่ยปากพูด อะไร ก็ถูกเธอพูดตัดบทอย่างหงุดหงิดว่า “หยุดพูดกับฉัน เดี๋ยวนี้ ผู้ชายอย่างพวกคุณเป็นพวกบ้าไม่มีอะไรดี”
เอ่อ.. ชนัยถึงกับอึกอัก หัวเราะก็ไม่ได้ จะร้องไห้ก็ร้องไม่ ออก นอนอยู่เฉยก็ยังโดนยิง มันโชคซวยขนาดนี้เลยเห
หลังจากที่ปาณีกลับมาถึงบ้าน ก็ร้องห่มร้องไห้บ่นกับพ่อ แม่เธอว่า “ท่านพ่อท่านแม่พวกท่านคลอดออกมาได้ยังไง ถึง ได้เกิดพี่ชายของหนูที่เป็นคนเลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้ ลูกบอก กับเขาว่าพี่สะใภ้ล้มป่วย เขาไม่แยแสสนใจแม่แต่น้อย ยังจะ พูดอีกว่า ผู้หญิงคนนั้นมีความสำคัญอะไร ถึงจะต้องให้ลูกมาพูด แก้ต่างให้ ทำให้ลูกโมโหมากจริงๆ
นายท่านเวทนสงบนิ่งไม่พูดจาสักคำ เขาเองเมื่อวานก็เพิ่งจะ รู้เรื่องระหว่างลูกชายกับลูกสะใภ้ ซึ่งตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เขามี ท่าทางเครียด ราวกับว่ากำลังกังวลเรื่องอะไรบางอย่าง
“พี่ชายของเธอยังสบายดีมั้ย”
นายหญิงใหญ่สอบถามด้วยความเป็นห่วง
สบายอะไรล่ะคะ ผอมแทบจะเหลือแต่กระดูกอยู่แล้ว”
“แล้วเขาบอกว่าจะกลับบ้านมาเมื่อไหร่” “กลับบ้าน ปาณีส่งเสียงออกมาด้วยความหงุดหงิด “กลัวว่าทั้งชาติคงจะไม่กลับมาบ้านแล้วล่ะซิ ถ้าพี่สะใภ้ยังคง อยู่ที่นี่”
นายหญิงใหญ่ได้ยินคำพูดอย่างนี้ ก็ทำให้น้ำตาไหลออกมา ด้วยความเสียใจ นายท่านเวทนถึงตาใส่อย่างหงุดหงิดพูดว่า
“ร้องไห้ทำไม เวลานี้เขาเพียงแค่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ไม่ได้ รอจนกว่าวันที่จิตใจเขาพอสงบลงบ้าง เขาก็กลับมา บ้านเองนั้นแหละ”
คําพูดของนายท่านเวทนยังไม่ทันสิ้นเสียง ด้านนอกประตูมี เสียงรถยนต์เข้ามาจอด ปาณีกระโดดขึ้นตอบสนองทันทีว่า
“พี่ปยุตกลับมาแล้ว”
ความจริงแล้ว ยังคงฟังคำพูดของเธอบ้าง ปยุตกลับบ้าน จริงๆ ถึงแม้สีหน้าที่เย็นชาถึงกับทำให้ทุกคนต้องตกใจก็ตาม
“ลูกปยุต”
นายหญิงใหญ่คิดจะพูดอะไรออกมา เขาก็วิ่งขึ้นไปด้านบน เสียแล้ว เดินมาถึงหน้าห้องนอน ผลักประตูและเดินก้าวเท้า ข้าไป
ผลินเห็นเขาเดินเข้ามากระทันหัน รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่าง มาก เธอประคองตัวเองลุกขึ้นนั่ง พูดว่า “คุณกลับมาแล้ว -รือคะ……” ปยุตทำที่ไม่ได้ยินคำพูดนั้น เข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้า จัดแจง เสื้อผ้าที่ใช้ประจำเรียงใส่ในกระเป๋าเดินทาง ผลินรู้ทันทีว่า เป้าหมายที่เขากลับบ้านมาครั้งนี้คืออะไร ก็เพียงเพื่อกลับมา เอาเสื้อผ้า
เธอเศร้าใจมาก ไม่พูดจาสักคำ แต่น้ำตากลับไหลออกมา อย่างผิดหวัง ที่โชคดีก็คือ ไม่ได้ร้องไห้ต่อหน้าเขา
