ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 267 ตัวอักษรบอกชีวิต
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง
เกือบครึ่งเดือน ที่ฉินเฉิงกลั่นยาจำนวนมหาศาล
ยาเหล่านี้เป็นยาสูตรลับที่ฉินเฉิงคิดค้น เขาใช้วิธีลับในการทำเครื่องหมายบนเม็ดยา เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมของฉินเฉิง
แม้ว่าวิธีลับนี้จะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อเสียอยู่คือ ใช้ไม่ได้กับพวกจอมยุทธ
แน่นอน ฉินเฉิงไม่ต้องการให้พวกเหล่าจอมยุทธ สิ่งที่เขาต้องการคือสร้างความสัมพันธ์กับคนเหล่านี้ เพื่อหาอำนาจและความมั่งคั่งของพวกเขา
ด้วยวิธีนี้ถึงจะต่อสู้กับตระกูลซูที่คอยบีบบังคับคุณปู่ซู!
ในเหยียนเซี่ย ไม่มีตระกูลใหญ่ยิ่งใหญ่ไปกว่ากัน
และไม่มีตระกูลไหนที่รับมือได้เพียงลำพัง ถ้าพวกเขาอยู่ข้างฉินเฉิง ไม่ต้องพูดถึงตระกูลซู พวกสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะค่อยๆเลือนหายไป !
“เห้อ” ฉินเฉิงมองดูเม็ดยา และอดไม่ได้ที่จะชื่นชมผลงานของเขา
ด้วยยาเม็ดชุดนี้ ฉินเฉิงก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปจิงตูแล้ว
แต่ก่อนออกเดินทาง ฉินเฉิงวางแผนที่จะไปโรงเรียน เพื่อหาฉูเสี่ยวจิงน้องสาวของฉูเป่ยชวน
ฉูเป่ยชวนให้ความสำคัญกับน้องสาวคนนี้ เขาไม่อยู่ ฉินเฉิงย่อมต้องรับผิดชอบ
วันนี้เป็นวันเสาร์ ฉินเฉิงคำนวณเวลา และวางแผนที่จะไปรับเธอที่โรงเรียนในตอนเย็นและพาเธอออกไปเที่ยว
ฉินเฉิงก็เรียกซูวานออกมา แต่ไม่มีใครตอบ
“วานเอ๋อ?” ฉินเฉิงเรียกซ้ำ ก็ยังไม่เห็นเงาของซูวาน แต่เห็นจดหมายวางบนโต๊ะ
“แปลกจัง” ฉินเฉิงบ่น แล้วหยิบซองออกมาเปิด
ซองจดหมายเขียไว้ว่า ฉันออกไปทำธุระ ไม่ต้องห่วง
ฉินเฉิงมวดคิ้ว ตอนแรกจะโทรไปถาม แต่เมื่อคิดถึงความลึกลับของซูวานตอนนี้ ฉินเฉิงก็ได้แต่ส่ายหัว
ในตอนบ่ายฉินเฉิงขับรถไปโรงเรียนสาธิต
รถของเขาดูหรูหรา ทำให้นักเรียนหลายคนหยุดมอง
ประมาณสิบนาทีต่อมาฉูเสี่ยวจิงก็เดินออกมา
“เสี่ยวจิง!” ฉินเฉิงลงจากรถและเรียกฉูเสี่ยวจิง
ฉูเสี่ยวจิงมองที่ฉินเฉิง เธอยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ฉินเฉิง!”
ฉินเฉิงเดินเข้ามา ลูบหัวเธอด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง”
ฉูเสี่ยวจิงกล่าวว่า “ก็ดี แต่ช่วงนี้เรียนค่อนข้างเครียด คงต้องตั้งใจมากกว่านี้ !”
ทั้งสองเดินไปคุยไป ฉินเฉิงถามต่อว่า “จะสอบเข้ามหาลัยไหน?”
สีหน้าของฉูเสี่ยวจิงมุ่งมั่น เธอตอบกลับมา “ฉันอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยจิงตู!”
“ดีเลย” ฉินเฉิงลูบหัวของเธอ “ขึ้นรถกันเถอะ”
ฉูเสี่ยวจิงกับฉูเป่ยชวนมีบุคลิกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉูเป่ยชวนเป็นคนโผงผาง ส่วนฉูเสี่ยวจิงเป็นเด็กที่มีเรียบร้อย
“พี่จะพาเธอไปกินข้าวเย็นก่อน แล้วอยากไปเที่ยวที่ไหนต่อไหม ” ฉินเฉิงยิ้มพลางขับรถไป
ฉูเสี่ยงจิงก้มหน้าลง “ขอบคุณ พี่ฉินเฉิง!”
ฉินเฉิงเลือกร้านอาหารตะวันตกระดับชั้นนำ ฉูเสี่ยงจิงไม่เคยไปที่นั่นและดูเหมือนจะประหม่าเล็กน้อย
แต่ความสามารถในการปรับตัวนั้นไวมาก
หลังจากทานอาหารเสร็จ ฉินเฉิงก็พาฉูเสี่ยวจิงไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อเลือกเสื้อผ้า และซื้อ iPhone ให้กับเธอ
“อยากไปที่ไหนอีกไหม” ฉินเฉิงยิ้ม
ฉูเสี่ยวจิงกำลังจะพูด จากนั้นเธอก็ยิ้มและส่ายหัวและพูดว่า: “ไม่มีแล้วค่ะ วันนี้ฉันมีความสุขมาก ขอบคุณพี่ฉินเฉิงนะคะ!”
