ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 375 ให้เวลาพวกแกครึ่งชั่วโมง
ทั้งสองเข้ากันได้ดี ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะคิดเหมือนกัน
ในวันต่อมา ฉินเฉิงก็กำลังจะออกไปจากเมืองชางตู
แม้ว่านายท่านซูจะหวังว่าจะมาขยับขยายอยู่ที่ทางตอนใต้นี่ แต่ฉินเฉิงยังคงต้องการดึงแผนการทั้งหมดของตระกูลซูทางตอนเหนือออกมาทีละน้อย
หลังจากออกจากเมืองชางตูมาแล้ว ฉินเฉิงก็กลับไปที่เมืองจิงตูก่อนเพราะว่าฟางเสี่ยงเต๋อกำลังรอเค้าอยู่ที่อพาร์ทเม้นต์
เมื่อเค้าไปถึงที่เมืองจิงตู มันก็เป็นตอนค่ำแล้ว
ทันทีที่ฉินเฉิงลงมาจากรถ เค้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจับตามอง
มันดูราวกับงูพิษ มันกำลังจ้องมองฉินเฉิงอย่างลับๆในความมืด
แต่ฉินเฉิงก็ไม่ได้แหวกหญ้าให้งูตื่น ตราบใดที่จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่มาเอง ฉินเฉิงก็ไม่กลัวใคร มันสามารถบอกได้เลยว่าไม่มีใครสามารถที่จะเอาชนะเค้าได้เลย
หลังจากนั่งแท็กซี่ไปที่อพาร์ตเมนต์แล้ว ฟางเสี่ยวเต๋อก็กำลังเฝ้ารออยู่ที่อพาร์ทเม้นต์ทั้งวันทั้งคืน
เธอโทรหาฉินเฉิงหลายครั้ง แต่ก็โทรหาไม่ติด ฟางเสี่ยวเต๋อที่ไม่รู้ข่าวอะไร เธอก็ตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ เธอกำลังรู้สึกราวกับว่ามันเกิดเรื่องขึ้นกับฉินเฉิง
“เอี๊ยดดดด”
ในตอนนี้เอง ประตูก็ถูกผลักออก
ในตอนที่เธอมองเห็นฉินเฉิง ฟางเสี่ยวเต๋อก็กระโจนเข้าหาฉินเฉิง มันดูราวกับลูกหมาที่วิ่งเข้าหาเจ้าของ
เธอพูดอย่างกังวลว่า: “นายไปไหนมา? รู้ไหมว่าฉันเข้าใจผิดคิดว่านายตายไปแล้วนะ? ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”
ฉินเฉิงผลักฟางเสี่ยวเต๋อออกจากตัว เค้าไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่ถามกลับไปว่า: “เมื่อไหร่จะเปิดเทอม?
ฟางเสี่ยวเต๋อตะลึงแล้วพูดว่า: “ยังเหลือเวลาอีกกี่วัน แล้วจะทำไมกัน?”
“อืม พรุ่งนี้ฉันจะไปลงทะเบียนที่มหาลัยเป็นเพื่อนเธอ ต่อไปเธอก็อยู่ที่มหาลัยก็แล้วกัน” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
หลังจากพูดจบ เค้าก็เดินตรงไปที่โซฟาแล้วนั่งลง จากนั้นจิ้งจอกไฟก็รีบกระโจนขึ้นมาบนมือของเค้าอย่างเร็ว
“ทำไมฉันรู้สึกว่านายเฉยเมย?” ฟางเสี่ยวเต๋อถามขึ้นมาด้วยเสียงต่ำ
ฉินเฉิงยังคงไม่พูดอะไร เค้าหลับตาลงเล็กน้อย มันดูไม่ออกเลยว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่
“ไหนๆนายก็กลับมาแล้ว นายชนะหรือเปล่า ซูหยู่แพ้ใช่ไหม?” ฟางเสี่ยวเต๋อโน้มตัวไปข้างหน้า เธอถามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
ฉินเฉิงเหลือบมองเธอ เค้าพยักหน้าแล้วพูดว่า: “อืม”
“แล้วพี่ว่านเอ๋อกับคุณปู่ซูล่ะ? นายพาพวกเค้ากลับมาด้วยไหม?” ฟางเสี่ยวเต๋อก็รีบถามขึ้นมา
