ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 388 เพลิงแห่งจิตวิญญาณ
เมื่อได้ยินแบบนี้ จู้เหยาก็พูดเสียงเบาขึ้นมาว่า: “บางทีนี่อาจเป็นฉากที่เค้าต้องการ”
“อะไรนะ?” เถิงอาวขมวดคิ้วขึ้นมา
จู้เหายิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่มีอะไร ไป เราไปดูกันหน่อยหละกัน”
เถิงอาวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “มันมีอะไรน่าดูกัน? จะให้ฉันพาเธอไปชอปปิ้งดีกว่าไหม ที่ย่านหนานเป่ยมันมีห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่ ฉันได้ยินมาว่า…”
ก่อนที่เค้าจะพูดจบ จู้เหยาก็เดินออกไปแล้ว
เถิงอาวกัดฟัน จากนั้นเค้าก็ลุกขึ้นมาแล้วรีบวิ่งตามไป
ที่ภูเขาฉี ฉินเฉิงก็กำลังยืนอยู่ที่เชิง เค้าหลับตาลงเล็กน้อย
มันเป็นไปอย่างที่จู้เหยาคิดเอาไว้เลย ความเย่อหยิ่งเช่นนี้คือสิ่งที่ฉินเฉิงต้องการ
เค้าไม่เพียงแต่ไปยั่วยุผานหวังเท่านั้น แต่ยังต้องการกระตุ้นสำนักหลักในโลกนี้ด้วย
และความเย่อหยิ่งนี้มันก็เป็นเพียงแค่วิธีการก็เท่านั้น
“ตูม!”
ในตอนนี้เอง ร่างของผานหวังก็ตกลงมาจากที่สูง เค้ากระแทกพื้นจนเกิดหลุดขนาดใหญ่
ฉินเฉิงลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย เค้ามองไปที่ผานหวังแล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ถ้าฉันเดาไม่ผิด อาณาจักรผานมันก็น่าจะเป็นเศษซากที่ยังเหลืออยู่ของสำนักยุทธ์โบราณใช่ไหม? ปีศาจปาน แกนี่โชคดีนะ”
สีหน้าของผานหวังก็เปลี่ยนไป เค้าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “แกหมายความว่ายังไงกัน?”
ฉินเฉิงหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “มีเพียงแค่เศษซากของสำนักยุทธ์โบราณเท่านั้นที่จะมีเศษของพลังเหลือไว้ ปีศาจปาน แกว่าใช่ไหม?”
“คุแกยังรู้เรื่องพลังด้วย?” ผานหวังหรี่ตาลงเล็กน้อย “ในตัวแกมันมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่?”
“เรื่องนี่ฉันควรจะเป็นคนถามแกมากกว่านะ” ฉินเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “พลังมหาศาลอยู่ในซากปรักหักพัง มันสามารถหล่อเลี้ยงผู้คนนับล้าน มันจะต้องเป็นพลังแบบไหนกันแน่นะ?”
ผานหวังเยาะเย้ย: “ดูเหมือนว่าแกจะตรวจสอบฉันมาไม่น้อยเลยหนิ”
“ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบหรอก” ฉินเฉิงส่ายหัว “ทันทีที่แกปรากฏตัว ฉันก็มองออกแล้ว ไม่อย่างงั้น ฉันจะให้ทางเลือกแกเหรอ มอบอาณาจักรผานมาให้ฉันซะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก”
“รนหาที่ตาย!” เมื่อได้ยินแบบนี้ ผานหวังก็โกรธ ทันใดนั้นเอง เค้าก็ระเบิดพลังออกมา
ทันใดนั้นเอง ต้นไม้โดยรอบๆมันก็ถูกถอนรากถอนโคนออกไปในทันทีพร้อมกับเสียง “แกร็ก” ที่ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง!
ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดมันก็ปรากฏขึ้นในทันที มันต่างจากจอมยุทธ์ธรรมดา พลังของเค้านั้นบริสุทธิ์กว่ามาก มันมาพร้อมกับแรงกดมหาศาล!
พลังมันเป็นเหมือนกับสายรุ้ง แต่ฉินเฉิงยังคงยืนนื่ง
เค้ายืนกอดอกแล้วเยาะเย้ย: “ฉันหละกลัวว่าแกจะตอบตกลงจริงๆ”
ทันทีที่เสียงหายไป เท้าขวาของฉินเฉิงก็เคลื่อนไหวในทันที จากนั้นแสงสีทองมันก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเค้า!
พลังของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง ทั้งสองต่างก็เป็นพลังวิญญาณเหมือนกัน มันหาที่เปรียบไม่ได้เลย!
