ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 297 ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
สีหน้าของเจ้าสำนักหวงก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
กำไลข้อมือเพชรพระสูตรนี่! มันพึ่งจะพ่ายแพ้! แม้แต่กำไลเองก็ยังถูกคนอื่นเอาไปด้วย!
ฉินเฉิงลูบไปที่กำไลข้อมือแล้วพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า: “กำไลข้อมือนี้เป็นของดี แต่น่าเสียดายที่มันแตก ถ้าสามารถซ่อมแซมได้ มันจะกลายเป็นอาวุธที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอย่างแน่นอน”
เจ้าสำนักหวงที่อยู่ไม่ไกลก็กัดฟัน เค้าหันหลังแล้วคิดที่จะวิ่งหนี
แต่ฉินเฉิงก็ใช้วิชาย่นระยะทาง ความเร็วของเค้ามันก็เร็วมาก ภายในเวลาแค่ชั่วพริบตา เค้าก็เข้ามาถึงตัวของเจ้าสำนักหวงในทันที
ด้วยคลื่นจากฝ่ามือนี้เอง เค้าก็ตบจนเจ้าสำนักหวงกระเด็นออกไปในทันที!
เจ้าสำนักหวงถูกทุบตีจนใบหน้าของเค้ามันเต็มไปด้วยเลือด เค้าร้องของความเมตตาอย่างสยดสยอง: “ฉินเฉิง เจ้าสำนักฉิน ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ผมยังไม่อยากตาย … ”
“ไม่อยากตายเหรอ?” ฉินเฉิงเยาะเย้ย “ไม่อยากตายแล้วมาที่นี่ทำไม?”
“ผม…ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ไปผมจะไม่ล่วงเกินสำนักฉินอีก! ไม่ ไม่ ชีวิตนี้ผมจะไม่มาเหยียบที่เมืองหยินอีกเลย ยกโทษให้ผมเถอะนะครับ!” เจ้าสำนักหวงอ้อนวอนร้องขอความเมตตา
“ในสำนักของผมมีทรัพย์สินมากมายหลายสิบล้านแล้วก็ยังมีทองคำฝังอยู่ใต้ดิน ทั้งหมดนี่ผมจะยกให้คุณ!”
ฉินเฉิงเยาะเย้ยแล้วพูดว่า: “ฆ่าแกแล้ว ฉันก็ได้มันเหมือนกันหนิ”
หลังจากพูดจบ ฉินเฉิงก็เหวี่ยงฝ่ามือพร้อมแสงสีทองของเค้าขึ้นไปในทันที มันทุบเข้าไปที่หัวของฉินเฉิงโดยตรง!
ลูกศิษย์ของสำนักอูยาก็มองหน้ากัน พวกเค้าต้องการหนี แต่ก็หนีไม่พ้น พวกเค้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ในตอนนี้เอง สายตาของฉินเฉิงก็กวาดมองไปที่ทุกคน
“ฉิน…ท่านเจ้าสำนักฉิน นี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย…” ในตอนนี้เอง ก็มีใครบางคนที่พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
ฉินเฉิงเงียบไปซักพักแล้วพูดว่า: “ฉันจะให้พวกแกเลือกแค่สองทางเท่านั้น ถ้าหากว่าพวกนายต้องการไป ฉันก็จะไม่ขวาง แน่นอน พวกนายสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมกับสำนักฉินได้”
เมื่อได้แบบนี้ คนส่วนมากก็เตรียมที่จะจากไป
“คนที่อยู่จะได้รับส่วนแบ่งจากทรัพย์สินของเจ้าสำนักหวง” ฉินเฉิงก็พูดเสริมขึ้นมาอีกประโยค
หลังจากได้ยินประโยคนี้ ทุกคนที่กำลังจะจากไปก็หยุด
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา นี่ก็ไม่รู้เลยว่าเจ้าสำนักหวงสามารถทำเงินได้แล้วเท่าไหร่กัน ถ้าหากว่าพวกเค้าได้รับส่วนแบ่งนี้ มันคงจะเป็นจำนวนเงินมหาศาล!
