ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 253 เงื่อนไขการเข้าร่วม
หลังอาหารเช้าเสร็จฉินเฉิงก็พูดเป็นนัยๆว่า “ฉันมีของขวัญจะมอบให้คุณ”
“ของขวัญอะไร” ซูวานพูดด้วยความประหลาดใจ
“เดี๋ยวคุณก็รู้” ฉินเฉิงเหลือบมองนาฬิกาข้อมือจึงรู้ว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว
“ไปกันเถอะ ไมงั้นเดี๋ยวไม่ทัน” ฉินเฉิงจับมือของซูวานอย่างมีความสุขและเดินออกจากบ้านพัก
การประมูลครั้งนี้แตกต่างจากที่ฉินเฉิงจินตนาการไว้ เพราะเป็นงานขนาดใหญ่ ต้องมีบัตรเชิญจึงจะเข้าร่วมได้
สถานที่จัดประมูลนี้ไม่ได้อยู่ที่เกาะหนานโจว แต่อยู่บนเรือสำราญขนาดใหญ่
บนชายฝั่งมีเจ้าหน้าที่สองคนคอยตรวจสอบบัตรเชิญ สองคนนี้มีความแข็งแกร่งระดับจอมยุทธ์
ฉินเฉิงกำลังจะเข้าไปก็ถูกกั้นเอาไว้
ทั้งสองส่ายหัวและกล่าวว่า “ขอโทษด้วย ถ้าไม่มีบัตรเชิญก็เข้าไม่ได้”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “จ่ายเงินซื้อสักใบได้ไหม? หรือต้องลงทุนอะไร?”
“ไม่ได้” ทั้งสองยังคงส่ายหัว “การประมูลครั้งนี้มีเงินแค่ไหนก็เข้าไม่ได้ คุณต้องมีคุณสมบัติในการเข้าร่วม”
“ช่างเถอะ ฉันไม่ไปก็ได้” ซูวานส่ายหัว “ยังไงมันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอยู่ดี”
ฉินเฉิงสนใจสร้อยคอนี้มาก ยังไงเขาต้องเข้าไปให้ได้
“ซูวาน?” ขณะนั้นเองก็มีเสียงของสองคนเรียกเธอ
เมื่อหันกลับมามองไปรอบๆ ฉันเห็นชายหนุ่มและหญิงสาวเดินอยู่ข้างกัน
ทั้งสองอายุไม่มากนัก อายุไล่ๆกับฉินเฉิง เครื่องประดับบนร่างกายของพวกเขาบ่งบอกว่าไม่ใช่คนธรรมดา
“เจียงหลี?” หลังจากเห็นสาวคนนี้แล้ว ซูวานก็แปลกใจเล็กน้อย
เจียงหลีก้าวไปข้างหน้าและยิ้ม “ฉันไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่ เราไม่เจอกันมา5ปีแล้วมั้ง? ”
“ประมาณห้าปี” ซูวานยิ้ม
เจียงหลีจึงพูดต่อ “ทำไมไม่มาหาฉันบ้าง พ่อฉันถามถึงเธอประจำเลย ”
“คุณเจียง คุณรู้จักพวกเขาเหรอครับ?” เจ้าหน้าที่ตรวจบัตรทั้งสองถามขึ้น
เจียงหลิงยิ้มและพูดว่า “นี่คือเพื่อนของฉัน”
ต่อมาเจียงหลีจึงกล่าวว่า “นี่หนิงตง แฟนของฉัน ตระกูลของเขาไปทำธุรกิจในต่างประเทศ เขาเพิ่งกลับมาเมื่อเร็วๆ นี้”
