ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 348 กลืนยาเม็ดทองคำ
พลังของจอมยุทธระดับสี่นั้นมีประโยชน์กับฉินเฉิงอย่างชัดเจน
ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาพร้อมที่จะก้าวขึ้นไปเป็นจอมยุทธได้ทุกเมื่อ
“โชคดีที่มีวิชานี้อยู่ในมือของฉัน” ฉินเฉิงมองไปที่ศพที่เหี่ยวแห้งบนพื้นแล้วหันกลับมามองที่มือของเขา
วิชากลืนวิญญาณนี้มีประโยชน์กับเขามาก ประโยชน์ที่ได้มาจากมันนั้นยากที่จะปฏิเสธ
แต่สิ่งที่ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกดีใจจนสุดขีดนั้นไม่ใช่จอมยุทธ แต่กลับเป็นตัวของสัตว์อสูร
วิธีการสร้างพลังของสัตว์อสูรนั้นค่อนข้างแตกต่างไปจากคนธรรมดา
พวกเขาใช้วิธีเดียวกันในการปรับปรุงฐานการเพาะปลูกโดยอาศัยพลังงานทางจิตวิญญาณเพื่อปรับปรุงรากฐานการเพาะปลูกของพวกมัน
และตอนนี้พลังของมันก็เลยขั้นแตกหน่อไปตั้งนานแล้ว และประสิทธิภาพของมันก็เหนือกว่าการใช้วิชากลืนวิญญาณของเขามาก
“ตอนแรกฉนหมดหวังเรื่องที่จะก้าวไปเป็นจอมยุทธเสียแล้ว คิดไม่ถึงจริงๆว่าโฮ่หยานคนนี้จะเป็นคนชี้ทางสว่างให้ฉัน” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะลูบไปที่คางของเขาและยิ้มออกมา
เขาเดินไปที่ด้านหน้าของสัตว์อสูรขนาดใหญ่ จากนั้นก็นำดาบของเขาออกมา และฟันไปที่จุดตันเถียนของมัน
ยาเม็ดทองคำกลมหล่นมาอยู่ในมือของฉินเฉิง
ยาเม็ดทองคำนี้ส่องแสงออกมาในค่ำคืนที่มืดมิด
ออร่าบริสุทธิ์ทำให้ผู้คนหลงใหล
“ไม่รู้จริงๆว่าหลังจากที่ก้าวไปสู่ขั้นของจอมยุทธแล้ว ร่างกายของฉันจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดไหน” ฉินเฉิงพูดออกมาด้วยความคาดหวัง
ตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าพวกจอมยุทธไปแล้ว แต่หลังจากที่เขาก้าวไปถึงขั้นของจอมยุทธแล้วเขาจะเอาความแข็งแกร่งของเขาไปเทียบกับใคร?
“การที่จะก้าวข้ามขั้นแตกหน่อไปคงต้องเจอกับความยากลำบากอีกไม่น้อย” ฉินเฉิงเงยหน้าขึ้นและมองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้ม การแสดงออกของเขาดูสง่างาม
แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉินเฉิงยังไม่เคยพบเจอกับความยากลำบาก แต่เท่าที่รู้มายิ่งคนมีพรสวรรค์มากเท่าไหร่ ในยามที่จะต้องเผชิญกับความยากลำบากมันจะหนักกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
และสิ่งที่ทำให้ฉินเฉิงกลัวที่สุดก็คือ เขาเคยใช้พลังของเขาในการเปลี่ยนชะตากรรมของคุณปู่ซู เกรงว่านี้ยิ่งจะทำให้ความยากลำบากที่เขาต้องเจอยิ่งยากขึ้นไปอีก
ฉินเฉิงเก็บยาเม็ดทองคำแล้วลูบที่หัวของจิ้งจอกไฟ ยิ้มและพูดออกมาว่า “ครั้งนี้ฉันพึ่งพลังของแกจริงๆ รอหลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้วฉันจะต้องพาแกไปเลี้ยงให้อิ่มหนำสำราญอย่างแน่นอน!”
