ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 355 วันก่อนสงครามใหญ่
หลายคนเข้ามา พวกเค้าเริ่มเข้ามาใกล้หยานรัวหยูมากขึ้น หลังจากนั้นไม่นานพวกเค้าก็บีบบังคับให้หยานรัวหยูลงจากตำแหน่ง
“ได้โปรดเถอะ ท่านเจ้าสำนักหยาน สละตำแหน่งเถอะ!”
หลายคนก็ตะโกนขึ้นมา น้ำเสียงของพวกเค้าทำให้ตกใจเป้นอย่างมาก!
หยานรัวหยูกัดฟันของเธอ ในใจเธอก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็อ้าปากพูดเสียงสั่นขึ้นมาว่า: “ฉัน … ”
“ช้าก่อน”
จากนั้นฉินเฉิงที่เนื่อตัวเต็มไปด้วยเลือดก็เดินเข้าสำนักมา
ในตอนนี้เอง หยานรัวหยูก็ดีใจมาก เธอรีบตะโกนขึ้นมาว่า: “ท่านสำนักฉิน คุณ … คุณไม่เป็นอะไรใข่ไหม?”
ฉินเฉิงโบกมือของเค้าขึ้นมา เค้าก้าวเข้ามาตรงหน้าแล้วมองไปที่ผู้อาวุโสรอง: “แกอยากจะเป็นเจ้าสำนักสินะ?”
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของผู้อาวุโสหลายคนก็ดูไม่ได้เลย โดยเฉพาะผู้อาวุโสรอง เค้าเอามือชี้ไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดว่า: “แก … แกยังไม่ตายเหรอ?”
ฉินเฉิงก็พูดว่า: “ทำไมฉันถึงต้องตายหละ?”
ทุกคนเงียบลง แต่คลื่นความปั่นป่วนในหัวใจของพวกเค้ามันก็โหมกระหน่ำไม่หยุด
ฉินเฉิงยังไม่ตายแล้วก็ยังฆ่าจอมยุทธ์ทั้งเจ็ดได้อีกด้วย?
จอมยุทธ์ทั้งเจ็ดคนนั้น ต่างก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นหก! พวกเค้าแพ้ฉินเฉิง?
“พวกแกอยากที่จะเป็นเจ้าสำนักเหรอ?” ฉินเฉิงกวาดสายตามองไปที่ผู้อาวุโสพวกนั้นแล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ไม่ .. ไม่ใช่นะครับ!” ผู้อาวุโสสามก็ “พุฟ” หมอบลงไปที่พื้นแล้วรีบคำนับ
“มันเป็นผู้อาวุโสรองที่ชี้ทางให้เราทำแบบนี้ เค้าบอกว่าเพียงแค่เจ้าสำนักหยานยอมสละตำแหน่ง เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะเข้าร่วมกับตระกูลซูแล้วก็จะได้กลายเป็นสำนักที่เยี่ยมยอดที่สุดในเมืองหยิน!”
ฉินเฉิงก็เหล่มอง จากนั้นเค้าก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “นี่ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย ตอนนี้ตระกูลซูก็ไม่มีตัวตนแล้วในเมืองหยิน”
ใบหน้าของผู้อาวุโสรองก็มืดมนลง เค้าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “จะฆ่าจะแกงกัน ก็แล้วแต่แกเลย!”
ฉินเฉิงบิดขี้เกียจ เค้ามองไปที่หยานรัวหยูแล้วพูดว่า: “เจ้าสำนักหยาน เธอจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน”
หยานรัวหยูกับผู้อาวุโสพวกนี้ พวกเค้าก็อยู่ที่นี้ด้วยกันมานาน การจะฆ่าเค้า มันก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว
แต่การที่จะเก็บเค้าไว้ มันก็จะกลายเป็นการเลี้ยงงูพิษไว้ใกล้ตัว
“ผู้อาวุโสรอง ตั้งแต่วันนี้ไป คุณจะไม่ใช่คนของสำนักฉินอีก” หยานรัวหยูก็พูดขึ้นมา
ผู้อาวุโสรองขมวดคิ้วขึ้นมา เค้าไม่พูดอะไร แต่จ้องมองไปที่ฉินเฉิง
แววตาของหยานรัวหยูเอง เธอก็จ้องมองไปที่ฉินเฉิงเหมือนกัน
ในใจพวกเค้าต่างก็รู้ดีว่า จะออกไปหรือตาย มีเพียงแค่ฉินเฉิงเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสิน
ฉินเฉิงก็ปัดมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: “เจ้าสำนักหยานพูดแล้ว แกก็ไสหัวออกไปซะ”
ผู้อาวุโสรองก็เหลือบตามองแล้วพูดว่า: “แกแน่ใจแล้ว?”
