ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 349 คำเตือนท่านเจ้าสำนัก
“ฟู้วววว…!”
พลังงานทางจิตวิญญาณเป็นเหมือนพายุเฮอริเคนที่พัดอย่างดุเดือดในจุดตันเถียนของฉินเฉิง
ยาเม็ดทองคำที่ได้มาจากสัตว์อสูรนั่นทรงพลังมาก ดูเหมือนว่ามันจะมีปฏิกิริยากับร่างกายของมนุษย์ เกิดเสียงดัง “ปัง ปัง ปัง” ที่ตันเถียนของฉินเฉิง
โชคดีที่ร่างกายของฉินเฉิงแข็งแรงเพียงพอ และนอกเหนือจากอาการปวดท้องเล็กน้อยแล้ว เขาไม่มีความรู้สึกอื่นใด
จะต้องใช้เวลานานในการดูดซับออร่าจำนวนมหาศาลดังกล่าว ดังนั้นฉินเฉิงคงต้องใช้เวลาฝึกฝนมากกว่าที่คิด
……
สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู
ที่สนามซ้อม ซูหยู่กับโจวติ่งกำลังอยู่ในระหว่างการฝึกขั้นสุดท้าย
“ตู้มมม!”
เกิดแสงสว่างจ้า มัดของซูหยู่กับโจวติ่งเข้าปะทะกัน
“ปัง ปัง ปัง!”
พลังที่น่าสะพรึงกลัวดันร่างกายของซูหยู่ออกไปหลายสิบเก้า มือทั้งสองข้างของเขาก็ชาไปหมด
“อาจารย์!” ซูหยู่ก้าวมาด้านหน้า ขมวดคิ้วและพูดออกมา
โจวติ่งนำมือไปไขว้หลัง และพูดออกมาว่า “พอแล้ว เราฝึกกันแค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนช่วงเวลาที่เหลือนายก็เอาเวลาไปพักผ่อนตามสบายเลย”
“แต่ว่า….” ซูหยู่อ้าปากขึ้นมาและก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
โจวติ่งนำมือไขว้หลังและพูดด้วยความหยิ่งยโสว่า “ฉันรู้ว่านายกำลังกังวลอะไรอยู่ แต่ว่าบนโลกใบนี้เด็กหนุ่มที่สามารถรับหมัดของฉันได้นั้นยังไม่เคยมีมาก่อน และนายก็เป็นคนแรก และสิ่งที่นายกังวลอยู่กงคงไม่ใช่ปัญหา”
ซูหยู่รีบพยักหน้าและพูดออกมาว่า “ครับ อาจารย์”
ตระกูลซู ที่คฤหาสน์ของผู้อาวุโสซู
ซูฉีไห่กำลังนั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ สีหน้าของเขาค่อนข้างตื่นตระหนก
หลังจากนั้นไม่นานก็มีพ่อบ้านเดินเข้ามาโน้มตัวลงและพูดว่า “คุณชายแปด คุณปู่ให้คุณเข้าไปพบ”
“ต้องลำบากพ่อบ้านแล้ว” ซูฉีไห่โน้มตัวรับ หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปทางห้องของผู้อาวุโสซู
ห้องหนังสือของเขาหรูหราราวกับพระราชวัง
เขาเป็นพี่น้องกับซูเป่ย แต่นิสัยของพวกเขาค่อนข้างแตกต่างกัน
“ท่านพ่อ” ซูฉีไห่เดินเข้าไปด้านหน้าและกล่าวทักทายออกมา
ผู้อาวุโสซูไม่ได้แม้แต่เงยหน้าขึ้นมามอง เขาพลิกหน้าหนังสือที่อยู่ในมือและถามออกมาว่า “มีเรื่องอะไร”
“การต่อสู้ระหว่างหยู่เอ๋อกับเจ้าฉินเฉิงคนนั้นใกล้จะเริ่มขึ้นมาทุกทีแล้ว ผมเลยอยากมาเชิญพ่อไปร่วมชมด้วย” ซูฉีไห่พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
ผู้อาวุโสซูไม่ได้พูดอะไร เขายังคงจ้องหนังสือที่อยู่ในมือของเขาแบบนั้น
ห้องหนังสือที่เงียบสงบ เวลาผ่านไปพร้อมกับมีเสียงพลิกหน้ากระดาษดังขึ้นอยู่เรื่อยๆ และแต่ละครั้งที่มีเสียงพลิกกระดาษ หัวใจของซูฉีไห่ก็ยิ่งตื่นตระหนกมากกว่าเดิม
เมื่อเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ผู้อาวุโสซูถึงวางสมุดที่อยู่ในมือลง
“ตระกูลซูห้ามมีการล้มเหลวเด็ดขาด นายคงเข้าใจดีใช่ไหม?” ผู้อาวุโสซูพูดออกมา
ซูฉีไห่รีบตอบกลับไปทันทีว่า “ท่านพ่อวางใจ ฉินเฉิงคนนั้นกับซูหยู่ไม่ใช่คนที่อยู่ในระดับเดียวกัน การต่อสู้ครั้งนี้จะแสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่ของตระกูลซูให้คนทั้งโลกได้รับรู้ ในขณะเดียวกันยังทำให้ตระกูลที่คิดจะต่อกรกับพวกเราตื่นตกใจอีกด้วย…..”
