ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 243 อายุน้อยกว่าแล้วก็สวยกว่า
ถังหยิงยืนอยู่ที่นั่นนานๆ เค้าโล่งใจในตอนที่เห็นเจ้าสำนักกำลังจะกินโจ๊กถั่วแดง
“เธอยังจะมามัวยืนทำอะไรอยู่อีก?” เจ้าสำนักก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“อ๊าา ผม… ผมก็แค่คิดว่าเจ้าสำนักสวย ก็เลยอยากจะมองด้วยตาของตัวเอง…” เมื่อถังหยิงได้สติ เค้าก็รีบพูดขึ้นมา
เจ้าสำนักก็ส่งเสียงหึออกมา จากนั้นเธอก็โบกมือเพื่อให้เค้าออกไป
หลังจากที่ถังหยิงเดินออกจากห้องของเจ้าสำนักแล้ว เค้าก็ยืนอยู่ที่ประตูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งขึ้นมาในใจ: “นังบ้า ฉันเองก็อยากจะรู้ว่าแกยังจะอ้อยอิ่งได้นานแค่ไหนกัน! เมื่อถึงเวลาฉันเอาเธอทำเมียแน่!”
ถังหยิงไม่รีบร้อนที่จะจากไป เค้าเดินไปเดินมารอบๆเพื่อรอเวลา
สิบนาทีต่อมา ถังหยิงก็พูดเบาๆขึ้นมาว่า: “ยานี่มันจะออกฤทธิ์ในสามนาที ตอนนี้มันก็ผ่านมาแล้วตั้งสิบนาที นี่มันก็น่าจะได้เวลาแล้วสินะ”
หลังจากพูดจบ ถังหยิงก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องของเจ้าสำนัก
เค้าเคาะประตูอย่างไม่มั่นใจแล้วก็พูดเบาๆขึ้นมาว่า: “ท่านเจ้าสำนัก ท่านหลับอยู่เหรอครับ?”
มันไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ภายในห้องมันเสียงสนิท
ถังหยิงยังคงตะโกนต่อไป: “ท่านเจ้าสำนัก ผมเข้าไปแล้วนะครับ?”
เมื่อเห็นว่าเจ้าสำนักไม่ตอบสนอง ถังหยิงก็กล้าที่จะเปิดประตู
ทันทีที่ประตูเปิดออก เจ้าสำนักก็นอนอยู่บนเตียงจริงๆ
เธอสวมเพียงแค่ชุดนอนเท่านั้น ร่างที่ขาวราวกับหิมะของเธอมันก็เผยออกมาให้เห็น เมื่อเห็นแบบนี้ถังหยิงก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
“นี่มันช่างงดงามจริงๆเลย…” ถังหยิงเดินเฉียดเข้าไปหาเจ้าสำนัก เค้ามองไปที่ใบหน้าที่งดงามของเธอ จากนั้นความคิดที่ชั่วร้ายมันก็ผุดขึ้นมาในหัวเค้าทันที
หลายปีมานี้ บนร่างกายเธอมันก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีริ้วรอยอะไรเลย ต่อให้เข้าไปมองใกล้ๆ ใบหน้าของเจ้าสำนักมันก็ไม่มีริ้วรอยอะไรเลยจริงๆ
ถางหยิงเอนกายเข้าไปใกล้ๆร่างของเจ้าสำนัก เค้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า: “นี่มันช่างหอมเหลือเกินนะ!”
เนื่องจากเจ้าสำนักคลุกคลีอยู่กับยาตลอด ดังนั้นกลิ่นหอมจากร่างกายของเธอมันก็มีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก
กลิ่นหอมนี้มันช่างสดชื่นเหลือเกิน!
ถังหยิงก็อดใจรอไม่ไหวที่จะกระโจนขึ้นเตียงแล้วดื่มด่ำเพลิดเพลินไปกับมัน!