จิ้งจอกไฟใช้หัวของมันถูกมือของฉินเฉิง ซึ่งเป็นภาพที่ดูน่ารักมาก
และในตอนนี้ก็มีดวงตาคู่หนึ่งมองมาจากความมืดอย่างเย็นชา
……
หลังจากที่พาจิ้งจอกไฟกลับไปแล้ว ฉินเฉิงก็ยังไม่ได้กลืนยาเม็ดทองคำลงไป
เขานับเวลา ก่อนที่เขาจะต้องต่อสู้กับซูหยู่ ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีก 9 วัน
“9 วันก็น่าจะพอ” ฉินเฉิงแอบคิดในใจ “แต่ว่า…การพัฒนาครั้งนี้จำเป็นต้องหาที่ที่สงบจริงๆ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดหายนะได้”
แต่สถานที่ที่ปลอดภัยมันอยู่ที่ไหน ฉินเฉิงนอนคิดมาทั้งคืนสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจว่าจะไปสำนักฉินไม่ก็ ตำหนักเทพโอสถ
หลังจากที่ลังเลอยู่นาน ในที่สุดฉินเฉิงก็ตัดสินใจที่จะไปเมืองหยิน
วันรุ่งขึ้นฉินเฉิงก็พาฟางเสี่ยวเต๋อออกเดินทางไปที่เมือหยิน
“พวกเราจะไปที่ไหน? นายคงไม่ได้พยายามหนีอยู่ใช่ไหม?” ฟางเสี่ยวเต๋อถามออกมา
ฉินเฉิงพูดออกมาไปเชิงล้อเล่นว่า “ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันหนีเหรอ?”
“หนีก็ดีเหมือนกัน” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกมา
ถึงเธอจะพูดออกมาแบบนี้ แต่ถ้าหากฉินเฉิงหนีไปจริงๆ ภาพของฉินเฉิงในหัวใจของเธอก็คงเปลี่ยนไปอย่างมาก
……
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงฉินเฉิงกับฟางเสี่ยวเต๋อก็มาถึงที่หน้าประตูของสำนักฉิน
ตั้งแต่ที่สำนักอูยาพังพินาศ สำนักฉินก็กลายเป็นที่หนึ่งในเมืองหยิน
ถึงแม้ว่านี้ข่าวคราวยังไม่ได้ถูกแพร่ออกไป แต่อย่างนั้นมันก็ไม่เกินไปที่จะพูดแบบนั้น
“สำนักฉิน? ที่มีมันมีความสัมพันธ์อะไรกับนาย?” ฟางเสี่ยวเต๋อถามออกมาด้วยใบหน้าที่สงสัย
ฉินเฉิงหัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
เขาพาฟางเสี่ยวเต๋อเดินเข้ามาในสำนัก แต่ในตอนที่พวกเขากำลังขะเข้าไปก็ถูกคนสองคนขวางทางเอาไว้
“หยุดนะ! ที่นี่เป็นที่ของสำนักฉิน นายเป็นใคร?” ทั้งสองคนเป็นลูกศิษย์ของสำนัก พวกเขามองมาที่ฉินเฉิงด้วยใบหน้าที่สงสัย
ฉินเฉิงพูดออกไปว่า “ไปบอกหยานรัวหยู ฉินเฉิงกลับมาแล้ว”
“ฉินเฉิง?” ทั้งสองคนมองหน้ากัน จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “คุณ…คุณคือเจ้าสำนัก?”
“พวกนายคิดว่าไงหละ?” ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกไป
ทั้งสองคนรีบโน้มตัวลงทันที “สวัสดีครับท่านเจ้าสำนัก! ผมจะไปแจ้งท่านเจ้าสำนักหยานเดี๋ยวนี้เลย!”