ผู้อาวุโสซูค่อยๆพยักหน้าและพูดออกว่า “กลับไปได้แล้ว”
“ท่านพ่อ แล้ว…ท่านจะไปไหม?” ซูฉีไห่ถามออกมาด้วยความสงสัย
ผู้อาวุโสซูนั่งลงบนโซฟา หลับตาและพูดออกมาว่า “งั้นสั่งให้รถมารับฉันด้วยแล้วกัน”
“ครับ ท่านพ่อ!” ซูฉีไห่ดีใจขึ้นมาทันที เขาโน้มตัวลงและเดินออกไป
การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่ร้อนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี
เหลือเวลาอีก 5 วันก่อนจะถึงเวลาแข่งขัน คนจำนวนมากมายหลั่งไหลกันมาที่จิงตู
ในเขตชานเมืองของจิงตู ผู้หญิงสวมชุดดำคนหนึ่งกำลังยืนรออะไรบางอย่างอยู่
“คุณหนูซู”
ชายร่างใหญ่เดินมาข้างหน้าเธออย่างรวดเร็ว
“คนอื่นๆกำลังตามมา” ฉาวหว่าประสานมือและพูดออกไป
ซูวานพยักหน้า ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมด้วยผ้ากอซสีดำ มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้นที่ถูกเปิดเผย
ผู้คนมารวมตัวกันที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าพวกเขาจะลดออร่าลง พวกเขาก็ยังให้ความรู้สึกถึงพลังที่น่าอึดอัด
“คุณหนูซู แบบนี้มันจะเสียงเกินไปหรือเปล่า?” ฉาวหว่าขมวดคิ้วและถามออกมา “ที่ฉันได้ยินมาครั้งนี้สมาคมศิลปะการต่อสู้ของจิงตูได้เข้าร่วมด้วย ยิ่งไปกว่านั้น…ฉินเฉิงจะต้องแพ้อย่างแน่นอน”
ซูวานพูดออกมาว่า “เนื่องจากสมาคมศิลปะการต่อสู้เข้าร่วมฉันจึงกังวล เพราะว่ามันต้องมีเรื่องคอขาดบาดตายแน่”
ถ้าหากฉินเฉิงชนะ ภายใตอำนาจของตระกูลซู พวกเขาจะต้องให้สมาคมศิลปะการต่อสู้มาจับตัวของฉินเฉิงเอาไว้แน่
แต่ถ้าหากฉินเฉิงแพ้ เขาก็จะถูกซูหยู่ฆ่าตายทันที
“คุณหนูซู คุณแน่ใจหรือว่าจะทำแบบนี้?” ฉาวหว่าขมวดคิ้วและถามออกมา
“ฉันได้เตรียมเส้นทางหลบหนีเอาไว้แล้ว” ซูวานพูดออกมา “ขอแค่ช่วยคนออกมาได้ พวกเราก็จะไปทันที”
“ได้!” เมื่อ ฉาวหว่าเห็นแบบนั้นเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
ในความมืดมิด คนหลายสิบคนกำลังวิ่งไปรอบๆสมาคมศิลปะการต่อสู้ของจิงตูเพื่อหาทางเข้าใกล้
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองกลับก็เห็นคนคนหนึ่งกำลังยืนขวางทางอยู่
ทุกคนหยุดทันทีและมองดูบุคคลนี้อย่างระมัดระวัง
ซูวานขมวดคิ้ว เธอเดินไปด้านหน้าและพูดออกมาว่า “ท่านเจ้าสำนักแห่ง ตำหนักเทพโอสถ ได้โปรดหลีกทางให้พวกเราด้วย”
ท่านเจ้าสำนักเหลือบมองมาที่ซูวาน เธอพูดออกมาว่า “ซูวาน เธอคิดว่าเธอทำแบบนี้แล้วฉันจะมองเธอไม่ออกหรือไง?”
