ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 289 ความวิตกกังวลของหยานรัวหยู
หยานรัวหยูผงะไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเธอก็กรีดร้องออกมา!
“อ๊ายยยยย…!!” หยานรัวหยูพยายามอย่างเต็มที่ในการบดบังร่างกายของตนเอง จากนั้นพูดก็พูดออกมาด้วยความกลัวว่า “นาย….นายเป็นใคร! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่!”
ฉินเฉิงหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ฉันเห็นว่าที่ใต้น้ำแห่งนี้มีสมบัติอยู่เลยกระโดดลงมาดูสักหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีสมบัติอยู่จริงๆ!”
สีหน้าของหยานรัวหยูเปลี่ยนไปทันที เธอพูดออกด้วยความโกรธว่า “พูดแบบนี้ก็แสดงว่า นายเป็นคนขโมยแก่นแท้ของพลังวิญญาณไป?”
ฉินเฉิงพยักหน้า “ใช่ ต้องบอกเลยว่าถึงแม้แก่นแท้ของพลังวิญญาณนี้จะยังไม่ค่อยสมบูรณ์สักเท่าไหร่ แต่ว่าพลังของมันไม่ธรรมดาเลยที่เดียว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหยานรัวหยูก็ร้องออกมาทันที
“เอ๋ อย่าบอกนะว่าคุณกำลังร้องไห้อยู่?” ฉินเฉิงทำอะไรไม่ถูก เขาจึงหันกลับไปอีกครั้งและเห็นร่างที่เปลือยเปล่าของหยานรัวหยู
ตอนนี้หยานรัวหยูไม่ได้หวงร่างกายของเธอแล้ว เธอมองมาที่ฉินเฉิงด้วยความโกรธและพูดออกมาว่า “นายรู้ไหมว่านั้นมันคือความพยายามที่ฉันสะสมมากว่า 10 ปี! แต่ตอนนี้มันถูกนายทำลายไปหมดแล้ว!”
พูดจบเธอก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
ฉินเฉิงเกาหัว และพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิดว่า “พูดแบบนี้ก็แสดงว่า เธอเป็นเจ้าสำนักหลิงตง?”
หยานรัวหยูไม่ได้ตอบคำถาม ออร่าในร่างกายของเธอแข็งแกร่งขึ้นทันทีและดวงตาคู่นั้นของเธอก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ฉันจะฆ่านาย!” หยานรัวหยูตะโกนออกมา เธอพุ่งเข้าหาฉินเฉิงทันที!
ฉินเฉิงหายแวบไปในพริบตา จากนั้นก็จับไปที่ข้อมือของหยานรัวหยู
หยานรัวหยูพยายามจะดิ้นออกมา แต่ด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฉิงแล้วต่อให้ดิ้นในตายก็ไม่มีทางหลุดออกมาได้!
นี่ทำให้หยานรัวหยูตกใจมาก ต้องรู้ก่อนว่าเธอเป็นถึงจอมยุทธระดับหนึ่ง ทั้งประเทศนี้ถือได้ว่าเธออยู่ในระดับต้นๆ!
แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้ เธอก็พบว่าเธอทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด!
“ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว” ฉินเฉิงพูดออกมา “ตอนนี้พวกเราอยู่ใต้น้ำ ความแข็งแกร่งของเธอลดลงมาก และเธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
“พวกเราก็อยู่ใต้น้ำเหมือนกัน มันแตกต่างกันตรงไหน?” หยานรัวหยูถามออกมา
ฉินเฉิงยิ้มและตอบกลับไปว่า “แรงดันใต้น้ำนี้มหาศาล แต่สำหรับฉันแล้วมันไม่มีผลกระทบอะไรเลย แต่กับเธอนั้นไม่เหมือนกัน”
หยานรัวหยูกัดฟันและพูดออกมาว่า “ถ้ามีความสามารถนักก็ฆ่าฉันเลย ไม่อย่างนั้นถ้าหากขึ้นไปด้านบนได้ ฉันจะต้องฆ่านายแน่!”