ผ่านไปสิบกว่านาที ปยุตเก็บเสื้อผ้าได้พอสมควรแล้ว หยิบกระเป๋าเดินออกไปข้างนอกเดินมาถึงข้างประตู ทันใดนั้น กลับหยุดเดิน ชำเลืองตามองเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อย่างนี้ก็จบ สิ้นกันแล้วซินะ ยังคิดที่จะหลอกใช้ผมเพื่อแก้แค้นอีก ดูไป แล้วไม่ใช่ว่าผมจะประเมินค่าคุณต่ำเกินไป แต่เป็นว่าเธอ ประเมินค่าตนเองสูงเกินไป
ผลินทบทวนนึกถึงคำพูดของเขาหลายรอบ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึก เล็กน้อยเท่านั้น อย่างนั้นเธอจะต้องไม่ท้อถอยละความ พยายาม หวนคิดถึงความทุกข์ที่แม่ของเธอได้รับมาช่วงหลาย ปีนั้น ทั้งหมดที่เธอได้ประสพพบเจอในครั้งนี้ เทียบอะไร ไม่ได้เลยกับความทุกข์ของแม่เธอในช่วงเวลานั้น”
ว่าตนเองนั้นไร้ค่า เพียงแค่อารมณ์ได้พบกับความผิดหวัง
เธอร้องไห้ฟูมฟาย หลังจากร้องไห้จนเป็นที่พอใจ ก็เริ่ม สาบานกับตนเอง ต้องทำให้ตนเองเข้มแข็งขึ้นมา อย่าให้คน อื่นๆมองดูเธอเป็นผู้หญิงไร้ค่า
เธอเริ่มต้นดูแลตนเองกินข้าวสม่ำเสมอ เดินไปห้องออกกำลังกายของปยุต บริหารร่างกาย ออกกำลัง
ทุกคืนก่อนนอน
วายจนเหนื่อยแทบจะหมดแรง ไม่มีแรงพอที่จะมีไปครุ่นคิด ถึงเรื่องโครกเศร้าต่างๆ ทำให้นอนหลับสนิทอย่างน่าอัศจรรย์ ร่างกายเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจน อาทิตย์เดียวก็กลับมาเป็น ผลินที่ยืนขึ้นต่อหน้าคนในครอบครัวได้ กลับมาเป็นผลินที่มี ร่างกายแข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนอย่างสมบูรณ์ ถึงแม้บางครั้ง ขณะที่ทอดสายตาเหม่อลอยไปไกลๆทำให้เกิดความโศรกเศร้า อ้างว้างปางเล็กน้อย
ทานยาตรงเวลา กินข้าวตรงเวลา พักผ่อนเพียงพอ
ปยุตช่วงเวลาที่ผ่านมาอาศัยในคอนโดของครอบครัวตลอด ทุกวันเขาไม่พูดไม่จา เอาแต่ดื่มสุราจนเมามาย ใช้ชีวิตยังกับคน ไร้จุดหมาย
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในคอนโดมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาหา ชีวิตที่ไร้ค่าสร้างความเสื่อมถอยอย่างนี้ก็ถูกพบจนได้
แขกที่ไม่ได้รับเชิญนี้ก็คือชุดา คนที่ก่อเรื่องราวได้หากเมื่อ พบเธอ เธอได้ยินข่าวที่ชัดเจนว่าปยุตกับผลินได้ตัดสัมพันธ์ กันแล้ว ดีใจจนเนื้อเต้นครั้งหนึ่งถึงจะควบคุมอารมณ์ดีใจไว้ได้
เตรียมที่จะฉกฉวยโอกาสนี้เข้าหาปยุต
เธอสะกดรอยตามรถยนต์ของปยุตมาจนถึงคอนโดของเขา รอจนกว่าเขาเข้าไปข้างในก่อน ก็แต่งหน้าทาปากให้สวยงาม ดินไปเคาะประตูห้อง
ประตูเปิดออก เธอตั้งใจส่งรอยยิ้มที่ตนเองคิดว่างดงาม ที่สุดแล้วพูดว่า “Hi พี่เขย ไม่พบกันนานนะคะ”
