ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 310 ฉินเฉิงกับฟางเสี่ยวเต๋อ
ฉินเฉิงหันกลับมาก็พบว่าใบหน้าของจินฮู่บิดเบี้ยวไปหมดแล้ว
เขาพยายามพลิกตัวเองขึ้น อ้าปากและร้องมา
“เกิดอะไรขึ้น” ฉินเฉิงรีบเข้าไปหาทันที และลูกน้องของเขาอีกหลายคนก็วิ่งเข้ามา
เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลออกมาจากหน้าผากของจินฮู่ เขาพยายามพูดออกมาว่า “เจ็บ…เจ็บจะตายอยู่แล้ว….”
ฉินเฉิงถอนหายใจ เขายื่นยาลูกกลอนที่อยู่ในมือของเขาให้กับจินฮู่ “กินเข้าไป”
จินฮู่รับยาลูกกลอนมาและกลืนเข้าไปทันที
หลังจากกลืนยาลูกกลอนเข้าไปแล้ว ความเจ็บปวดของเขาก็หายไปทั้งหมด
นี่ทำให้จินฮู่ตกใจมาก เขาเกาหัวและพูดว่า “แค่นี้เองเหรอ?”
ฉินเฉิงด่าออกไปว่า “ทำไม อยากเจ็บนานกว่านี้หรือไง?”
จินฮู่ลุกขึ้นมาจากเตียงคนไข้ด้วยความประหลาดใจ เมื่อพบกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่เขาก็พูดออกมาด้วยความดีใจว่า “เฮ้ย ฉันยังไม่ตาย! ฉันนึกว่าฉันต้องตายไปจริงๆเสียแล้ว!”
หลังจากนั้นจินฮู่ก็หันมาโค้งคำนับให้ฉินเฉิง “ขอบคุณมากครับ คุณฉิน!”
ฉินเฉิงตบไปที่ไหล่ของเขา ยิ้มและพูดออกมาว่า “นายเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นเลย นายไปท้าทายจอมยุทธแบบนั้น นายไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”
“จอมยุทธ?!” สีหน้าของจินฮู่ขาวซีด “เขา…เขาเป็นจอมยุทธเลยเหรอ…”
“อ่า” ฉินเฉิงพยักหน้า “นายไม่ถูกฆ่าตายก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจินฮู่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เขาจะไปรู้ได้อย่างไงว่าหลิวเจิ้งหลงเป็นถึงจอมยุทธ!
จินฮู่อยู่ในสังคมมาหลายปีแล้ว เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเวลาไหนเขาควรทำอะไร และควรเลือกที่จะยืนอยู่ด้านไหน ขอแค่เขาไม่ตาย ฉินเฉิงจะต้องสามารถช่วยเขาได้แน่ๆ และนั่นมันก็เป็นเรื่องที่ดี
ต้องบอกเลยว่าเขาเดิมพันได้ถูกต้อง
ตอนนี้ฉินเฉิงมีความคิดอยู่ความคิดหนึ่ง ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดว่าจะให้จินฮู่เป็นคนไปเดินเรื่องให้กับเขา แต่หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ ฉินเฉิงก็ตัดสินใจที่จะปล่อยให้เขาทำหน้าที่เป็นตัวแทน แต่เพียงผู้เดียวของเขา
นั่นคือการจัดตั้งบริษัทเภสัชกรรม บริษัทนี้จะถูกตั้งขึ้นที่เมืองปีนัง และจินฮู่จะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
หลังจากที่บอกข้อมูลให้จินฮู่ฟัง จินฮู่ก็ดีใจเป็นอย่างมาก
“คุณฉิน ยาที่คุณนำออกมาขายมันขายหมดทันทีเมื่อนำออกมาสู่ตลาด! ถ้าหากสามารถสร้างบริษัทจริงๆได้หละก็ แบบนั้นจะยิ่งทำให้มีความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมากขึ้น!” จินฮู่พูดออกมา
ฉินเฉิงตบไปที่ไหล่ของเขาและพูดออกมาว่า “เหมือนกับก่อนหน้านี้ อย่าเพิ่งไปบอกใครว่าบริษัทนี้เป็นของฉัน ใช้ชื่อของนายไป เข้าใจไหม?”