“พวกเรายินดีที่จะเข้าร่วมกับสำนักฉิน!” ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนแรกที่ตะโกนขึ้นมา จากนั้นคนอื่นๆก็เดินตามเสียงตะโกนเข้ามาจนแน่น
ฉินเฉิงพอใจเล็กน้อย เขายิ้มแล้วพูดว่า: “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกนายทั้งหมดจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของรองเจ้าสำนักหยาน หยานรัวหยู!”
“ครับ! ท่านเจ้าสำนัก!” ฝูงชนก็คุกเข่าลงแล้วโค้งคำนับให้หยานรัวหยูสามครั้ง
หยานรัวหยูไม่เคยเห็นฉากนี้มาก่อน เธอเอามือปิดปากแล้วตกตะลึงอยู่ซักพัก
ฉินเฉิงเดินเข้าไปหาเธอแล้วพูดว่า: “สำนักฉิน ตอนนี้ก็เป้นหน้าที่ของเธอแล้วนะ”
หยานรัวหยูกลับมาได้สติอีกครั้ง เธอร้องอ๊าแล้วพยักหน้าอย่างแรง
“ฉันจะเอากำไลข้อมือเพชรพระสูตรนี่ไป” ฉินเฉิงจับไปที่กำไลข้อมือเพชรพระสูตรแล้วพูดว่า “ถ้าวันหนึ่งฉันสามารถซ่อมแซมมันได้ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะมอบมันให้กับเธอ ให้มันเป็นสมบัติของสำนักฉินต่อไป”
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก!” หยานรัวหยูรีบพยักหน้าขึ้นมา
หลังจากนั้น ภายใต้การนำของหยานรัวหยู เธอพาตัวทุกคนไปที่สำนักอูยาแล้วแบ่งบันทรัพย์สินของเจ้าสำนักหวง
แต่ฉินเฉิงยังคงยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของสำนักฉิน เค้ามองดูพื้นที่รอบๆอยู่อย่างเงียบๆ
“ต้นเชียนเทียน กำไลเพชรพระสูตร บ่อน้ำพุร้อนแห่งจิตวิญญาณล้วนอยู่ที่เดียวกัน” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “หรือว่าที่นี่มันจะเคยเป็นสำนักยุทธ์โบราณ?”
ของมีค่าจำนวนมากมาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรวมกันอยู่ที่เดียวกัน เว้นเสียแต่อย่างที่ฉินเฉิงคิดเอาไว้ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสำนักมาก่อน ต่อมามันก็เสื่อมไปแล้วทรัพย์สินทั้งหมดก็จมอยู่ที่นี่
ฉินเฉิงยืนอยู่ที่นี่ ในใจของเค้า เค้าก็กำลังคิดอะไรหลายอย่าง
แต่ในท้ายที่สุด เค้าก็ไม่สนใจอะไรกับมัน ไม่ว่ามันจะเป็นสำนักยุทธ์โบราณหรือไม่ก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของฉินเฉิง มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสำรวจมัน
“ถ้าเป็นสำนักยุทธ์โบราณจริงๆ สำนักยุทธ์โบราณแห่งนี้อาจเคยครอบครองเมืองหยินทั้งหมดนี่” ฉินเฉิงถอนหายใจออกมา
วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ในวันนี้ฉินเฉิงก็วางแผนที่จะออกจากเมืองหยินแล้วกลับไปที่มณฑลปินโจว
หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมงต่อมา หยานรัวหยูก็กลับไปที่สำนักฉิน
“จัดการเสร็จแล้วเหรอ?” ฉินเฉิงก็ถามขึ้นมา
หยานรัวหยูก็เอนหลังแล้วพูดว่า: “เจ้าสำนักหวงมีทรัพย์สินทั้งหมดเกือบร้อยล้านชิ้น พวกมันทั้งหมดถูกแบ่งแล้ว”
ฉินเฉิงพยักหน้า เค้าลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ฉันควรจะกลับไปฉลองปีใหม่แล้ว”
“จะกลับแล้วเหรอ?” หยานรัวหยูก็พูดขึ้นมาอย่างเงียบๆ
ฉินเฉิงก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “แน่นอนปีใหม่ฉันก็ต้องกลับบ้านสิ”
หยานรัวหยูก็กัดริมฝีปากของเธอ มันดูราวกับว่าเธอมีอะไรอยากจะพูด
“ฉันไปหละ” ฉินเฉิงหยิบต้นเชียนเทียนกับกำไลเพรชพระสูตรมา จากนั้นเค้าก็เตรียมที่จะจากไป
“ช้าก่อน!”