ปยุตส่งเสียงอุทาน ถามด้วยเสียงเย้ยหยันว่า “หนังหน้า ของเธอไม่เคยวัดเลยหรือไงว่าหนาเท่าไหร่กันแน่” สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นซีดเผือกเหมือนหนังหมู แต่กลับ ยิ้มตอบราวกับไม่สะทกสะท้านอะไรและพูดว่า “พี่เขยช่างมี อารมณ์ขันมากนะคะ โชคดีฉันไม่ใช่คนที่ใจแคบ จะไม่โต้ เตียงในเรื่องน่าขบขันของพี่เขย
“ใครพูดเล่นกับเธอเฮอะ ที่ผมพูดไปนั้นเป็นความจริง หรือว่าไม่มีใครบอกคุณหรือไง หนังหน้าของเธอหนามาก
ชุดาถึงกับยิ้มไม่ออก พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยว่า “ฉันรู้ว่าเวลานี้อารมณ์ของพี่เขยไม่ค่อยจะดีซะเท่าไหร่ ฉัน เพียงคิดจะมาปลอบใจพี่เขยด้วยความจริงใจ ให้ฉันเข้าไป ข้างในได้มั้ยคะ”
ปยุตยืนขวางทางหน้าประตูพูดว่า “ไม่อนุญาต เธอไปให้ พ้นหน้าผมนั้นแหละคือการปลอบใจที่ดีที่สุดสำหรับผม โดย เฉพาะอย่างยิ่งไม่ต้องแต่งหน้าซะหนาเตอะออกมาอย่างนี้ เธอ รู้มั้ย ขณะที่เธอไม่แต่งหน้าผมมองเห็นแล้วอยากจะอ๊วกอยู่ แล้ว ครั้งนี้แต่งหน้าทาปากผมมองเห็นแล้วกลับอยากจะตาย”
“ปยุต”
ชุดาได้รับความอับอายจนโมโห ตะโกนใส่พี่เขยเสียงด้วย เสียงแข็งกระด้าง เพียงเรียกชื่อเขาขึ้นห้วนๆ “คุณคิดว่าฉัน จะมาดูคุณอย่างนั้น ฉันเพียงมาดูความอนาถของคุณ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ก่อนที่คุณจะได้พี่สาวของฉัน คุณก็เคยถูกผู้ หญิงอีกคนหักหลัง ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกผู้หญิง นำมาเป็นของ ล่นในมือครั้งแล้วครั้งเล่า ก็พูดได้ว่าชายคนนั้นเคราะห์ร้าย มาก ชีวิตที่ถูกลิขิตไว้เพื่อถูกผู้หญิงหลอกใช้เป็นของเล่น เวลานี้ยากที่จะมีคนที่มีความบริสุทธิ์ใจเหมือนอย่างฉันปราถนา ที่จะอยู่เคียงข้างคุณ คุณยังไม่รู้จักหนุถนอมมันเสียอีก จะทำให้ฉันได้รับความอับอาย คุณคิดว่า…….
ชุดาพูดยังไม่ทันขาดคํา ก็ถูกปยุตใช้มือบีบคอไว้จนแทบ หายใจไม่ออก เธอขัดขืนต่อสู้ “ปล่อยฉัน……..คุณปล่อยฉัน เดี๋ยวนี้…..….
“กล้า วิ่งมาหาผมอย่างเริบเสืบสาน คุณอยากตายแล้ว ใช่มั้ย นั้นผมจะจัดการให้เป็นจริง”
เขาใช้แรงบีบหนักขึ้น สีหน้าของชุดาเปลี่ยนจากเขียวเป็น ซีดขาว จากซีดขาวเปลี่ยนเป็นสีเขียว เธอขยับตัวดิ้นทุรนทุราย ไม่หยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กลับร้องขอชีวิตตัวสั่นเทา “พี่เขย……คุณสงบสติอารมณ์หน่อยได้มั้ยคะ……ฉันผิดไป แล้ว …ฉันขอโทษคุณ…….ขอร้องให้คุณปล่อยฉันเถอะ…..คุณ ฆ่าฉัน ….. พี่สาวของฉันจะไม่มีทางยกโทษให้คุณ…..