“รีบไสหัวไปซะ” ฉินเฉิงก็พูดว่า “ฉันเหนื่อย อย่ามาถ่วงเวลาฉัน”
เมื่อผู้อาวุโสรองได้ยินแบบนี้ เค้าก็ไม่พูดอะไร เค้าถอยหลังแล้วก้าวออกไป
“อย่างงั้นคนอื่นๆหละ จะจัดการอย่างไร?” หยานรัวหยูก็ถามขึ้นมา
ฉินเฉิงพูดว่า: “อืม … หักค่าตอบแทนพวกเค้าเป็นเวลาสามเดือน”
“มัน … มันจะง่ายแบบนี้เหรอ?” ผู้อาวุโสหลายคนก็ขยี้หูตัวเอง พวกเค้ากำลังเข้าใจว่าตัวเองได้ยินผิด
“อย่างงั้นก็สี่เดือน สี่เดือนหละกัน” ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดออกมา
ผู้อาวุโสหลายคนก็ผงะ พวกเค้ารีบคำนับแล้วพูดว่า: “ขอบคุณมากท่านเจ้าสำนัก!”
หลังจากจัดการกับพวกเค้าแล้ว หยานรัวหยูก็ยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันคิดว่าคุรจะฆ่าพวกเค้าซะอีก”
ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า: “พวกเค้าไม่ได้ทำอะไรผิด สำนักฉินเองก็ยังไม่แข็งแกร่ง การที่พวกเค้าจะออกไปมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ฉินเฉิงก็หยุดแล้วพูดต่อว่า: “แน่นอนว่าการเก็บพวกเค้าไว้มันน่าจะดีซะหว่า”
หยานรัวหยูยังอยากจะถามอะไรอีก แต่ฉินเฉิงก็ปัดมือของเค้าขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำนอน”
…
ที่บ้านตระกูลซู
ตอนนี้เวลาที่ซูหยู่นัดประลองเอาไว้ มันก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่สองวันเท่านั้น
ตอนในเมืองจิงตู มันก็ดูราวกับว่ามีคลื่นกำลังก่อตัวขึ้นที่ใต้น้ำ
ในห้องหนังสือของบ้านตระกูลซู เสียวหยูเชี้ยนก็กำลังว่ากล่องใบหนึ่งลง
ของที่อยู่ในกล่องมันก็คือ ปฎิทินที่เทียนจีจือส่งมาให้
ในปฎิทินก็มีวงวันเอาไว้ ปฎิทินนี้มันก็คือปฎิทินวันโลกาวินาศ
และวันๆนี้ มันก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งปี
มันน่าเสียดายที่ตระกูลซูทั้งหมดขึ้น นอกจากสายเลือดของซูฉีไห่แล้ว ไม่มีใครเชื่ออะไรในเรื่องพวกนี้เลย
ในความคิดของพวกเค้า เทียนจีจือก็เป็นแค่หมอดูแก่ๆก็เท่านั้น
ตระกูลซูมีอำนาจมากในทุกด้าน พวกเค้ากำลังเฟื่องฟู มันจะไปล่มสลายได้ยังไงกัน?
“สิ่งต่างๆที่เทียนจีจือพูด นี่มันหมายความว่าอะไรกันแน่” เสียวหยูเชี้ยนเอามือลูบไปที่หัวของตัวเอง เค้าดูปวดหัวมาก
ตระกูลซูใช้วิธีการแทบจะทุกอย่าง แต่พวกเค้าก็ไม่สามารถเปิดปากของนายท่านซูได้เลย
“ไอ่แก่นี่ มันปากแข็งมาก” เสียวหยูเชี้ยนก็พูดขึ้นมา
หลังจากพูดจบ ปากของเธอก็ปรากฎรอบยิ้มขึ้นมา
“แต่ในไม่ช้ามันจะต้องจบลง” เสียวหยูเชี้ยนพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “เพียงแค่หยู่เอ๋อเอาชนะฉินเฉิงได้ ทุกอย่างมันก็จะกระจ่างขึ้น”
หลังจากนั้น เสียวหยูเชี้ยนก็เอากล่องนี้มา เธอหยิบโทรศัทพ์มือถือขึ้นมาแล้วกดเบอร์โทรหาผู้พิทักษ์ที่สอง
เสียงของโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมากกว่าสิบครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรับสายเลย
สิ่งนี้เองมันก็ทำให้เสียวหยูเชี้ยนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา สำหรับสายของเสียวหยูเชี้ยนแล้ว ผู้พิทักษ์ตระกูลซูไม่กล้าที่จะให้เธอต้องโทรมาเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน
“ตามเวลาในตอนนี้ ฉินเฉิงมันก็น่าจะเดี้ยงไปแล้ว” เสียวหยูเชี้ยนก็พูดขึ้นมา
เธอพยายามโทรเป็นครั้งที่สองแต่ก็ไม่มีใครรับสายเธอเลย
เสียวหยูเชี้ยนไม่ได้คิดอะไรมา เธอโยนโทรศัพท์ไปที่ข้างตัว
เมื่อมาคิดๆดูแล้ว นี่มันก็น่าจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น
…
ที่สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตู โจวติ่งกับชางโจวก็กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ราชครูโจว คราวนี้การต่อสู้สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูจะต้องจับตาดูให้ดีนะครับ” ชางโจวก็เปิดปากพูดขึ้นมาว่า “ข้างบนสั่งมาว่า ซูหยู่จะต้องเป็นคนชนะเท่านั้น”
แววตาของโจวติ่งก็หรี่ลง เค้าพูดขึ้นมาว่า: “หมายความว่ายังไง?”