“เธอคิดมากไปแล้ว” หยานรัวหยูยิ้มออกมา “ถึงต่อให้ขึ้นไปอยู่บนบก เธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
เมื่อหยานรัวหยูได้ยินแบบนั้นเธอก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที
เธอจ้องมาที่ฉินเฉิงด้วยดวงตาแห่งความโกรธ ดวงตาของเธอมีสีแดงก่ำ
เนื่องจากตอนนี้อยู่ใต้น้ำ ฉินเฉิงจึงมองไม่เห็นน้ำตาของเธอ แต่ในความเป็นจริงเธอกำลังร้องไห้อยู่
“เห้อ” ฉินเฉิงถอนหายใจ “เธอวางใจเถอะ ฉันจะชดเชยให้”
“ชดเชย? นายจะเอาอะไรมาชดเชย?” หยานรัวหยูตะโกนออกไปสุดเสียง
ฉินเฉิงพลิกฝ่ามือออกมา จากนั้นต้นเชียนเทียนก็ปรากฎอยู่ในมือของเขา
“นี่คือที่มาของพลังวิญญาณของบ่อน้ำพุแห่งนี้” ฉินเฉิงพูดออกมา “ด้วยสิ่งนี้ บ่อน้ำพุแห่งนี้จึงมีอะไรที่ต่างออกไป”
หยานรัวหยูผงะ เธอมองมาที่ฉินเฉิงด้วยความตกใจ “ของที่อยู่ใต้น้ำแห่งนี้ นาย…นายเอามันออกมาแล้ว?”
“อืม” ฉินเฉิงพยักหน้า
สีหน้าของหยานรัวหยูเต็มไปด้วยความตกใจ ต้องรู้ก่อนว่าเธอใช้วิธีการมากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปในสุดแดนของใต้น้ำแห่งนี้ได้! แค่ของที่ถูกซ่อนเอาไว้เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร!
“นายทำได้ยังไง?” หยานรัวหยูถามออกมาด้วยความตกใจ
ฉินเฉิงหัวเราะและพูดออกมาว่า “ถ้าพูดตามตรง ถ้าหากฉันไม่มาที่นี่ พวกเธอก็ไม่มีวันนำของสิ่งนี้ออกมาได้ และถ้าปล่อยให้อยู่แบบนี้ต่อไปคงเสียของแย่”
“เพื่อที่จะชดเชยให้เธอ ฉันสามารถให้เธอใช้ต้นเชียนเทียนนี้ในการบรรลุได้” ฉินเฉิงพูดออกมา
บรรลุ คำนี้อาจดูแปลกๆในโลกศิลปะการต่อสู้ แต่ในโลกของพวกที่ใช้ยาอายุวัฒนะนั้น มันเป็นคำที่ชินหูเลยก็ว่าได้
ในพลังของคนคนหนึ่งนั้นมันมีขีดจำกัดอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็ต้องการที่จะข้ามขีดจำกัดของตนเองไป
และก็ไม่รู้ว่ามีคนมากมายแต่ไหนที่พยายามไปให้ถึงจุดนั้นแต่ว่าพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จสักที เหตุผลนั้นก็เป็นเพราะขีดจำกัดมันไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขได้
และต้นเชียนเทียนนี้ก็เป็นวัตถุดิบที่ดีในการข้ามแก้ไขขีดจำกัด
ดวงตาของหยานรัวหยูมีแสงประกายออกมาโดยไม่รู้ตัว
แต่ในไม่ช้าแสงนั้นก็ค่อยๆหายไป
“ทำไม ไม่เห็นด้วย?” ฉินเฉิงพูดออกมา “แก่นแท้ของพลังวิญญาณที่เธอสะลมเอาไว้ มันเทียบไม่ได้กับต้นเชียนเทียนนี้เลยด้วยซ้ำ”
หยานรัวหยูจ้องไปที่ฉินเฉิงด้วยสีหน้าที่ขมขื่นและกล่าวว่า “มันสายเกินไปแล้ว! ฉันต้องการใช้พลังของแก่นแท้ของพลังวิญญาณเพื่อมาข้ามขั้นพลังของฉัน แต่ตอนนี้มันถูกนายใช้ไปจนหมดแล้ว ตอนนี้ฉันหมดโอกาสไปแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไร?” ฉินเฉิงถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับนาย!” หยานรัวหยูกัดฟันและพูดออกมา “ปล่อยฉัน!”
