ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 367 เย่อชิงยุนเข้าขัดขวาง
ชางโจวแอบถอนหายใจ เขาพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว
“ท่านเย่อ” ในขณะนั้น ซูฉีไห่ลุกขึ้นยืน
เขาชี้ไปที่ซูหยู่อย่างไม่พอใจเล็กแล้วพูดขึ้นว่า “ดูสิ ฉินเฉิงทำร้ายลูกชายของฉันแบบนี้ เรื่องนี้ควรมีคำอธิบาย”
“อธิบาย?” เย่อชิงยุนหัวเราะ “ยังต้องการอธิบายอะไรอีกเหรอ?”
ซูฉีไห่ถึงกับตกตะลึง หน้าของเขาแดงขึ้นมาทันที
“กลับมานี่! ไอ้คนไร้ยางอาย!” ผู้อาวุโสซูพูดอย่างโกรธเคือง
ท่าทีของซูฉีไห่น่าเกลียดมาก แต่จำต้องกลับมายืนต่อหน้าผู้อาวุโสซูด้วยความโกรธ
“ฉันได้ยินมาว่ามีข้อตกลงระหว่างพวกคุณใช่หรือไม่?” เย่อชิงยุนพูดต่อ
หลังจากนั้นเย่อชิงยุนก็ชี้ไปที่ปู่ซูและพูดต่อ “รีบปล่อยพวกเขาไป”
“ท่านเย่อ นี่มัน…” เสียวหยูเชี้ยนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกผู้อาวุโสซูจ้องเขม็ง
“ปล่อยพวกเขา” ผู้อาวุโสซูพูดอย่างเย็นชา
ด้วยเหตุนี้ ตระกูลซูจึงต้องทำตาม
ฉินเฉิงก้าวออกไปและรีบไปกอดคุณปู่ซู
ในเวลานี้คุณปู่ซูดูเศร้า หน้าของเขาดูเหนื่อยอย่างสุดจะพรรณนา
“คุณปู่ซู ฉันขอโทษ” ฉินเฉิงรู้สึกไม่สบายใจ ซูวานเสียชีวิตต่อหน้าเขา ซึ่งสำหรับฉินเฉิงนั้นมันเหมือนกับโลกทั้งใบล่มสลาย
ปู่ซูโบกมือแล้วพูดช้าๆ “นายทำได้ดีแล้ว ฉันไม่คิดว่าวานเอ๋อจะตำหนินายหรอก”
ที่ไม่ไกลนัก สภาพของซูวานราวกับรูปภาพ ที่พยายามจะลุกขึ้นหลายครั้งแต่ในที่สุดก็ยอมแพ้ลง
ชายชราลึกลับบอกเธอว่า อย่าเปิดเผยตัวตนของภายในสามปี
ทำให้เธอทำได้เพียงเฝ้าดู
“ตระกูลซู สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งจิงตูและโจวติง” ฉินเฉิงพยุงปู่ซูด้วยมือข้างหนึ่งและโบกมือให้ฝูงชนด้วยอีกมือหนึ่ง
ความแค้นของพวกเราได้จบลงแล้ว
โจวติงและคนอื่นๆ ไม่ได้พูดคุยกัน แต่พวกเขาเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ความแข็งแกร่งของฉินเฉิงที่แสดงให้เห็นในวันนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถละเลยได้
หากปล่อยเขาให้เติบโตขึ้น ในอนาคตจะเป็นศัตรูตัวฉกาจเป็นแน่
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกวาดล้างตระกูลหนึ่งด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว แต่ก็ไม่มีความสมบูรณ์ในทุกสิ่ง
หากฉินเฉิงกลายเป็นเย่อชิงยุนคนต่อไป ตระกูลซูในเวลานั้นก็อาจจะไม่สามารถทำอะไรได้
“พวกเราไปกันเถอะ” ฉินเฉิงช่วยพยุงปู่ซูจากนั้นค่อยๆ นำศพของซูวานขึ้นด้วยมือข้างหนึ่งแล้วเดินออกไป
การล้มเหลวในการฆ่าซูหยู่และโจวติงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฉินเฉิง
แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะหยุดอยู่แค่นี้
ไม่นาน เจ้าสำนักก็เดินตามมา
“ท่านเจ้าสำนัก” ฉินเฉิงก้มทำความเคารพ
เจ้าสำนักพยักหน้า และเธอก็เปิดปาก เดิมทีเธอต้องการบอกฉินเฉิงว่าซูวานยังไม่ตาย แต่ไม่สามรถทำได้ จึงพูดออกมาเพียงแค่สามคำ “คิด ให้ ออก ”
ทุกอย่างดูเหมือนจะถูกกำหนดไว้แล้ว และในที่สุดฉินเฉิงก็เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่เขาเห็นใต้ต้นเชียนเทียนจึงเป็นภาพเลือด
บางทีทุกอย่างอาจเริ่มต้นที่นี่
หลังจากเดินออกมา หลายๆคก็นรีบมองไปที่ฉินเฉิง
“ฉินเฉิงยังไม่ตาย! หมายความว่าซูหยู่แพ้?”
“ท่านเย่อเพิ่งเข้าไปเอง ไม่ใช่ว่าไปขัดขวางหรอกนะ?”
“แต่อย่างไรก็ตาม ฉินเฉิงไม่ได้แพ้ให้กับซูหยู่! ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่สามารถมีออกมามีชีวิตได้!”
นักข่าวของฟอรั่มนักสู้ก็รีบวิ่งเข้ามา พวกเขาล้อมฉินเฉิงพร้อมถามคำถามมากมาย
“คุณฉิน คุณช่วยบอกเราได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
“คุณฉิน ดูเหมือนคุณจะบาดเจ็บสาหัสเลย ช่วยบอกผลได้ไหม”
ฉินเฉิงกวาดตามองนักข่าวและพูดอย่างเย็นชา: “ขอโทษนะ ฉันไม่อยากถูกสัมภาษณ์ตอนนี้”
แต่คนกลุ่มนี้ไม่ยอมแพ้ ยังคงล้อมและขวางทางฉินเฉิง
แสงสีทองพุ่งออกมาจากร่างของฉินเฉิง มันผลักทุกคนออกไปทันที!
ความแข็งแกร่งของระดับจอมยุทธได้แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ และเขาก็เปิดทางออกจากฝูงชนทันที!
ฉินเฉิงช่วยคุณปู่ซูหลบและหายตัวไปในฝูงชน
…
ภายในสนาม
ผู้อาวุโสปู่ซูมองไปที่ซูฉีไห่อย่างเย็นชา
ด้วยดวงตานี้ทำให้ซูฉีไห่ตัวสั่นไปทั้งตัว
“แกชวนฉันให้มาดูว่า ซูหยู่น่าอายขนาดไหนงั้นหรอ” ผู้อาวุโสซูพูดอย่างเย็นชา
ซูฉีไห่ถึงกับเหงื่อออก และเขาคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับพูด “ท่าน…ท่านพ่อ ฉันไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้…”
“ไอ้ขยะ” ผู้อาวุโสซูพูดอย่างเย็นชา “พี่ชายทั้งเจ็ดของแกประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ต่างก็เป็นผู้นำในสาขาของตน แล้วแกล่ะ เกียรติของตระกูลซูถูกทำลายโดยคนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยังต้องให้ฉันต้องพิจารณาว่าแกยังเหมาะสมที่จะนั่งในตำแหน่งนี้ต่อไหม ”
ใบหน้าของซูฉีไห่น่าเกลียดมาก ใครจะคิดว่าสิ่งต่างๆมันจะมาถึงจุดนี้ได้
“ท่านพ่อฉันจะลดผลกระทบให้เหลือน้อยที่สุด” เรื่องนี้ได้จบลง และซูฉีไห่ก็ทำได้เพียงชดเชยมัน
ผู้อาวุโสซูกระแอมออกมา พาพ่อบ้านแล้วออกไปจากที่นี่ซะ
“โจวติ่ง นี่คือสิ่งที่แกบอกว่าชนะแน่ๆใช่ไหม” ซูฉีไห่สูดหายใจเข้าลึกๆ และกวาดตาไปทางโจวติ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล
โจวติ่งกำหมัดแน่นและพูดอย่างเย็นชา “ให้เวลาฉันสามวัน แล้วฉันจะกลับมาพร้อมกับหัวของฉินเฉิง”
ซูฉีไห่ไม่พูดอะไรอีก ด้วยสถานะของทั้งสองคนก็เท่าเทียมกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
“เฮ้อ โลกแห่งศิลปะการต่อสู้กำลังจะเปลี่ยนไป” เฉียวเซิงบิดขี้เกียจแล้วเดินออกไป
ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด แต่ท่าทางของฮั่นจิ่วเฉียนดูแปลกๆไป
ภายใต้การควบคุมของตระกูลซู ผลของการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้ประกาศออกไป
แต่ฉินเฉิงได้เดินออกทั้งเป็น ก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่าง
แม้ว่าตระกูลซูจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ฟอรั่มนักสู้กลับมีระเบิดลูกใหม่
“ซูหยู่ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นดาย”
“ฉินเฉิงช่วยปู่ซูออกมา ว่ากันว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เย่อชิงหยุน เทพเจ้าแห่งสงครามก็ตกใจเช่นกัน”
“ฉันได้ยินมาว่าฉินเฉิงสู้กับจอมยุทธหลายคนเพียงลำพัง?”
ในตอนเย็นฟอรั่มนักสู้ก็ได้อัพเดทอันดับของคนรุ่นใหม่
สามอันดับแรกไม่มีการเปลี่ยนแปลง พวกเขายังคงเป็นเถิงอาว จู้เหยา และเฉียวเซิง
แต่ซูหยู่ที่อยู่ในอันดับที่สี่ กลับถูกฉินเฉิงขึ้นมาแทนที่
“ฉันคิดว่าฉินเฉิงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเถิงอาวและคนอื่นๆ”
“คนเหล่านี้ จะต่อสู้กันเองในสักวันหนึ่ง”
“โลกแห่งศิลปะการต่อสู้นั้นน่าตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ”
…
“มีข่าวอะไรอีกไหม?” ซูฉีไห่ถามอย่างเย็นชาขณะนั่งอยู่ในห้องหนังสือ
ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยนเต็มไปด้วยฝุ่น สีหน้าแย่มากและพูดว่า “พบผู้พิทักษ์กฏหมายทั้งเจ็ดแล้ว และพวกเขา… พวกเขาทั้งหมดตายแล้ว!”
ซูฉีไห่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ในขณะที่เขานอนอยู่บนโซฟาโดยไม่รู้สึกอะไร
ถ้าหากฟังคำพูดของผู้พิทักษ์ ให้ฆ่าฉินเฉิงก่อนหน้านี้ ในวันนี้จะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
อีกด้านหนึ่ง ในวันนั้นฉินเฉิงไม่ได้ออกจากที่พัก แต่กลับอยู่ต่ออีกคืนหนึ่ง
กลางคืนที่มืดมิด ลมก็แรง เป็นค่ำคืนแห่งการฆาตกรรม
เย่อชิงยุนจะสามารถหยุดการต่อสู้ได้เพียงครั้งเดียว แต่เขาไม่สามารถหยุดมันได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉินเฉิงยืนอยู่ในลานเล็กๆ ใบหน้าของเขาช่างเย็นชา มีท่าทีราวกับว่าเขากำลังรอใครสักคน
คนที่เขารอไม่ใช่ใครอื่น ก็คือโจวติงนั่นเอง