สีหน้าของซูวานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอพูดออกมาว่า “ท่านเจ้าสำนัก ในเมื่อคุณเองก็รู้ถึงตัวตนของฉัน งั้นก็หลบไปด้วยเถิด”
ท่านเจ้าสำนักพูดออกมาว่า “ซูวาน ฉันรู้ว่าเธอต้องการที่จะช่วยเขา แต่วิธีการของเธอมันเป็นการฆ่าตัวตาย”
“ตั้งแต่ที่พวกเธอเข้ามาในนี้ พวกเธอก็ตกเป็นเป้าสายตาของเย่อชิงยุนไปแล้ว” ท่านเจ้าสำนักพูดออกมา “ถ้าหากพวกเธอทำอะไรไม่เข้าท่าหละก็เย่อชิงยุนจะต้องลงมือแน่ เธอคิดว่าเธอสามารถต่อกรกับเขาได้อย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินชื่อของเย่อชิงยุน สีหน้าของทุกคนก็ขาวซีด
คนคนนี้สำหรับพวกเขา ถือได้ว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด และไม่มีใครกล้าที่จะไปเป็นศัตรูด้วย
ท่านเจ้าสำนักพูดออกมาว่า “อย่าพยายามฝืนเลย ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะต้องตายอย่างอนาถ”
ซูวานกัดฟัน จู่ๆเธอก็คุกเข่าลงกับพื้นและพูดออกมาว่า “ท่านเจ้าสำนัก คุณได้โปรดช่วยฉินเฉิงด้วย ทำยังไงก็ได้อย่าให้เขาเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้”
ท่านเจ้าสำนักพูดออกมาว่า “เธอคิดว่าเขาจะฟังไหม? เรื่องมันก็มาถึงตรงนี้แล้ว ทุกอย่างมันไม่สามารถถอยกลับไปได้แล้ว”
“กลับไปเถอะ” ท่านเจ้าสำนักโบกมือ “จะไม่เกิดเรื่องอะไรกับฉินเฉิงอย่างแน่นอน”
ซูวานยังอยากที่จะพูดอะไรออกมาอีก แต่ท่านเจ้าสำนักก็โบกมือและพูดออกมาว่า “เธอวางใจเถอะ ฉันจะเอาฉินเฉิงกลับมาคืนเธอในสภาพที่สมบูรณ์”
หลังจากที่พูดจบ ท่านเจ้าสำนักก็ค่อยๆเดินจากไป
เพียงแค่แวบเดียว ร่างของท่านเจ้าสำนักก็หายไป
“คุณหนูซู ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันต่อดี?” ฉาวหว่าขมวดคิ้วและถามออกมา
ซูวานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กัดฟันและพูดออกมาว่า “เอาตามที่ท่านเจ้าสำนักพูด กลับกันเถอะ”
“แล้วคุณหละ?” ฉาวหว่าถาม
ซูวานตอบกลับมาว่า “ไม่ต้องถามให้มาก คืนนี้ฉันจะออกไปจากประเทศนี้”
“คุณหนูซู งั้นคุณต้องระวังตัวให้มาก” ทุกคนพูดออกมาหลังจากนั้นทุกคนก็หายไปในความมืด