ฉินเฉิงปล่อยมือทันทีและพูดออกมาว่า “ถ้าหากเธอยังไม่พอใจ ฉันสามารถมอบยาเม็ดวิญญาณให้เธออีกก็ได้”
หยานรัวหยูไม่ได้พูดอะไร เธอขยับร่างกายเหมือนนางเงือกและว่ายขึ้นไปด้านบน
ฉินเฉิงเองก็ไม่รอช้า เขาก็รีบว่ายขึ้นไปด้านบน
“ไม่รู้ว่าครั้งนี้เจ้าสำนักจะใช้เวลาฝึกฝนนานแค่ไหน”
“มากที่สุดก็ได้แค่หนึ่งคืน เพราะมีเวลาเหลือแค่หนึ่งคืนเท่านั้น”
เหล่าผู้อาวุโสพูดคุยกัน สายตาของพวกเขาดูเคร่งขรึมมาก
และในตอนนั้นหยานรัวหยูก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำ
“ท่านเจ้าสำนัก?” เหล่าผู้อาวุโสตกใจมาก “ทำไมเร็วขนาดนี้?”
หยานรัวหยูยังไม่ทันตอบอะไร ฉินเฉิงก็โผล่ตามขึ้นมา
เหล่าผู้อาวุโสมองหน้ากัน
ทำไม…ทำไมถึงมีผู้ชายขึ้นมาด้วย?
“นายเป็นใคร?” เหล่าผู้อาวุโสรีบถามออกมาทันที พวกเขาก้าวออกมาขวางทางของฉินเฉิงเอาไว้
ฉินเฉิงไม่ได้สนใจพวกเขา เขามองไปที่หยานรัวหยูและตะโกนออกมาว่า “บอกมาหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถ้าหากฉันทำอะไรให้เธอลำบากจริงๆ งั้นฉันก็ต้องขอโทษด้วย….”
หยานรัวหยูพ่นลมหายใจออกมา เธอสวมเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินออกไป
ฉินเฉิงถอนหายใจ จากนั้นก็พึมพำออกมา “อยู่ที่นี่ต่ออีกสักคืนดีกว่า จะได้เอาเวลามาศึกษาต้นเชียนเทียนด้วย”
“นายเป็นใครกันแน่!” เหล่าผู้อาวุโสถามออกมาด้วยความโกรธ เมื่อเห็นว่าฉินเฉิงไม่ยอมตอบคำถาม พวกเขาก็เข้ามาจู่โจมทันที!
“ตู้มมม!”
หลังจากที่หมัดของพวกเขาสัมผัสกับร่างกายของฉินเฉิง ฉินเฉิงไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด แต่กลับนั้นข้อมือของพวกเขากลับได้รับบาดเจ็บกันทุกคน!
ฉินเฉิงเหลือบตามองไปที่พวกเขา ยิ้มและพูดออกมาว่า “พวกนายยังเป็นแค่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่เลย ไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอก หลบไป”
ทุกคนมองหน้ากัน จากนั้นก็ตะโกนออกมาว่า “ลองดูพลังของฉันหน่อยแล้วกัน!”
“น่ารำคาญ” ฉินเฉิงโบกมือ จากนั้นก็ปล่อยพลังออกไป
ก่อนที่เหล่าผู้อาวุโสเหล่านั้นจะใช้กำลัง พวกเขาก็ถูกทำให้หมดสติไปเสียก่อนแล้ว
ฉินเฉิงเดินออกไปที่ลานของสำนักหลิงตง โชคดีที่มีห้องว่างอยู่หลายห้อง ฉินเฉิงจึงเลือกมาหนึ่งห้องและเข้าไปพัก
ในเวลานี้หยานรัวหยูกำลังนั่งอยู่ในห้องด้วยใบหน้าเศร้า
เธอยืนขึ้นมาอยู่ข้างหน้าต่าง แสงจันทร์ส่องมากระทบที่ร่างกายของเธอ เธอพึมพำออกมาว่า “หรือว่าฉันจะต้องแต่งงานกับเจ้าสำนักหวงจริงๆ?”
ในระหว่างที่เธอกำลังคิดแบบนั้น ใบหน้าของเจ้าสำนักหวงก็โผล่ขึ้นมาทันที ทำให้หยานรัวหยูรู้สึกกระอักกระอ่วน
“หรือว่า…จะให้เจ้าหนุ่มคนนั้นมาช่วยดี?” หยานรัวหยูคิดถึงฉินเฉิงขึ้นมาทันที แต่ความคิดนี้ของเธอก็ถูกลบไปทันที
เจ้าสำนักหวงได้รับการสนับสนุนจากฉื่อหยาน และฉื่อหยานก็เป็นตระกูลที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลซู
ในมุมมองของหยานรัวหยู ฉินเฉิงไม่มีทางกล้าที่จะรุกรานคนของฉื่อหยาน รวมถึงคนตระกูลซูด้วย