เมื่อพูดถึงซูวานแล้ว ในใจฉินเฉิงก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
“วานเอ๋อเธอ…” ฉินเฉิงเปิดปากพูดขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าจะบอกกับฟางเสี่ยวเต๋อยังไงดี
“พี่วานเอ๋อทำไม? นายพูดมาสิ!” ฟางเสี่ยวเต๋อถามอย่างกังวล
ในตอนนี้เอง ที่ด้านนอกประตูก็มีร่างหนึ่งที่แวบเข้ามา
ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เค้าปล่อยญาณหยั่งรู้ออกมา จากนั้นไม่นานเค้าก็สัมผัสได้ถึงร่างที่อยู่ในอพาร์ทเม้นต์ไม่ไกลออกไป
คนๆนี้เค้ามีความแข็งแกร่งอย่างน้อยๆก็จอมยุทธ์ขั้นที่หก ส่วนอีกสองคนก็พึ่งก้าวเข้ามาสู่ขอบเขตของจอมยุทธ์
“อยู่ในระดับนี้แล้วยังจะกล้ามาตายอีกเหรอ?” ฉินเฉิงลุกขึ้นอย่างช้าๆ เค้าหันมองไปที่ฟางเสี่ยวเต๋อแล้วพูดว่า: “ฉันจะอธิบายให้เธอฟังทีหลัง อยู่แต่ในห้อง อย่าออกไปไหน”
หลังจากพูดจบแล้ว ฉินเฉิงก็เดินออกจากอพาร์ตเมนต์ไป
ร่างเหล่านั้นยังคงไม่ปรากฏขึ้นมา มันซ่อนตัวอยู่ในความมืดแล้วติดตามฉินเฉิงในระยะประชิด
ฉินเฉิงมาถึงขอบเขตที่ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถหยุดยั้งเค้าได้
“ที่นี่ไม่มีใครแล้ว ออกมาเถอะ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาช้าๆ
ทันทีที่พูดจบ ร่างสูงๆก็ค่อยๆเดินออกมาจากความมืด
“เธอรู้สึกถึงฉันได้เหรอ?” อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
ฉินเฉิงหรี่ตาลง เค้าขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “หยานหยุน? แกมาทำอะไรที่นี่?”
ใช่แล้ว คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดคือผู้พิทักษ์อาวุโสของตระกูลซู หยานหยุน
ครั้งก่อนที่เค้าพยายามจะฆ่าฉินเฉิง แต่น่าเสียดายที่หยานหยุนเข้ามาห้ามไว้
ตอนนี้ ฉินเฉินก็เอาชนะซูหยู่ได้แล้ว หยานหยุนก็ปรากฎตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนนี้ หยานหยุนก็เต็มไปด้วยพลังแห่งการสังหาร เค้าไม่สามารถที่จะซ่อนเร้นมันเอาไว้ได้เลย
“ซูฉีไห่ส่งแกมาเหรอ” ฉินเฉิงถามขึ้นมาอย่างเย็นชา
หยานหยุนก็พูดอย่างเย็นชาว่า: “ฉันมาของฉันเอง”
“แกต้องการฆ่าฉัน” ฉินเฉิงเหลือบมองเค้า
“ใช่แล้ว” หยานหยุนพยักหน้าโดยไม่ลังเลอะไรเลย
“ฉันไม่รู้” แววตาของฉินเฉิงเย็นชา “แกถูกตระกูลซูขับไล่ออกไปแล้ว ทำไมแกถึงต้องการฆ่าฉัน? หรือว่าลึกๆแล้วแกกับฉันมีเรื่องบาดหมางระหว่างกัน?”
หยานหยุนถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา: “นี่คือหน้าที่ของฉัน ฉันเองก็กินอยู่กับตระกูลซูมานาน ฉันก็ต้องช่วยเหลือพวกเค้าอยู่แล้ว”
“แกไปซะ” ฉินเฉิงส่ายหัว “ในใจแกก็รู้อยู่แน่ชัดอยู่แล้วว่า ตอนนี้แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันเลยด้วยซ้ำ”
หยานหยุนพูดด้วยความโกรธเจ็ดคนก็ต้องมาตายเพราะการต่อสู้ แบบนี้ฉันจะอยู่บนโลกนี้ได้ยังไงกัน! ฉินเฉิง วันนี้ไม่แกก็ฉันที่ต้องตาย!”