“สวัสดี” หนิงตงยื่นมือออกไป
หลังจากนั้น สายตาของเจียงหลีก็มองไปที่ฉินเฉิง
เธอมองที่ฉินเฉิงและพูดด้วยรอยยิ้ม: “คุณคือฉินเฉิงใช่ไหม? คุณดูดีมากๆ”
“ฉินเฉิง? คุณคือฉินเฉิงที่นัดหมายกับนายน้อยซูไว้ใช่ไหม?” หนิงตงเริ่มสนใจในทันที
ฉินเฉิงพยักหน้าไม่รู้จะพูดอะไร
“เดินไปคุยไปเถอะ” เจียงหลีกล่าวต่อ “ฉันไม่ได้เจอเธอนานมาก มีเรื่องอยากคุยกับเธอเต็มไปหมด”
“เราไม่มีบัตรเชิญ” ซูวานส่ายหัว
“ไม่เป็นไร” เจียงหลีพูดด้วยรอยยิ้ม “พ่อของฉันรู้จักเจ้านายของพวกเขา เดี๋ยวฉันค่อยโทรบอกพวกเขา”
หลังจากนั้น เจียงหลีก็หยิบมือถือของออกมาโทรออก เจ้าหน้าที่ทั้งสองก็ส่ายหัวและกล่าวว่า “คุณเจียง ไม่ต้องหรอกครับ เชิญเพื่อนของคุณเข้าไปได้เลยครับ”
เจียงหลีพยักหน้าและยิ้ม: “ขอบใจจ่ะ ”
ซูวานกับและฉินเฉิงจึงขึ้นได้ขึ้นเรือไปพร้อมกับเจียงหลี
หลังจากที่พวกเขาขึ้นเรือไป ก็มีชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ท่านครับ ถ้าไม่มีจดหมายเชิญ…” พูดยังไม่ทันจบ เจ้าหน้าที่ตรวจบัตรก็หน้าเจื่อนทันที
“ผมขึ้นไปได้ไหม? ” ชายชุดดำถามอย่างเย็นชา
เจ้าหน้าที่ตรวจบัตรสองคนพูดอย่างว่างเปล่า: “เชิญครับ…”
…
“พูดตามตรง ฉันชื่นชมคุณจริงๆ” หนิงตงยกนิ้วให้ฉินเฉิง
“ชื่นชมฉัน?” ฉินเฉิงประหลาดใจเล็กน้อย “ชื่นชมฉันเรื่องอะไร?”
“เพราะคุณกล้าที่จะท้าทายตระกูลซู คุณจึงต้องได้รับการชื่นชม” หนิงตงถอนหายใจ “มีกี่คนที่ในโลกนี้กล้าที่จะต่อสู้กับตระกูลซู?”
ฉินเฉิงถอนหายใจและกล่าวว่า “ฉันไม่มีทางเลือกอื่น”
แม้ว่าฉินเฉิงอยากจะยอมแพ้ แต่ตระกูลซูคงจะไม่ยอม?
เป็นไปไม่ได้!
หนิงตงยิ้มและพูดว่า “ถ้าเป็นคนธรรมดา คงไปขอโทษตระกูลซูนานแล้ว จะกล้านัดกับนายน้อยซูได้ไง”
ฉินเฉิงยิ้มและไม่พูดอะไรต่อ
…
“นายน้อยหวัง นั่น ฉินเฉิงก็มาด้วย” หยวนเหมิงเห็นฉินเฉิงบนเรือสำราญ
นายน้อยหวังมองไปตามที่นิ้วของหยวนเหมิงชี้ แล้วพูดว่า “นี่นะเหรอฉินเฉิง?ดูแล้วก็ธรรมดา ไม่เห็นมีอะไรพิเศษ”
“ไป ไปทักทายเขาสักหน่อย” นายน้อยหวังกล่าว
“นายน้อย ฉินเฉิงคนนี้ไม่ธรรมดา ต้องระวังไว้บ้าง” ชายหัวล้านที่อยู่ข้างๆกระซิบ
นายน้อยหวังหัวเราะและพูดว่า “ไม่ธรรมดาเหรอ? แค่นักต่อสู้?มีอะไรต้องกลัว?”
