ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 335 แกฝันอยู่เหรอ?
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ สีหน้าของพวกเค้าก็เปลี่ยนไปในทันที
“พี่ฉิน ถ้านายให้ฉันเข้าไปในโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี่หละก็ ตระกูลลู่ของฉันจะจำความเมตตาของพี่ไว้”
“ใช่แล้ว ตระกูลยุนของฉันจะปฎิบัติต่อพี่ในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติ!”
“ตระกูลจางของฉัน…”
ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา ทุกคนต่างพากันเอาอกเอาใจฉินเฉิง แต่เถิงอาวกับจู้เหยาและคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลออกไปต่างก็ยืนกันอยู่นิ่งๆ
“ไปกันเถอะ” จู้เหยาก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“คุณจู้ พี่จะปล่อยโลหิตแห่งจิตวิญญาณไว้แบบนี้เหรอครับ?” เถิงอาวก็ถามขึ้นมา
จู้เหยาก็ฮัมเพลงเบาๆ : “นายคิดว่าฉินเฉิงจะแบ่งโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี่ให้เราอย่างงั้นเหรอ? มันจะเสียเวลาเหรอ”
หลังจากพูดประโยคนี้ออกมาแล้ว จู้เหยาก็หันหลังแล้วจากไป
เถิงอาวหรี่ตาลง เค้ามองไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดขึ้นมาพร้อมกับเตือเล็กน้อยว่า: “ฉินเฉิง ของบางอย่างมันต้องแบ่งกันถึงจะปลอดภัย การเอาไปคนเดียวมันไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ”
“ขอบคุณที่เตือนนะ เถิงอาว” ฉินเฉิงเยาะเย้ย “ฉันอยากมาก ก็ต้องการมาก ไม่ต้องห่วงฉันหรอก”
เถิงอาวสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเค้าก็จากไป
“ฉินเฉิง หากนายต้องการเก็บโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้ไว้คนเดียวหละก็ นายจะต้องคิดให้ดีเกี่ยวกับผลที่จะตามมาด้วยนะ” มีคนหนึ่งที่เตือนขึ้นมาว่า “เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราไม่เพียงแต่จะไม่ชอบนาย แต่นายจะกลายเป็นศัตรูแล้วก็น่าจะรู้ผลที่ตามมานะ นายรับมันได้อย่างงั้นเหรอ?”
“ชื่นชอบ? ศัตรู?” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมา “มันช่างไร้สาระจริงๆ!”
“ในตอนที่โจวติ่งเป็นคนแบ่ง ฉันก็ไม่ได้รับอะไรเลย นายได้พูดอะไรแทนฉันข้างไหม?”
“ตอนนี้พวกนายสูญเสียพลังปราณไปแล้ว ก็จะมาพูดให้แบ่งอย่างยุติธรรม? หน้าพวกนายนี่หนาจริงๆเลยนะ!”
“ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าฉันจะแบ่งโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี่ให้นาย พวกนายจะกล้าไปรุกรานตระกูลซูเพราะโจวติ่งไหมหละ!”
หลังจากพูดออกไปแบบนี้ ทั้งสถานที่แห่งนี้มันก็เงียบลงไปในทันที
ใช่แล้ว ทันทีที่พลังปราณฟื้นคืนกลับขึ้นมา ใครจะมาสนความเป็นความตายของฉินเฉิง?
“ฉินเฉิง หรือว่าแกอยากที่จะเป็นศัตรูกับพวกเราทุกคน?” ในตอนนี้เองก็มีคนด่าขึ้นมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า แม้แต่ตระกูลซูกับโจวติ่งฉันยังไม่กลัวเลย แล้วทำไมฉันจะต้องกลัวพวกแกด้วย!” ฉินเฉิงตะโกนขึ้นมา “ไม่ว่าใครหน้าไหนในโลกนี้ ฉันก็ไม่กลัวทั้งนั้น!”