แต่สุดท้ายเค้าก็ยังไม่กล้า ที่นี่คือตำหนักเทพโอสถ หากว่ามีใครมาเจอเข้ามันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่
ถังหยิงสัมผัสไปที่เจ้าสำนักอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเค้าก็ประคองเจ้าสำนักขึ้นมาแล้วค่อยๆย่องออกไปข้างนอก
ในตอนกลางคืน ประตูตำหนักเทพโอสถมันก็ว่างเปล่า ถังหยิงก็เลยหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย
ที่ไม่ไกลจากตำหนักเทพโอสถ มันก็มีรถที่ไม่มีป้ายทะเบียนจอดอยู่ พ่อบ้านของเสียวหยู่เชี้ยนก็รออยู่ในรถ
ถังหยิงประคองเจ้าสำนักแล้ววิ่งไปที่รถอย่างรวดเร็ว จากนั้นเค้าก็รีบเข้าไปในรถ
“ฉันเอามาแล้ว” ถังหยิงก็พูดจาเยาะเย้ยขึ้นมา
พ่อบ้านชำเลืองมองเค้า จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า: “รู้แล้ว นายไปได้แล้ว”
ถังหยิงถูมือของตัวเองแล้วพูดว่า: “อืม … จะเก็บเจ้าสำนักไว้ให้ฉันบ้างได้ไหม?”
พ่อบ้านขมวดคิ้วเล็กน้อย เค้ามองไปที่ถังหยิง เค้ามองเห็นถังหยิงที่เอาแต่กลืนน้ำลายอยู่ตลอดเวลา
“ก็ได้” พ่อบ้านพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา “เมื่องานของเราเสร็จ ฉันจะเอาเธอไปส่งให้นายเอง”
“โอเค ขอบคุณ!” ถังหยิงดีใจแล้วขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากนั้นพ่อบ้านก็ให้บัตรธนาคารกับเค้าแล้วพูดเตือนว่า: “นี่เป็นเงินค่าตอนแทนรอบแรกเท่านั้น ฉันขอเตือนนายเลยนะว่า ถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป จุดจบของนายจะต้องอนาจมากอย่างแน่นอน”
“ไม่ต้องกังวลไป ฉันไม่พูดมากหรอกน่า!” ถังหยิงก็รีบพูดขึ้นมา
พ่อบ้านก็ส่งเสียงอืมขึ้นมา จากนั้นเค้าก็ปิดประตูรถแล้วขับออกไป
รถแล่นไปที่สโมสร หลังจากไปถึงที่สโมสรแล้ว พ่อบ้านก็ประคองเจ้าสำนักแล้วรีบเดินไปที่ห้องของเสียวหยู่เชี้ยน
ในตอนนี้เอง เสียวหยู่เชี้ยนก็กำลังนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับซิการ์ในมือซ้ายและไวน์แดงในมือขวาของเธอ
นายแบบชายสองคนกำลังนวดต้นขาของเธออย่างสนุกสนาน
“นายหญิง” ในตอนนี้เองพ่อบ้านก็เดินเข้ามา เค้าก้มหน้าลงแล้วพูดว่า: “เอาตัวเธอมาแล้วครับ”
“อืม” เสียวหยู่เชี้ยนก็พยักหน้าแล้วโบกมือขึ้นมา: “พวกนายสองคนออกไปก่อน”
“ครับ นายหญิง” นายแบบสองคนก็ลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกไป
พ่อบ้านเดินไปที่ประตูแล้วมองไปรอบๆ จากนั้นเค้าก็ปิดประตู
ประตูนี้ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ มันความแข็งเทียบได้กับเหล็กกล้า แม้จะใช้ปืนก็ไม่สามารถพังเข้ามาได้
ที่นี่มันสามารถบอกได้เลยว่าเป็นสถานที่ๆปลอดภัยอย่างแท้จริง
พ่อบ้านยกร่างของเจ้าสำนักขึ้นมา เค้าโยนเธอลงกับพื้นแล้วยืนนิ่ง
เสียวหยู่เชี้ยนเเหลือบมอง จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “นังบ้านี่ แกคิดที่จะต่อต้านตระกูลซูของฉันอย่างงั้นเหรอ แกนี่รนหาที่ตายจริงๆเลย!”
เธอเอนตัวลงแล้วมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของเจ้าสำนักในระยะใกล้ จากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมาในใจ
ผู้หญิงคนนี้ เธอดีกว่าฉันจริงๆ! เธอดูไม่เหมือนหญิงสาววัยสี่สิบเลย!
ต้องรู้ว่า เสียวหยู่เชี้ยนเชิญอาจารย์จากฮ่องกงมาเป็นพิเศษเพื่อดูแลใบหน้าของเธอ นี่ไม่รู้เลยว่าเธอเสียงเงินไปแล้วเท่าไหร่กัน!
ยิ่งมองเธอก็ยิ่งโกรธ เธออยากจะเอามีดกรีดลงไปที่ใบหน้าของเจ้าสำนัก!
