ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 262 ความกล้าของหยวนเหมิง
สีหน้าของผู้พิทักษ์อาวุโสน่าเกลียดมาก เขากัดฟัน คุกเข่าและพูดออกมาว่า “คุณซู จะไล่ฉันออกไปจากตระกูลซูก็ไม่เป็นไร แต่คุณต้องเชื่อในคำพูดของฉัน! ฉินเฉิงคนนี้ ปล่อยเอาไว้ไม่ได้!”
“ไสหัวไป!” โจวติ่งตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ลูกศิษย์ที่ฉันสอนมาเองกับมือ จะฆ่าฉินเฉิงให้ตายเหมือนกับหมาเลยคอยดู! และตอนนี้ฉันสั่งให้นายไสหัวไป!”
ผู้พิทักษ์อาวุโสมองไปที่ใบหน้าของซูฉีไห่โดยไม่รู้ตัว สายตาของเขามีความคาดหวัง
แต่ซูฉีไห่กลับพูดออกว่า “ตอนนี้นายไม่ใช่คนของตระกูลซูแล้ว ทำไมยังไม่รีบไสหัวไปอีก?”
ผู้พิทักษ์อาวุโสหมดความหวัง เขามองมาที่ซูฉีไห่อยู่นาน และในที่สุดเขาก็ลุกออกไป
“ได้ ฉันไปก็ได้” ผู้พิทักษ์อาวุโสโน้มตัวเพื่อทำความเคารพซูฉีไห่ จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องทำงาน
โจวติ่งหายใจหอบเนื่องจากความโกรธ เขาพูดออกมาว่า “ฉีไห่ หลังจากนี้จะเลือกใครก็ในดูให้ดีๆ ไม่ใช่เลือกมั่วไปหมด”
ซูฉีไห่หัวเราะและพูดออกมาว่า “พี่โจว ทำไมคุณถึงไปโกรธคนไม่รู้ภาษาอะไรอย่างเขาด้วย?”
ในตอนนั้นโจวติ่งถึงสงบลง
……
เรือสำราญยังคงเคลื่อนตัวช้าๆในทะเล และคนส่วนใหญ่เคยชินกับชีวิตแบบนี้ไปแล้ว
และตอนนี้ฉินเฉิงก็ไม่ได้ปรากฎตัวออกมาสามวันแล้ว นี่ทำให้ทุกคนอดสงสัยไม่ได้
“ดูเหมือนว่าฉินเฉิงจะขังตัวเองเอาไว้ในห้อง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่”
“อืม ดูเหมือนว่าเขาน่าจะกำลังฝึกวิชาอยู่ ฉันคาดว่าเขาน่าจะก้าวข้ามขีดจำกัดไปแล้วด้วย”
ชายหัวล้านผู้แข็งแรงซึ่งฟื้นสติของเขาได้พยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “เขาได้รับยาเม็ดทองคำไปจากสัตว์ประหลาดตัวนั้น ถ้าหากเดาไม่ผิด ตอนนี้เขากำลังใช้ยาเม็ดทองคำในการฝึกฝนตนเอง”
เมื่อทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็แอบตกใจออกมาไม่ได้
คนพูดไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังคิด
เมื่อหยวนเหมิงได้ยินแบบนั้น เขาก็กลอกตาทันที
เขาตบไหล่หัวโล้นทันทีและพูดว่า “นายคิดว่าเขาจะฝึกวิชาอีกนานแค่ไหน?”
ชายหัวล้านคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกมาว่า “ถ้าตามปกติที่เราฝึกกันมา การใช้ยาดีๆหนึ่งเม็ดก็จะใช้เวลาอย่างนั้นครึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น แต่ฉินเฉิงอาจจะเร็วกว่านั้น”
“เอ่? ทำไมหละ?” หยวนเหมิงถามออกมา
ชายหัวล้านพูดว่า “ฉินเฉิงเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก ความเร็วของเขาก็ต้องมากกว่าคนอื่นๆเป็นธรรมดา”
“งั้นเร็วที่สุดเท่าไหร่?” หยวนเหมิงถามออกมาด้วยความร้อนใจ
ชายหัวล้านคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดออกมาว่า “ในเมื่อเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ น่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วันมั้ง”
“10 วัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ความชั่วร้ายในจิตใจของหยวนเหมิงก็พุ่งขึ้นมาทันที
สิบวันข้างหน้า เรือสำราญก็เข้าไปเทียบฝั่งแล้ว!