ปยุตเดิมทีต้องการที่จะบีบคอเธอให้ตายจริงๆ แต่ว่าขณะ ที่ได้ยินประโยคสุดท้ายที่เธอพูดอีกครั้ง กลับกลายมือออก อย่างน่าแปลกใจ เตือนเธอด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ต่อไปกล้า ดีมาหาผมที่นี่อีก ผมจะให้คุณมาถึงแล้วจะไม่ได้กลับไป
ชุดาล้มลงไปกองกับพื้น ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง เสียงปิด ประตูดังปั๊งต่อหน้าต่อตาเธอ เธอราวกับว่าได้รับการยั่วยุ ตะเกียกตะกายลุกขึ้น กระหน่ำด่าเสียงดังว่า “คุณเป็นผู้ชาย ไร้หัวใจ คุณเพียงสามารถคุยโวโอ้อวดก็แค่ต่อหน้าฉันเท่านั้น ผู้หญิงเหล่านั้นที่ย่ำยีหัวใจคุณ คุณกล้าที่จะทำอย่างนี้กับพวก เธอมั้ย พวกเธอเหล่านั้นคนหนึ่งไปคบกับชายอื่น อีกคน หลอกใช้คุณเหมือนไอ้หน้าโง่ และคุณกลับเพียงแค่มุดหัวอยู่ ในกระดองเต่า หลบซ่อนตัวที่นี่เลียแผลตนเอง คุณช่างน่าสง สารจริงๆ ครั้งก่อนคุณเคยถามฉันในห้องทำงานของคุณว่า หรือว่าตัวเองไม่ดีกว่าเจ้าปัญญาอ่อนคนนั้น วันนี้ฉันขอบอก ความจริงให้กับคุณ คุณไม่มีทางดีกว่าเด็กปัญญาอ่อนคนนั้น คนปัญญาอ่อนอย่างน้อยก็ยังไม่เคยถูกผู้หญิงหลอกใช้ ฮาฮา
ชุดาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ริมฝีปากทาด้วบลิปสีแดง หัวเราะเสียงรัวๆ ทันใดนั้น มีประตูเปิดอกมา เสียงสาดน้ำ ฉ่าๆๆๆ มีน้ำอ่างหนึ่งสาดเข้าไปที่หน้าเธอ เพียงแต่ว่ากลิ่นของ น้ำนั้นแปลกมาก เธอเลียริมฝีปาก ถามด้วยความแปลกใจว่า คุณสาดน้ำอะไรใส่ฉัน
ปยุตยิ้มเยาะเย้ยด้วยมุมปากและพูดบอกเธอคำต่อคำว่า “ปัสสาวะของผม
อ่า——ประตูปิดลงอีกครั้ง สนั่นหวั่นไหวอย่างหวาดกลัว
ชุดาตกตะลึงกรีดร้องเสียง
วันที่สอง ชนัยไม่พบท่านประธานมาทำงานก็โทรศัพท์ไป หาเขา กลับไม่มีใครรับสาย เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล ขับรถไปหาไปหาเขาที่คอนโดออกมาเพื่อเปิดประตู หยิบ กุญแจสำรองห้องพักเปิดประตูเข้าไป ได้กลิ่นส่าเหล้าในคลุ้ง เต็มห้องทันทีดมแล้วเกือบจะหมดสติ เขารีบวิ่งไปเปิดผ้าม่าน ที่ปิดสนิททันที เห็นบนพื้นเกลื่อนไปด้วยกองขวดเหล้า และปยุตนอนแน่นิ่งกองอยู่บนพื้น ไม่มีการตอบสนองใดๆ
“ท่านประธาน ท่านประธาน” ชนัยร้องเรียกด้วยความ กังวล เห็นสีหน้าของเขาซีดขาวจึงรีบแบกเขาไว้บนหลังพาไป นั่งในรถยนต์ รีบวิ่งด้วยความเร็วไปโรงพยาบาลทันที
ผ่านการตรวจสอบทีละขั้นตอนแล้ว คุณหมอบอกด้วยน้ำ เสียงขึงขังว่า “ผู้ป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังมาเป็นเวลานาน มีเลือดออกอย่างมากบริเวณกระเพาะอาหาร เฝ้าดูให้พ้น ช่วงขีดอันตรายก่อนถึงจะสามารถเข้าเยี่ยมได้
ชนัยรีบโทรไปคฤหาสน์นภาด้วยใจเป็นทุกข์ ผู้ที่รับสายก็ คือนายหญิงใหญ่ ได้ยินว่าบุตรชายตนเองดื่มสุราดื่มจนมี เลือดออกในกระเพาะอาหาร ร้องห่มร้องไห้รีบวิ่งไปโรง พยาบาลในทันที