“ได้ ได้เลย!” ทุกคนเยาะเย้ย “ฉินเฉิง แกกล้ามากเลยนะ!”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ฉันเตือนแกแล้วนะ ถ้ามีใครกล้าเข้าใกล้โลหิตแห่งจิตวิญญาณแม้แต่ก้าวเดียว ฉันจะฆ่ามันซะ”
หลังจากพูดจบแล้ว ฉินเฉิงก็เตรียมที่จะกระโดดเข้าไปในโลหิตแห่งจิตวิญญาณ
“ช้าก่อนพี่ฉิน”
ในตอนนี้เอง จู่ๆฮั่นจิ่วเถียนก็ยิ้มแล้วอ้าปากพูดขึ้นมา
สีหน้าของเค้ามันยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เค้าดูเป็นคนที่ไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย
“มีเรื่องอะไร?” ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่ฮั่นจิ่วเถียน
ฮั่นจิ่วเถียนยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย: “พี่ฉิน อันที่จริงฉันเองก็สนใจโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี่มาก พวกเราสามคนจะแบ่งกันอย่างเท่าเทียมได้ไหม?”
“แบ่งสามคนอย่างเท่าๆกัน?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว
“พี่ฉิน อย่าพึ่งรีบร้อนปฎิเสธเลย” ในตอนนี้เอง ฮันจิ่วเถียนก็เดินเข้าไปหาฉินเฉิง “เรามาค่อยๆพูดค่อยๆจากันก่อนจะดีกว่าไหม?”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที ฮั่นจิ่วเถียนคนนี้ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกถึงอันตราย ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็ยิ่งรู้สึกถึงอันตรายที่มากยิ่งขึ้น
“อืม” เพื่อความปลอดภัย ฉินเฉิงก็ตอบตกลง
ทั้งสองเดินไปที่สถานที่ๆเงียบๆ
“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา
ฮั่นจิ่วเถียนชี้ไปที่เทือกเขา จากนั้นเค้าก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ: “ถ้าฉันเดาไม่ผิด พี่ฉินเองก็น่าจะเห็นรูปแบบการก่อตัวนี่ใช่ไหม?”
สีหน้าของฉินเฉิงก็เปลี่ยนไปในทันที “นายเองก็เห็นมันอย่างงั้นเหรอ?”
ฮั่นจิ่วเถียนยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันไม่เพียงแต่รู้ว่าที่นี่มันเป็นรูปแบบของการก่อตัว แต่ฉันยังรู้ด้วยว่านี่มันคือสิ่งที่เรียกว่ามังกรที่หลับไหล”
ฉินเฉิงหรี่ตาลง ฮั่นจิ่วเถียนคนนี้ มันไม่ง่ายเลย!
“แล้ว? นายเห็นมันได้แล้วยังไงกัน หรือว่านายสามารถต้านทานการก่อตัวของมังกรที่หลับไหลอยู่นี่ได้?” ฉินเฉิงถามขึ้นมาอย่างเย็นชา
ฮั่นจิ่วเถียนส่ายหัวเล็กน้อแล้วถอนหายใจ: “มังกรที่หลับไหล มันเป็นแก่นแท้ของพลังโบราณ มันไม่ต้องพูดถึงฉันเลย แม้แต่จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่เองก็ยังไม่สามารถต้านทานการก่อตัวนี้ได้เลย”
เมื่อพู้มาถึงตรงนี้แล้ว ฮั่นจิ่วเถียนก็หยุด เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “แต่น่าเสียดาย ถึงแม้ฉันจะไม่สามารถต้านทานรูปแบบนี้ได้ แต่ฉันก็สามารถทำลายมันได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของฮั่นจิ่วเถียน ฉินเฉิงก็ถึงกับขนลุก เค้ารู้สึกเสียวสันหลังวูบ!
ฮั่นจิ่วเถียนคนนี้ เค้าสามารถถอดปัญหาของรูปแบบพลังนี่ได้จริงเหรอ หากรูปแบบนี้ถูกทำลายหละก็ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับโลหิตแห่งจิตวิญญาณเท่านั้น แต่จะต้องมาตายที่นี่ด้วย!
“พี่ฉินไม่ต้องตกใจไป” ฮั่นจิ่วเถียนดูเหมือนจะดูออกว่าฉินเฉิงสงสัย เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “ที่ฉันบอกพี่ฉินเกี่ยวกับเรื่องนี้ไป ฉันไม่ได้ต้องการจะทำลายมัน ฉันแค่อยากได้ส่วนแบ่ง เมื่อคิดๆดูแล้ว พี่ฉินคงจะไม่ปฎิเสธมันใช่ไหม?”
ฉินเฉิงเงียบไปซักพัก จากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาว่า: “ทำไมนายถึงไม่ทำลายรูปแบบของพลังนี้หละ?”