ในตอนนี้เอง หยานรัวหยูก็ตะโกนเรียกฉินเฉิง
เธอกัดริมฝีปากแล้วพูดด้วยความสับสนขึ้นมาว่า: “ท่านเจ้าสำนัก ฉัน… ขอกลับไปฉลองปีใหม่กับคุณด้วย จะได้ไหม?”
ฉินเฉิงตกตะลึง เค้าส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ไม่ได้”
หยานรัวหยูก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาอย่างขมขื่น เค้าปฎิเสธโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ
“เอาหละดูแลตัวเองดีๆ” ฉินเฉิงพูดออกมาแบบนี้ จากนั้นเค้าก็ออกจากสำนักฉินไป
การกลับไปคราวนี้ ฉินเฉิงกำลังจะเผชิญหน้ากับซูหยู่ มันก็บอกไม่ได้เลยว่าเค้ากำลังจะแพ้หรือชนะ
ทุกเทศกาลวันหยุด ฉินเฉิงก็ทำแบบเดียวกัน ในความคิดของเค้ามันมีหลายคนที่เค้ากำลังคิดถึง: ซูวาน นายท่านซู นายท่านหลินและพ่อของเค้า
“ไม่รู้เลยว่าแม่ของฉันหน้าตาเป็นยังไงกัน” ฉินเฉิงก็คิดขึ้นมาในใจ “ฉันหล่อมากขนาดนี้ คิดๆดูแล้วแม่ของฉันจะต้องสวยมากแน่ๆ”
…
หลังจากมาถึงสนามบิน รถบัสสนามบินก็พักกลับบ้านไปฉลองปีใหม่กันหมดแล้ว
ฉินเฉิงคิดอยู่ครู่ซักพักหนึ่ง จากนั้นเค้าก็โทรหาจินฮู่เพื่อให้มารับตัวเอง
แต่เค้าโทรไปสามสายก็ไม่มีใครรับเลย
ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
“ไอ่จินฮู่นี่มันไปไหนของมัน?” ฉินเฉิงบ่นขึ้นมา จากนั้นเค้าก็ไม่โทรบอก
ในตอนนี้เอง คนขับรถแท็กซี่ก็ขับรถมา
เค้าตะโกนไปหาฉินเฉิงแล้วพูดว่า: “พ่อหนุ่ม จะไปไหม?”
ฉินเฉิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เค้ารีบเดินเข้าไปแล้วพูดว่า: “ไป”
“ช่วงนี้เป็นช่วงปีใหม่ ผมอาจจะต้องเพิ่มเงินนะ” คนขับก็เตือนขึ้นมา
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่มีปัญหา”
รถแล่นเข้าไปในเมืองปีนัง ระหว่างทางคนขับก็คุยกับฉินเฉิงอย่างเป็นกันเอง: “พ่อหนุ่ม ทำไมเธอถึงมาที่เมืองปีนัง เธอเองก็มาตามหาฉินเฉิงอย่างงั้นเหรอ?”
“ตามหาฉินเฉิง?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
คนขับเหลือบมองไปที่ฉินเฉิง เค้าโบกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงนี้หลายคนก็มาที่ปีนัง พวกเค้าทั้งหมดมาตามหาฉินเฉิง ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะอยากเรียนกังฟู”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”
ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ต้องการเห็นความแข็งแกร่งในตอนนี้ของฉินเฉิง
“ใช่แล้ว คนที่เก่งกาจมากที่สุดเค้าก็คือหลิวเจิ้งหลง” คนขับก็พูดต่อว่า “เธอรู้จักพี่จินฮู่ในเมืองปีนังใช่ไหม? ที่เค้าเป็นเจ้าถิ่นหนะ”
ฉินเฉิงตกใจแล้วพูดว่า: “ฉันรู้ เกิดอะไรขึ้น?”
“เจ็บตัว จินฮู่โดนหลิวเจิ้งหลงสั่งสอน ฉันได้ยินมาว่าเค้าโดนตบจนเข้าห้อง ICU ตอนนี้ยังนอนไม่ได้สติไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย” คนขับยิ้มอย่างเป็นกันเอง