ทันทีที่เค้าพูดจบ หยานหยุนปล่อยพลังของสายฟ้าขึ้นมาในมือ จากนั้นเค้าก็ชกเข้าไปที่ฉินเฉิงอย่างดุเดือด!
ฉินเฉิงยืนนิ่งเค้าไม่ขยับหลบอะไรเลย
หมัดนี้กระแทกเข้าไปที่หน้าอกของฉินเฉิงอย่างรุนแรง มันทำให้เกิดเสียงที่คมชัดมาก
แรงมหาศาลกระทบกลับ หยานหยุนรู้สึกเพียบแค่ว่าข้อมือของตัวเองชา กล้ามเนื้อและกระดูกของเค้าได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง
“แกทำอะไรฉันไม่ได้เลยแล้วจะฆ่าฉันได้ยังไงกัน?” ฉินเฉิงมองหยานหยุนอย่างเย็นชา
หยานหยุนก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ร่างกายจินซวน มันเป็นไปอย่างที่คิดไว้เลย ไม่มีใครสู้ได้จริงๆ สมแล้วจริงๆ”
“ร่างจินซวน? มันคืออะไรกัน?” ฉินเฉิงถามด้วยความสงสัย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าได้ยินคำๆนี้
“ไปถามราชาหยานสิ!” หยานหยุนตะโกนขึ้นมา ทั้งร่างของเค้าทะยานขึ้นแล้วหมัดของเค้ามันก็รวมพลังขึ้นมา!
หมัด 36 กระบวนท่า ทั้งหมดมันก็ชกเข้าไปที่ร่างของฉินเฉิง แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรกับร่างของฉินเฉิงได้เลย
“ฉันบอกแล้วไงว่าแกฆ่าฉันไม่ได้” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “แกเป็นน้องชายของหยานชิง ฉันไม่อยากฆ่าแก”
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว! ฉันไม่ต้องการความเมตตาจากแก ถ้าแกไม่ฆ่าฉัน ฉันก็จะฆ่าแก!” หยานหยุนพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง
ฉินเฉิงหรี่ตาลง จากนั้นเค้ายกมือขึ้นแล้วแสงสีทองก็ปรากฏ เค้าชกเข้าไปที่หน้าอกของหยานหยุนอย่างดุเดือด!
ร่างกายของหยานหยุนพุ่งกระเด็นออกไปในทันที หน้าอกของเค้าทรุดตัวลง มันไม่รู้เลยว่าเค้ากระแทกเข้ากับต้นไม้กี่ต้นกว่าจะหยุดกระเด็นออกไป
ฉินเฉิงก้าวเข้าไปหาเค้า ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา เค้าก็มาอยู่ที่ตรงหน้าของหยานหยุน
“แกเป็นคนที่มีพรสวรรค์” ฉินเฉิงพูดขึ้นมา “ทำตัวให้มันเป็นผู้เป็นคนแล้วมาติดตามฉันมันน่าจะดีกว่า”
“ฝันไปเถอะ!” หยานหยุนประคองตัวเองแล้วลุกยืนขึ้นมา “ถ้าแกแน่จริง แกก็ฆ่าฉันซะ! ไม่อย่างงั้นฉันไม่ปล่อยแกไปแน่!”
“ได้” ฉินเฉิงตอบตกลง ทันใดนั้นเองเค้าก็ยกมือขึ้นมา ด้วยความเร็วที่มองเห็ยได้ด้วยตาเปล่า เค้าก็จบเข้าไปที่หยานหยุน
ด้วย “ผั๊วะ” ที่ดังขึ้นมา หยานหยุนก็หมดสติแล้วล้มลงไปต่อหน้าของฉินเฉิง
ฉินเฉิงมองไปที่หยานหยุนที่ล้มอยู่ที่พื้นอย่างเย็นชา จากนั้นเค้าก็ประคองร่างของหยานหยุนขึ้นมาแล้วเดินเข้ามาในอพาร์ทเม้น
ฉินเฉิงไม่ได้ฆ่าเค้า ในตอนนี้เค้าก็ขาดแคลนคนและหยานหยุนคนนี้ก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก
ในตอนนี้เอง ร่างที่ซ่อนอยู่ในความมืดก็ค่อยๆหายตัวไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
ฉินเฉิงเหลือบมองมัน เค้าสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชาแล้วไม่ไล่ตามไป
เกี่ยวกับตัวตนของคนพวกนี้ ในใจฉินเฉิงก็พอเข้าใจอยู่บ้าง