ชางโจวก็พูดต่อไปว่า: “การประลองกันครั้งนี้ มันเกี่ยวข้องกับตระกูลซู คุณเข้าใจใช่ไหม?”
โจวติ่งยิ้มแล้วพูดว่า: “ต่อให้สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งจิงตูไม่ยื่นมือเข้ามา ยังไงฉินเฉิงมันก็ต้องตาย”
เมื่อนึกถึงความอัปยศอดสูที่เค้าได้รับมา โจวติ่งก็ถอนหายใจออกมา
แม้ว่าเค้ากับซูหยู่จะนัดกันเอาไว้แล้ว ยังไงก็ตามจะปล่อยให้ฉินเฉิงได้เปรียบไม่ได้ จะต้องทำให้มันพิการซะก่อน
ชางโจวเงียบ จากนั้นเค้าก็เปิดปากพูดขึ้นมาว่า: “ราชครูโจว ทางที่ดีคุณไม่ควรประมาทกับฉินเฉิงมากจนเกินไปนะครับ”
สีหน้าของโจวติ่งก็เย็นลง จากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาว่า: “ชางโจว นายหมายความว่ายังไงกัน? ซูหยู่เองก็ได้รับมรดกทั้งหมดจากฉันไปแล้ว หรือว่าเค้าจะไม่มีทางเอาชนะไอ่เด็กนั่นได้เหรอ?”
ชางโจวยังต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่โจวติ่งก็ขัดจังหวะการพูดของเค้าขึ้นมาแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า: “ไม่ต้องพูดอะไรมาก ไปเตรียมคุกไว้ให้ฉันห้องนึงก็พอ ฉันจะเอาไว้ขังฉินเฉิง!”
หลังจากที่พูดประโยคนี้ออกมาแล้ว โจวติ่งก็หันหลังแล้วเดินจาไป
ชางโจวก็เงียบแล้วไม่พูดอะไร มันดูไม่ออกเลยว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่
ในวันถัดมา ซูหยู่ก็มาที่สคฤหาสน์ของตระกูลซูตามคำขอซูฉีไห่กับโจวติ่ง
เจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ก็คือคุณปู่ซู ตระกูลซูในวันนี้มันก็ครึกครื้นเป็นอย่างมาก
นอกจากสายเลือดของซูฉีไห่แล้ว ก็ยังมีซูฉีไห่กับพี่รองซูโฮ่ที่มาด้วย
ที่ซูโฮ่ควบคุมก็ธุรกิจของตระกูลซู เค้ามีสินทรัพย์รวมของบริษัทมากกว่า หนึ่งร้อยล้านหยวนแล้วมันก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนที่ซูฉีไห่กับซูหยู่เข้ามานี้เอง ซูโฮ่กับคุณปู่ซูก็กำลังพูดคุยกันอยู่
หลังจากที่เห็นซูฉีไห่แล้ว สีหน้าของคุณปู่ซูก็ดูเฉยชาเป็นอย่างมาก
“พ่อ พี่รอง” ซูฉีไห่เดินเข้ามาแล้วโค้งคำนับให้กับพวกเค้า
“คุณปู่ อารอง” ซูหยู่ก็รีบคำนับตาม
คุณปู่ซูก็พยักหน้าแล้วมองไปที่ซูหยูและพูดว่า: “เตรียมการเอาไว้ยังไงบ้าง?”
ซูหยู่ก็รีบพูดว่า: “คุณปู่วางใจได้เลยครับ ผมจะไม่ทำให้ตระกูลซูเสียหน้าอย่างแน่นอน!”
ซูโฮ่ที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นมาว่า: “หยู่เอ๋อ การประลองในครั้งนี้ นอกจากสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูแล้ว ยังมีผู้คนมากมายจากกลุ่มธุรกิจที่ให้ความสนใจกับการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย ถ้าแพ้หละก็ เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลซูเตรียมเอาปีปคลุมหัวได้เลยแล้วมูลค่าของธุรกิจตระกูลซูในตลาดมันจะต้องสูญไป”