หลังจากนั้นหนึ่งในสองคนนั้นก็วิ่งกลับไป ไม่นานหยานรัวหยูก็รีบวิ่งออกมาที่หน้าประตู
หลังจากที่เธอเห็นฉินเฉิง ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าสำนัก…ฉิน คุณกลับมาที่นี่ได้อย่างไง?” หยานรัวหยูถามออกมา
ฉินเฉิงเดินไปหาเธอและพูดออกมาว่า “ฉันต้องการฝึกวิชาที่นี่ 10 วัน เธอช่วยหาที่เงียบๆให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“เจ้าสำนัก คุณจะข้ามขั้นแล้วเหรอ?” หยานรัวหยูถามออกมาด้วยความดีใจ
ฉินเฉิงพยักหน้าและพูดออกมาว่า “อืม ถ้าหากไม่เกิดอะไรเกินความคาดหมายขึ้น ฉันน่าจะข้ามไปเป็นจอมยุทธ”
“ยินดีกับท่านเข้าสำนักด้วย!” หยานรัวหยูรวมถึงศิษย์ในสำนักตะโกนออกมา
ฉินเฉิงโบกมือและพูดออกมาว่า “หาที่สงบๆให้ฉันสักที่หนึ่ง ขอเป็นที่ที่รอบๆไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรเลย ยิ่งเป็นส่วนตัวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
“ได้เลย ฉันจะไปเตรียมการให้เดี๋ยวนี้” หยานรัวหยูรีบตอบกลับมา
“เออใช่ นี่คือ…น้องสาวของฉัน ช่วงนี้พวกดูแลเธอด้วยนะ” ฉินเฉิงมองไปที่ฟางเสี่ยวเต๋อและพูดออกมา
แต่ฟางเสี่ยวเต๋อมองไปที่หยานรัวหยูด้วยความสงสัย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ท่านเจ้าสำนักวางใจได้เลย” หยานรัวหยูพูดออกมา “เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมอาหารเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ต้อง ฉันต้องการฝึกวิชาตอนนี้เลย” ฉินเฉิงโบกมือและพูดออกมา
หยานรัวหยูอ้าปากค้าง แต่ก็ตอบกลับมาทันทีว่า “ได้!”
หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง หยานรัวหยูก็หาห้องให้ฉินเฉิงได้แล้ว
เธอพูดออกมาว่า “ท่านเจ้าสำนัก ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”
“พาฉันไปที” ฉินเฉิงค่อยๆยืนขึ้นพร้อมกับถือยาเม็ดทองคำไว้ในมือ
“คะ!” หยานรัวหยูโน้มตัวลงจากนั้นก็เริ่มนำทาง
หลังจากที่เดินมาหลายสิบเมตร ทั้งสองคนก็มาถึงพื้นที่ที่ส่วนตัวและเงียบสงบมากๆ
รอบๆเป็นภูเขา ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉินเฉิงกำลังอยู่กลางหุบเขาขนาดใหญ่
หุบเขาเต็มไปด้วยต้นไม้ นกและดอกไม้เต็มไปหมด มันเป็นที่ที่น่าอยู่มาก
ฉินเฉิงมองไปรอบๆ จากนั้นก็หันมามองหยานรัวหยูและพูดออกมาว่า “หลังจากนี้ห้ามให้ใครเข้ามารบกวนฉัน และห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าฉันอยู่ที่นี่”
หยานรัวหยูพยักหน้าและตอบกลับไปว่า “เจ้าสำนักวางใจ นอกจากฉันแล้วไม่มีใครรู้จักที่แห่งนี้”
“ดี” ฉินเฉิงพยักหน้า จากนั้นก็นั่งลงทันที
หลังจากนั้นไม่น่า ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาว่า “เธอไปได้แล้ว”
“อืม” หยานรัวหยูผงะ จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้หละ”
ไม่นาน ความเงียบก็เกิดขึ้นทันที
ฉินเฉิงหยิบยาเม็ดทองคำออกมาทันที
“ฉันหวังว่ามันจะสามารถทำให้ฉันก้าวไปเป็นจอมยุทธได้อย่างเต็มตัว” ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้าและพูดออกมาช้าๆ
หลังจากนั้นฉินเฉิงก็ไม่รอให้เสียเวลา เขาอ้าปากขึ้นและกลืนยาเม็ดทองคำเข้าไปทันที
ออร่าระเบิดขึ้นที่จุดตันเถียงของฉินเฉิง!
จุดตันเถียนอันมืดมิดสว่างไสวทันที และเม็ดทองคำส่องประกายด้วยแสงพราวพร่างพราย จากนั้นพลังของมันก็ระเบิดออกและปกคลุมไปทั่วตันเถียนของฉินเฉิง