จินฮู่ถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมเหรอครับ? คุณฉิน ตอนนี้คุณเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งตำหนักเทพโอสถ ถ้าหากใช้ชื่อนี้ในการโฆษณาออกไป มันจะต้องดึงดูดผู้คนได้ไม่น้อย เมื่อถึงเวลา….”
“ฉันรู้” ฉินเฉิงตัดคำพูดของจินฮู่ “ฉันไม่ต้องการให้เกิดปัญหา ทำตามที่ฉันบอกก็พอแล้ว”
จินฮู่ทำได้เพียงพยักหน้าและตอบตกลงเท่านั้น
สิ่งที่จินฮู่พูดออกมาก็ไม่เลว ถ้าหากฉินเฉิงสร้างบริษัทขึ้นมาจริงๆ ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายขานดไหนพร้อมจะเข้ามาลงทุน และเพียงแค่พริบตาเดียวก็สามารถลงตลาดหุ้นได้เลย
แต่นั้นมันจะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นที่ตำหนักเทพโอสถ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ มันจะทำให้เขายิ่งมีศัตรูมากขึ้นไปอีก
มันจะดีกว่าที่จะพัฒนาอย่างลับๆทีละขั้นตอน
เคยมีประวัติของพวกกษัตริย์ พวกเขาเกิดมาจากรากหญ้า เขาใช้วิธีค่อยๆก้าวขึ้นมาที่สูงๆที่ละก้าว ทำรากฐานให้มันคงและสุดท้ายก็กลายไปเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ฉินเฉิงเองก็จะทำแบบนั้น
ดังนั้น นี่จึงเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด
หลังจากที่จินฮู่ออกจากโรงพยาบาล คนจำนวนมากก็ไปเยี่ยมเขา แต่ฉินเฉิงไม่ได้ไปด้วย
เขานั่งอยู่บนเขาหลงไห่ นำสมุนไพรทั้งหมดออกมาและเริ่มที่จะดูดพลังของพวกมัน
เป็นเวลาสามวันเต็ม ฉินเฉิงนั่งไขว่ห้างไม่กินอาหารเลย
“สำหรับฉันในตอนนี้ สมุนไพรพวกนี้มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากน้ำธรรมดาๆเลย” ฉินเฉิงส่ายหน้าและถอนหายใจ “หวังว่าฉันคงมีโอกาสที่จะเข้าไปฝึกฝนที่งานประลองที่สมาคมศิลปะการต่อสู้จัดขึ้น”
งานที่สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูเป็นงานที่เอาผู้มีประสบการณ์มาฝึกซ้อมด้วยกัน คนที่จะเข้าร่วมต้องมีแต่คนที่สุดยอดเท่านั้น
ตัวอย่างเช่นพวกของฮั่นจิ่วเถียน เถิงอาว ซูหยู่ และพวกลูกหลานของตระกูลดังๆ เกรงว่าพวกเขาจะได้เข้าร่วมกันหมด
แต่ด้วยพลังและการฝึกฝนของฉินเฉิงในตอนนี้ คิดดูแล้วมันยากมากที่จะได้เข้าไปด้วย
ฉินเฉิงยืนขึ้นจากพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
และในตอนนั้น จู่ๆก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาฉินเฉิง
ฉินเฉิงหยิบมันขึ้นมาดู และพบว่าผู้โทรคือฟางเสี่ยวเต๋อซึ่งไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน!
เธอพูดออกมาว่า “ฮัลโหล กำลังทำอะไรอยู่?”
“ทำอะไร? โทรมาหาฉันมีอะไรงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงถาม
ฟางเสี่ยวเต๋อหัวเราะออกมา จากนั้นพูดออกมาว่า “ทำไม ไม่มีเรื่องแล้วโทรมาไม่ได้หรือไง? ฉันคิดถึงนายไม่ได้เลยหรือไง?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฟางเสี่ยวเต๋อ ฉินเฉิงก็ขนลุกขึ้นมาทันตัว
เขาพูดออกไปว่า “นี่มันไม่เข้ากับนิสัยของเธอเลย ฉันฝังแล้วมันน่ากลัวอย่างไงไม่รู้”
“นี่นาย! นายพูดอะไรของนายเนี่ย!” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“นี่แหละ ถึงจะเป็นเธอ” ฉินเฉิงหัวเราะออกไป
ฟางเสี่ยวเต๋อพ่นลมหายใจออกมา เธอพูดออกมาว่า “ฉันไม่เล่นกับนายแล้ว ที่ฉันโทรมาหานายในครั้งนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากจะให้นายช่วย”
“เรื่องอะไร? ฉินเฉิงถาม “คงไม่ได้ให้ฉันไปขอตั๋วให้เธออีกนะ?”