ฉินเฉิงลูบหัวของเธอและพูดว่า “อยากไปที่ไหนในปินโจวก็บอกมากได้เลย”
หลังจากพูดเช่นนี้ออกไป ฉินเฉิงก็ตะลึง
ประโยคนี้ ซูวานเคยบอกกับฉินเฉิง
“ฉันอยากไปนิทรรศการเขียนพู่กันจีน ฉันได้ยินมาว่ามีอาจารย์หลายคนมา อาจารย์เว่ยชุนก็มา” ฉูเสี่ยวจิงกล่าว
“เว่ยชุน?” ฉินเฉิงประหลาดใจ เขาคุ้นเคยกับชื่อนี้มาก เพราะฉินเฉิงตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็ชอบเขียนพู่กันจีนเช่นกัน แถมได้รับรางวัลด้วย
น่าเสียดายที่หลังจากไม่อยู่กับตระกูลหลิน ก็ไม่เคยได้แตะอีกเลย
เว่ยชุนเป็นนักเขียนพู่กันจีนที่มีชื่อเสียงในในเหยียนเซี่ย และในระดับโลก
“ชอบเขียนพู่กันจีนไหม” ฉินเฉิงถาม
ฉูเสี่ยวจิงพยักหน้าและพูดว่า: “ฉันชอบมันมาก! อาจารย์เว่ยเป็นไอดอลของฉัน!”
“เยี่ยมมาก” ฉินเฉิงหัวเราะ
เป็นเรื่องแปลก ด้วยอายุที่ยังน้อยของฉูเสี่ยวจิง ควนที่จะชอบดารา แต่กลับมาชอบการเขียนพู่กันจีน
“ถ้าจะไปเดี๋ยวพี่พาไป” ฉินเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้น ฉินเฉิงถามที่จัดงาน จากนั้นก็กลับรถ และไปนิทรรศการเขียนพู่กันจีน
มีการเชิญนักเขียนพู่กันจีนมาจากทุกคนจากสมาคมพู่กันจีนในปีนัง ทุกคนที่เข้าร่วมงานล้วนอยากมาดูผลงานของอาจารย์เว่ยชุน
หลังจากที่ฉินเฉิงจอดรถ เขาก็พาฉูเสี่ยวจิงเข้าไปที่จัดงาน
สมาคมพู่กันจีนเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมและไม่ต้องใช้ตั๋วใดๆ แต่ถึงอย่างนั้น คนก็ไม่มากนักทั้ง ทั้งห้องมีคนแก่รวมตัวกันมากมาย
มีโต๊ะจำนวนมาก บนโต๊ะก็จะมีหมึก กระดาษเขียนพู่กัน พู่กัน และชิ้นงานบางส่วนจากสมาคมพู่กันจีน
ตรงกลางงาน มีผลงานของอาจารย์เว่ยชุนจัดไว้
“ว้าว นี่มันเป็นผลงานของอาจารย์เว่ยชุน!” ฉูเสี่ยวจิงตะโกนอย่างตื่นเต้น
ฉินเฉิงชื่นชอบเช่นกัน แต่เขาเก็บอาการไว้ไม่ตื่นเต้นเท่ากับเธอ
“ถ้าคุณอยากเขียนให้ดี ต้องสงบนิ่งและละเอียดอ่อน” ฉินเฉิงกล่าว “การเขียนพู่กันจีนมันก็มีหลักของมัน”
จิตใจยิ่งสงบยิ่งเขียนได้ดี แต่ถ้าใจร้อนต้องมีมีฝีมือถึงจะเขียนได้ดี
ดังนั้น ตัวอักษรที่เขียนไว้ได้ดีต้องใช้ระยะเวลา
“ไม่แปลกใจเลยที่ฉันเขียนเสร็จแล้วจะไม่ชอบผลงานของฉัน!” ซูเสี่ยวจิงครุ่นคิด จากนั้นเธอก็ยิ้มหวาน “ฉันรู้แล้วค่ะ พี่ฉินเฉิง!”
“อายุเท่าเธอ ยังไม่ต้องสงบขนาดนั้นก็ได้” ฉินเฉิงกล่าว
หลังจากนั้น ทั้งสองก็เดินไปที่อีกโต๊ะ ค่อยๆชื่นชมผลงาน
“อันนี้ไม่ค่อยโอเคเลย” ฉินเฉิงเดินไปอธิบายไป “เห็นไหม ว่างานของเขาแม้ดูสมบูรณ์แบบ แต่จริงๆ แล้วยังขาดบางองค์ประกอบไป”
“ว้าว พี่ฉินเฉิงเขียนพู่กันจีนเป็นด้วยเหรอ?” ฉูเสี่ยวจิงกล่าวด้วยท่าทางประหลาดใจ
ฉินเฉิงยิ้มและพูดว่า “ฉันเคยเรียนมาหน่ะ”
“ถ้าไม่มีความรู้ ยังกล้าที่จะมาพูดลอยๆ”
ในขณะนั้น ชายชราที่มีเคราสีขาวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เย็นชา