เมื่อถึงเวลานั้นหยวนเหมิงก็กลับไปถึงจิงตูแล้ว แล้วคนอย่างฉินเฉิงจะไปทำอะไรเขาได้?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยวนเหมิงก็อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากของตัวเอง ในสมองของเขาค่อยๆคิดถึงร่างกายอันงดงามของซูวาน
“เหมือนว่าโอกาสจะมาถึงแล้ว…” รอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมาจากใบหน้าของเขา
สองสามวันนี้ ทุกคืนบนเรือสำราญ
ซูวานจะอยู่กับเจียงหลีตลอดเวลา เนื่องจากทั้งสองคนมีอายุใกล้เคียงกัน ดังนั้นพวกเธอจึงมีเรื่องที่คุยกันไม่น้อย
“วานเอ๋อ เธอกับแฟนของเธอยังไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นกันใช่ไหม?” ในตอนนั้นทั้งสองคนนั่งข้างๆหน้าต่างและคุยกันเบาๆ
ซูวานหน้าแดง “พูดอะไรของเธอเนี่ย ก็ต้องไม่เคยอยู่แล้ว”
“เอ๋?” เจียงหลีนำมือมาปอดปากของเธอเอาไว้ “ไม่จริงมั้ง พวกเธอไม่ใช่ว่ารู้จักกันมานานแล้วหรอกเหรอ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ซูวานก็มีท่าทางเขินอายแสดงออกมาให้เห็น ใบหน้าของเธอแดงเหมือนผลแอปเปิลสุก
“พูดอะไรของเธอ?” ในตอนนั้นหยวนเหมิงเดินถือถือแก้วไวน์เดินเข้ามา
“พนักงานเสิร์ฟ เอาไวน์มาให้ฉันอีก 2 แก้ว ฉันจะเลี้ยงไวน์สาวสวยทั้งสองคนนี้” หยวนเหมิงยิ้มและพูดออกมา
ซูวานเหลือยตามองไปที่เขาและพูดออกมาว่า “ทุกอย่างยนเรือลำนี้ฟรีหมด นายจะมาทำแบบนี้ทำไม?”
ในตอนนั้นหยวนเหมิงรูสึกอายขึ้นมาทันที เขาลูบไปที่จมูกของตัวเองและพูดออกมาว่า “รอไว้มีโอกาสที่เธอได้ไปจิงตู ฉันจะเลี้ยงไวน์แดงที่แพงที่สุดกับเธอเอง!”
“พวกเราไปทางโน้นกันเถอะ” ซูวานลุกขึ้นยืน และพาเจียงหลีไปอีกทางหนึ่ง
หยวนเหมิงกระทืบด้วยความโกรธ เขามองไปที่แผ่นหลังของซูวาน กัดฟันและพูดออกมาว่า “รอบฉันจับเธอขึ้นไปบนเตียงก่อนเถอะ จะดูสิว่าเธอยังจะกล้าพูดแบบนี้อีกไหม!”
หลังจากที่งานเลี้ยงเรียบร้อย ทุกคนก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง
ห้องของซูวานกับเจียงหลีอยู่ติดกัน
ฉินเฉิงได้ฝึกวิชาของเขาในห้องที่ใกล้กับทะเลมาที่สุด ส่วนทางด้านของซูวานอยู่ห้องสวีท
พอตกกลางคืน ท้องทะเลก็เงียบมาก
ในล็อบบี้ของเรือสำราญยังมีผู้คนมากมายเพลิดเพลินกับสถานบันเทิงยามค่ำคืน
“ไม่ไหวแล้ว พี่ชาย ผมดื่มเยอะเกินไปแล้วจริงๆ ผมขอตัวก่อน” หยวนเหมิงแกล้งทำเป็นว่าตัวเองเมา โบกมือและพูดออกมา
หลังจากที่ออกไปจากตรงนั้น หยวนเหมิงก็เดินตรงไปที่ห้องนอนของซูวาน
เขายืนอยู่ที่หน้าประตูและค่อยๆหยิบกุญแจออกมา
เขาซื้อกุญแจนี้จากผู้ดูแลระบบในราคาหนึ่งแสนหยวน จุดประสงค์ของเขาคือต้องการที่จะเข้าห้องของซูวาน
ร่องรอยของความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยวนเหมิง เมื่อเขานึกถึงเรือนร่างของซูวาน หัวใจของเขาก็พองโต!