“นายน้อยหวัง ขนาดซูหยู่ยังไม่อยู่ในสายตาเลย แล้วคุณ..” บอดี้การ์ดที่หัวล้านไม่พูดต่อ แต่ความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ในบรรดาวัยเดียวกัน ต่างรู้ว่าซูหยู่เหนือชั้นนายน้อยหวังมาก ซึ่งแทบจะเทียบไม่ได้เลย
แต่ที่แตกต่างคือ ตระกูลหวังมีผู้สืบทอดคือนายน้อยหวังเียงคนเดียว ดังนั้นตระกูลหวังจึงให้ความสำคัญกับนายน้อยหวังมาก ในจิงตูจึงไม่มีใครกล้าจะมาทัดเทียมนายน้อยหวัง
แต่ตระกูลซูมีทายาทหลายคน ดังนั้นสถานะของตระกูลซูจึงไม่สูงนัก
นายน้อยหวังทนไม่ได้ จึงพูดต่อ “ทำไม ซูหยู่เก่งกว่าฉันหรือไง?”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็เดินเข้าไปตรงหน้าฉินเฉิง และขวางทางเดินของฉินเฉิงไว้
ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “นายมีอะไร?”
“นายคือฉินเฉิงเหรอ?” นายน้อยหวังพูดพร้อมกับหรี่ตามอง “นายคงกว้างขวางมากสิเนอะ ฉันนัดนายมาดื่มเหล้า แต่นายก็ไม่มา ”
ฉินเฉิงยิ้มและพูดว่า “นายคือนายน้อยหวังเหรอ? ขอโทษด้วย ฉันแพ้แอลกอฮอล์”
“บ้าเอ้ย!” คุณชายหวังระเบิดทันที “นายเป็นถึงจอมยุทธ์ จะแพ้แอลกอฮอล์ได้อย่างไร?”
ฉินเฉิงพูดตอบกลับ “ตอนแรกฉันก็อยากไว้หน้านายนะ ต้องให้ฉันบอกหรือไง? ฉันไม่อยากกินเหล้ากับนาย”
สีหน้าของนายน้อยหวังเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาจึงถามต่อ “ดูเหมือนว่า นายกำลังดูถูกฉันนะ?”
“นายน้อยหวัง ฉินเฉิงไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะหน่อย” หนิงตงพูดออกมา “ทายาทเศรษฐีในจิงตู ใครกล้าดูถูก”
นายน้อยหวังถอนหายใจและกล่าวว่า ” ดีนะ วันนี้ฉันอารมณ์ดี แล้วก็ไว้หน้าหนิงตงด้วย ฉันไม่ใช่คนทั่วไปที่นายรู้จักนะ นายอย่าผยองให้มันมากนัก รู้ไหม?”
ฉินเฉิงกำลังจะพูด หนิงตงก็ลากเขาออกมา
“เขาเป็นคนเอาแต่ใจ พูดกับเขาแค่คำสองคำก็พอ อย่าไปสนใจเขาเลย ” หนิงตงส่ายหัว “ถ้าทำให้เขาโกรธ มันจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับทุกคน”
ฉินเฉิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ขอบคุณมาก”
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหาเรื่อง ดังนั้นถ้าทนได้ก็อดทนไว้
การประมูลจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า เรือสำราญก็พร้อมแล้วเช่นกัน
ฉินเฉิงเหลือบมองไปรอบ ๆ และพบว่ามีคนรวยระดับสูงมากมายบนเรือ บางคนเหมือนเคยเห็นในทีวี
มีเพียงนักต่อสู้บนเรือลำนี้ไม่มากนัก ก็มีบอดี้การ์ดหัวโล้นที่อยู่ข้างนายน้อยหวังที่แข็งแกร่งพอๆกับระดับจอมยุทธ์
“มีคนรวยเยอะแยะขนาดนี้ ถ้าเจอโจรสลัดก็เยี่ยมไปเลย” ฉินเฉิงยิ้ม
หนิงตงส่ายหัวและพูดว่า “คุณดูถูกการประมูลครั้งนี้เกินไปหน่อยแล้ว มีการตรวจมี่เข้มงวดมาก และมีทหารประจำการทุกที่ โจรสลัดที่ไหนกล้ามาที่นี่?”