จากนั้นไม่นาน นายท่านเวทน ปาณี และผลิน ทั้งหมดรีบ
ตามมาในทันที
ความรู้สึกบนใบหน้าของทุกคนล้วนเป็นกังวล โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ผลิน กระจกห้องไอ.ซี.ยู กั้นอยู่นั้นมองเห็นปยุต ใบหน้าที่หล่อเหลาดูเศร้าหมอง จิตใจโศรกเศร้าเสียใจ เหมือนกับเอาไปคลุกกับเศษกระจก ให้มันทิ่มแทงเธอจนตายไป เสียดีกว่า
เฝ้ารอมาทั้งวัน ปยุตก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้น แต่โชคดีก็ คือ พอถึงเวลาก่อนพลบค่ำ ก็พ้นจากขีดอันตราย หมอก็ อนุญาตให้ญาติสนิทเข้าเยี่ยมได้ เพียงแต่ว่าหมออนุญาตให้ เยี่ยมได้ไม่นาน
พ่อแม่สามีเห็นว่าบุตรชายพ้นจากขีดอันตราย จิตใจที่เป็น กังวลในที่สุดก็ผ่อนคลายลง หลังจากเข้ามาเยี่ยม ผลินก็ แนะนำให้พวกเขากลับบ้านไปพักผ่อนและตัวเธอเองจะอยู่ที่นี่ เฝ้าไข้เอง
ยืนอยู่หน้ากระจกั้นห้อง ชนัยยื่นดื่มให้กับผลินแล้วพูด ว่า “คุณรู้มั้ยทำไมเขาถึงต้องดื่มสุรามากมายถึงเพียงนี้
เธอส่ายหน้าด้วยความทุกข์ใจ
“เมื่อคืนวานน้องสาวของคุณมาหาเขา คอนโด เหมือนกับ ว่าพูดอะไรที่เสียดแทงใจเขา ผมรับใช้ท่านประธานมาหลายปี เข้าใจอดีตที่ผ่านมาของเขามากกว่าใครๆ สามปีที่แล้ว หลังจากที่จันทรกับลูกพี่ลูกน้องของเขาทั้งสองแอบหนีไปด้วย กันในวันงานแต่งงานโดยไม่บอกลาสักคำ เขาก็เป็นโรคความ ผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจอย่างหนัก โรค ชนิดนี้ไม่มีให้หายขาด ทุกครั้งที่อาการกำเริบ เขาจะ ใจสั่นและหายใจถี่ๆ ร่างกายเหมือนจะตายให้ได้ เจ็บปวด ทุกข์ทรมานมาก ปีแรกเขาก็ใช้ชีวิตผ่านมาย่ำแย่อย่างนี้ หลังจากนั้นปีที่สอง เขาเริ่มต้นใช้การแต่งงานเหมือนเป็นเป็น ของเล่นของเด็ก แต่งงานและหย่าร้างกับหญิงสาวไม่เคย หน้า จนกระทั่งปีที่สามคุณเข้ามาในชีวิตเขา ช่วยให้เขาได้มี ชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาบอกกับผมว่า ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ยังจะมีความคิดที่จะมีคนรักอีกครั้ง เขาทนุถนอมความรักที่ เกิดขึ้นได้ยากในช่วงเวลานี้อย่างมาก แต่แล้วโชคชะตาก็ ช่างโหดร้ายทารุณกับเขามาก เป็นการยากมากที่เขาจะรัก ใครใหม่อีกสักคน ในที่สุดเพียงแค่เพื่อหลอกใช้เขาเท่านั้น จิตใจที่อยู่ในภาวะสิ้นหวังอย่างนั้น บางทีมีเพียงคนที่เคยผ่าน ประสบการณ์มาก่อนเท่านั้นถึงจะรู้ดี เมื่อคืนวานเขา โทรศัพท์มาหาผม เขาพูดว่า ชนัย ผมเป็นคนน่าสงสาร มากใช่มั้ย เมื่อสักครู่ลูกสาวของธนวันมาหาเพื่อมาเยาะเย้ย ว่า ผมคงสู้เด็กปัญญาอ่อนไม่ได้จริงๆ ไปรักใครเหมือนดั่งคนปกติไม่ได้แล้ว”
ดังนั้น ผมคงจะกลับ