ฮั่นจิ่วเถียนส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ถ้ารูปแบบนี้ถูกเปิดออก คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือซูหยู่ โลหิตแห่งจิตวิญญาณที่ฉันได้มามันก็น้อยมากจนไม่ต้องพูดถึงเลย แต่ถ้ารูปแบบนี้ยังไม่ถูกเปิดออก ฉันจะได้อย่างน้อยหนึ่งในสามของมัน พี่ฉินคิดว่ายังไง?”
ฉินเฉิงเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าอยู่ดีๆแผนการของเค้าที่ไปได้กว่าครึ่งทางแล้ว มันจะอยู่เหนือการควบคุมของตัวเอง
แต่ตอนนี้ฉินเฉิงยังจะมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ?
“เอาหละ” ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วตอบตกลง “แต่นายจะไม่ได้ถึงหนึ่งในสาม นายจะได้แค่หนึ่งส่วนจากฉันก็เท่านั้น”
“ได้สิ” ฮันจิ่วเถียนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้ว่าพี่ฉินเป็นคนที่รักความชอบธรรม ฉันเองก็ชื่นชมพี่ฉิน”
ความประทับใจของฉินเฉิงที่มีต่อฮั่นจิ่วเถียนนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เค้าไม่ได้คิดที่จะผูกมิตรกับฮั่นจิ่วเถียนเลย ดังนั้นเค้าก็เลยถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชาแล้วเดินไปที่โลหิตแห่งจิตวิญญาณ
ไม่ว่าสิ่งที่ฮั่นจิ่วเถียนพูดจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม ฉินเฉิงเองก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยง
ยิ่งไปกว่านั้น ฮั่นจิ่วเถียนยังรับรู้ได้ว่ามันมีมังกรที่หลับไหลอยู่ เมื่อคิดดูแล้วเค้าน่าจะมีวิธีการอะไรบางอย่างอยู่บ้าง
หลังจากกลับไปที่กระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณ ฉินเฉิงก็กวาดสายตามองดูฝูงชนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “ถ้าไม่เชื่อ พวกแกก็ลองก้าวเข้ามา”
หลังจากที่พูดแบบนี้แล้ว ฉินเฉิงก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป เค้าก้าวออกไปแล้วกระโดดลงไปในโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้
ฮั่นจิ่วเถียนที่อยู่ถัดจากฉินเฉิงก็กระโดดตามลงไปในโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้
“ฉินเฉิง ของให้แกโชคดีนะ” จงเผิงที่อยู่ด้านบนก็พูดขึ้นมาพร้อมกับเยาะเย้ย “เตรียมบอกลาได้เลย”
“ฉินเฉิง พวกเราจะรอแกอยู่ที่ทางเข้า!”
“เดี๋ยวก็จะได้มาสนุกกัน!”
ทุกคนต่างก็ไม่พอใจฉินเฉิง
วันนี้ฉินเฉิงจะไม่มีทางหลบหนีไปได้อย่างแน่นอน เค้าทำได้เพียงแค่สู้กันจนตายไปข้างหนึ่งก็เท่านั้น
ในกระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้เอง ทั้งสามคนก็กำลังนั่งสมาธิอยู่
อากาศที่ห่อหุ้มคนทั้งสาม พลังหยินก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของพวกเค้า มันสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
พลังหยินที่ฉินเฉิงสามารถเข้าถึงได้นั้น มันอยู่เหนือกว่าคนอื่นมาก ในตอนนี้ ร่างกายของเค้ามันเป็นเหมือนสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่มีปากกว้างแล้วกินเหยื่อของมันอย่างตะกละตะกลาม
กระแสโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้ มันมีขนาดใหญ่มาก หากทั้งสามคนจะดูดซับมัน มันน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆก็สามถึงห้าวัน
บรรยากาศมันค่อยๆสงบลง มันเหมือนกับสวรรค์ที่ปราศจากความวุ่นวายทางโลก
“ฮู้วว…”
พลังหยินที่เติมเต็มร่างของฉินเฉิง มันผสมรวมเข้ากับจุดตันเถียนของเค้า
ลมหายใจสีเขียวอ่อนที่มีศูนย์กลางอยู่ที่จุดตันเถียน มันก็ไหลช้าๆจนกลายเป็นวังวนขนาดเล็ก
แต่จุดตันเถียนของฉินเฉิง มันเป็นเหมือนหลุมลึกที่ไม่มีพลังหยินใดสามารถเติมเต็มมันได้เลย