“ไม่ใช่” น้ำเสียงของฟางเสี่ยวเต๋อเปลี่ยนไปจริงจังทันที “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของตระกูลฟางของพวกเรา”
“ไม่ต้องพูดให้มากความ พูดใจความสำคัญมาเลย” ฉินเฉิงพูดพร้อมกับถูหน้าผากของเขา
ฟางเสี่ยวเต๋อเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “สำนักงานความมั่นคงจะจัดงานฝึกซ้อมการต่อสู้ขึ้นในเร็วๆนี้ ตั้งแต่ที่เย่อชิงยุนไปที่สำนักงานความมั่นคงของจิงตู ปีนังของพวกเราก็อยู่อันดับท้ายมาโดยตลอด”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเสียงของฟางเสี่ยวเต๋อนั้นแปลกไปราวกับว่าเธออ่านมากจากต้นฉบับ
“ดังนั้นในครั้งนี้ ผู้บัญชาการกั๋วจะเป็นเฮดโค้ช ส่วนปี้เสี่ยวเหยาจะเป็นผู้ช่วยโค้ช” ฟางเสี่ยวเต๋อกระแอมและพูดต่อ “ถ้าหากนายรับปาก ฟางจิ้งเหยา…เอ้ยไม่ใช่ พ่อของฉันจะสามารถกลับมาทำงานได้และจะถูกปล่อยตัว”
หลังจากพูดจบ ฟางเสี่ยวเต๋อก็ถามอย่างกระตือรือร้นว่า “เป็นไงบ้าง? รับปากได้ไหม? ฉันจะบอกนายให้ ฉันอยู่บ้านจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว! ฉันอยากออกเที่ยวเล่นบ้าง!”
“นี่คือท่าทางของการขอร้องเหรอ?” ฉินเฉิงพูดออกไปในเชิงล้อเล่น “จะให้ฉันรับปากมันก็ได้อยู่ แต่ฉันอยากจะฟังคำขอที่น่ารักๆหน่อย”
ฟางเสี่ยวเต๋อผงะ เธอพูดคลุมเครือว่า “ฉันโตขนาดนี้แล้ว จะให้ฉันไปอ้อนได้อย่างไง…”
“งั้นฉันไม่เอาด้วย” ฉินเฉิงทำท่าทางเหมือนจะวางสาย
“นี่ อย่านะ!” ฟางเสี่ยวเต๋อรีบพูดออกมาทันที “พี่ฉินเฉิง พี่ช่วยฉันหน่อยได้ไหม…คิดถึงตอนที่เราเคยนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน พี่….”
“เธออย่าพูดไร้สาระ!” ฉินเฉิงตัวสั่น โทรศัพท์ของเขาแทบจะหลุดมือ
“งั้นพี่จะตอบตกลงไหม…” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกมาด้วยอ้อนวอน
ฉินเฉิงยิ้มและตอบกลับไปว่า “ได้ ถ้าหากเดาไม่ผิด หัวหน้าฟางกับผู้บัญชาการกั๋วคงจะอยู่ข้างๆด้วยใช่ไหม? งั้นยื่นโทรศัพท์ให้พวกเขาหน่อย”
อีกด้านหนึ่งโทรศัพท์รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที แต่หลังจากนั้นไม่นานฟางจิ้งเหยาก็เข้ามารับโทรศัพท์ กระแอมออกมาและพูดว่า “อ่าฉินเฉิง เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะไปห้องน้ำมา ตอนนี้กลับมาแล้ว”
ฉินเฉิงหัวเราะออกมา ไม่ได้ขัดอะไรเขา บรรยากาศน่าเขินอายขึ้นมาทันที
หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 1 นาทีเต็ม ฟางจิ้งเหยาก็พูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบว่า “ฉินเฉิง นายกับเสี่ยวเต๋อเคย….ทำแบบนั้นกันแล้วเหรอ?”