หลังจากนั้นหยวนเหมิงก็ค่อยๆเสียบลูกกูญแจเข้าไปและบิดมันเบาๆ
“แกร๊ก!”
“เปิดได้แล้ว!” หัวใจของหยวนเหมิงเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องและล็อคประตูอย่างรวดเร็ว
การรับรู้ต่อเสียงของซูวานนั้นดีมาก เมื่อเธอได้ยินเสียงก็รีบลืมตาขึ้นทันที
หลังจากนั้นเธอก็ค่อยๆลุกขึ้น จ้องมองไปที่ประตูด้วยสายตาที่เย็นชา
ไม่นานหยวนเหมิงก็บุกเข้ามา!
เขามองมาที่ซูวานด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ซูวาน เธอยังไม่นอนเหรอ?”
ซูวานหรี่ตาลงและถามกลับไปว่า “ใครอนุญาตให้นายเข้ามา?”
หยวนเหมิงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “คนอย่างฉันหยวนเหมิง อยากเข้าไปที่ไหนต้องมีคนอนุญาตด้วยเหรอ?”
เขาแขว่งกุญแจที่อยู่ในมือ และพูดออกมาด้วยความภาตภูมิใจว่า “บนโลกใบนี้ไม่มีของสิ่งใดที่เงินซื้อไม่ได้!”
“นายคิดจะทำอะไร?” ซูวานขมวดคิ้วและถามออกไป และก็ค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียง
เมื่อแสงจันทร์ส่องมาที่เรือนร่างของซูวาน ยิ่งทำให้จิตใจของคนหวั่นไหว!
หยวนเหมิงกลืนน้ำลาย เขาพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆว่า “หยวนเหมิง เธอจะไปอยู่กับขยะอย่างฉินเฉิงนั้นทำไม? ฉันก็รู้แหละว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถ แต่ในอนาคตก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะยิ่งใหญ่ ทำไมเธอจะต้องไปรอคนอย่างเขาด้วย?”
“สู้มาอยู่กับฉันไม่ดีกว่าหรือไง ฉันเป็นถึงลูกชายของตระกูลที่ร่ำรวย! ขอแค่เธอมาอยู่กับฉัน สมบัติของตระกูลหยวนก็จะเป็นของเธอ!” หยวนเหมิงกลืนน้ำลายอย่างบ้าคลั่ง
ซูวานอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เธอมองไปที่หยวนเหมิงและพูดออกมาว่า “หยวนเหมิง นายนี่กล้าไม่เบา นายไม่กลัวฉินเฉิงจะฆ่านายเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันได้ยิมมาแล้วว่าฉินเฉิงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ถึงจะฝึกวิชาเสร็จ เมื่อถึงเวลานั้นฉันก็กลับถึงบ้านแล้ว! หรือว่าฉินเฉิงคนนี้จะกล้าตามไปหาฉันที่บ้านที่จิงตู? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันรับประกันว่าเขาไม่มีทางจะได้กลับไปแน่!” หยวนเหมิงพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
เขาเหลือบมองไปที่ห้องถัดไปและยิ้ม “หรือว่าฉินเฉิงจะอยู่ในห้องข้างๆ? ฮ่าฮ่า ซูวาน เธอลองคิดดู ว่าถ้าหากฉันรังแกเธอต่อหน้าเขา มันจะไม่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างนั้นเหรอ…..”