“ยังสาวแล้วก็ยังสวยกว่าแก?” ในตอนนี้เอง เจ้าสำนักก็ลืมตาขึ้นมาในทันที!
“ห๊าา!” เสียวหยู่เชี้ยนก็ตกใจมากมาก เธอตกใจจนนางนั่งลงไปที่พื้น เธอจ้องไปที่เจ้าสำนักด้วยความกลัวแล้วพูดเสียงดังขึ้นมาว่า: “แก…เแกไม่ได้หมดสติอยู่เหรอ? หรือว่าแกหลอกฉัน?”
“หึ”
เจ้าสำนักก็ลุกยืนขึ้นมา เธอถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า: “ฉันเป็นถึงเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถ ยาลุ่มหลงนั่น มันจะทำอะไรฉันได้?”
“แก… แกตั้งใจ?” เสียวหยู่เชี้ยนก็หน้าซีดด้วยความตกใจ สีหน้าของเธอมันดูไม่ได้เลย
เจ้าสำนักก็ไม่สนใจ เธอเดินไปที่โต๊ะแล้วนั่งลงช้าๆ จากนั้นก็รินไวน์ให้ตัวเอง
“นั่งลงสิ” เจ้าสำนักก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยชา
พ่อบ้านก้าวไปข้างหน้าในทันที จากนั้นพลังในร่างกายของเค้ามันก็ระเบิดออกมาในทันที
“นายก็นั่งลงด้วยสิ” เจ้าสำนักก็เหลือบมองไปที่พ่อบ้านแล้วพูดขึ้นมา
พ่อบ้านพูดอย่างเย็นชาว่า: “ขอโทษด้วย แต่วันนี้แกจะต้องตายที่นี่”
เจ้าสำนักก็เหลือบมองเค้าอย่างเย็นชา จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาว่า: “ฉันให้นายนั่งลง!”
ด้วยเสียงที่ดังขึ้นมานี้เอง จู่ๆพ่อบ้านก็รู้สึกว่าไหล่ของเค้าถูกภูเขากดทับทั้งสองฝั่ง ขาของเค้าค่อยๆอ่อนลง จากนั้นเค้าก็ทรุดลงไปที่เก้าอี้
เค้ามองดูเจ้าสำนักด้วยความสยดสยอง ทันใดนั้นเองเค้าก็กลัวจนเสียวสันหลังวูบไปหมด!
ทั้งสองอยู่ในขอบเขตของจอมยุทธ์ ความแตกต่างของความแข็งแกร่งมันจะไปมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?
เค้าเองก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีพลังมากพอที่จะต่อต้านเธอได้เลย!
ท้ายที่สุดแล้ว เสียวหยู่เชี้ยนก็เป็นนายหญิงของตระกูลซู เธอเองก็เคยเห็นฉากแบบนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นเธอก็เลยไม่รู้สึกอะไร
“เจ้าสำนักมีแผนการอะไร อย่างน้อยก็น่าจะบอกฉันนะ” เสียวหยู่เชี้ยนลุกขึ้นมาแล้วนั่งอยู่ตรงหน้าเจ้าสำนัก
“ถ้ามีอะไรก็พูดมาตรงๆ” เสียวหยู่เชี้ยนก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“เธอไม่ได้อยากเจอฉันอย่างงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเจ้าสำนักก็ดูเย็นชา แต่การพูดของเธอมันดูสง่างามเป็นอย่างมาก
ออร่าที่น่ากลัว แม้แต่เสียวหยู่เชี้ยนเองก็ยังเทียบไม่ได้เลย!
ความรู้สึกนี้มันทำให้เสียวหยู่เชี้ยนอารมณ์เสียมาก เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “ตระกูลซูของเรากับตำหนักเทพโอสถมีเรื่องบาดหมางกัน ตอนนี้เธอก็มายั่วยุตระกูลซูของฉันต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก นี่มันหมายความว่ายังไงกัน”
“ยั่วยุตระกูลซู?” เจ้าสำนักก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ “เธอคิดมากไปแล้ว ฉันก็แค่ชอบฉินเฉิง ฉันไม่สนหรอกนะว่ามันจะเกี่ยวกับตระกูลซูหรือไม่?”
เสียวหยู่เชี้ยนก็หรี่ตาลง เธอจ้องไปที่เจ้าสำนัก เธอกัดฟันแล้วพูดว่า: “แกไม่กลัวว่าตระกูลซูของฉันจะลงมือกวาดล้างตำหนักเทพโอสถอย่างงั้นเหรอ?”