พลังวิญญาณในร่างของฉินเฉิงนั้น มันแตกต่างจากจอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไปเป็นอย่างมาก แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นสูงสุดก็ยังแบกรับไม่ไหว!
ในตอนนี้เอง รถสองคันก็มาถึงแทบจะพร้อมกัน
คนสองกลุ่มเดินลามาจากรถ โดยเฉพาะซูฉีไห่ เสียวหยูเชี้ยน จู้เหยา และเถิงอาว
“ลุงซู” จู้เหยาเดินตรงไปข้างหน้าแล้วโน้มตัวลงเล็กน้อย
ซูฉีไห่พยักหน้าแล้วพูดอย่างสุภาพว่า: “พวกเธอมาที่นี่ทำไม?”
เถิงอาวตอบกลับว่า: “ลุงซู จู้เหยา เธออยากเห็นฉินเฉิงถูกฆ่าด้วยตาของเธอเอง”
ซูฉีไห่หัวเราะแล้วพูดว่า: “จู้เหยา เกรงว่าวันนี้เธอคงจะไม่ได้เห็นมันแล้วนะ ผานหวังบอกว่าเค้าจะเก็บมันไว้แล้วส่งต่อมันให้กับลูกชายของฉัน”
เถิงอาวยิ้มแล้วไม่พูดอะไร แต่ในใจเค้าก็รู้สึกดูถูกเล็กน้อย
นี่มันไม่ต่างอะไรจากการเคี้ยวอาหารให้แล้วยัดเข้าปาก?
“พลังศิลปะการต่อสู้ของตระกูลซูนี่มันช่างอ่อนแอจริงๆ โชคดีที่เป็นยุคสมัยของสันติภาพ” เถิงอาวคิดกับตัวเอง
จู้เหยาที่อยู่ด้านข้างเธอไม่พูดอะไร แววตาของเธอกลมโต มันดูราวกับฤดูใบไม้ร่วง เธอยังคงมองไปที่ฉินเฉิงกับผานหวังที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“พลังของทั้งสองนั้นบริสุทธิ์มาก” จู้เหยาพูดขึ้นมาเบาๆ “แต่พลังของฉินเฉิงแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัดแล้วยังเต็มไปด้วยออร่าแห่งการสังหาร”
“ไม่เลวเลยนี่” ในฐานะที่ซูฉีไห่เป็นจอมยุทธ์ขั้นหก แน่นอนว่าเค้ามองออก
“กลิ่นไอของนักยุทธ์ มันมักจะเกี่ยวข้องกับบุคลิกของเค้า” ซูฉีไห่ก็พูดต่อว่า “อย่างเช่น ฮั่นจิ่วเถียนจากตระกูลฮั่น ทั้งการเคลื่อนไหวและกลิ่นไอของเค้ามันก็ถูกยับยิ้งไว้เป็นอย่างมาก”
“ตูม!” ในตอนนี้เอ ผานหวังก็เริ่มการลงมือ!
ด้วยพลังที่ไม่มีที่ไม่มีที่สิ้นสุดบนร่างกายของเค้า มันดูราวกับภูเขาที่กดทับบนร่างของฉินเฉิง!
บรรยากาศที่น่าสยดสยองนี้เอง ก็ดูไม่ออกเลยว่าต้นไม้กี่ต้นที่ถูกกวาดล้างไป!
การยกมือของเค้านี้เอง มันมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวของกระบี่เทพ!
ที่บนท้องฟ้าเหนือร่างของฉินเฉิง มันถูกปกคลุมไปด้วยกระบี่ขนาดเท่ากับตึก!
กระบี่เทพนี้ มันดูราวกับมาจากฟากฟ้า มันมาพร้อมกับด้วยแสงสีทองส่องประกายเพื่อเปิดโลกแล้วฟาดลงไปที่พื้นในทันที!
พื้นดินนี้ดูราวกับถูกทำลายด้วยพายุเฮอริเคน หินและต้นไม้บริเวณโดยรอบมันถูกทำลายลงในทันที เสื้อผ้าบนร่างของฉินเฉิงแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที!
“พลังนี่มันแข็งมากจริงๆ” ซูฉีไห่ประหลาดใจ มันเป็นความประหลาดใจที่น่ายินดี พลังนี้มันดูเหมือนว่าจะเหนือกว่าพลังของโจวติ่งในตอนนั้นเป็นอย่างมาก!
เถิงอาวหรี่ตาเล็กลงน้อยแล้วพูดว่า: “แม้ว่าร่างกายของฉินเฉิงจะไม่สามารถถูกทำลาย แต่ผานหวังก็มีชื่อเสียงในกระบวนท่านี้มานานแล้ว ใครจะแน่กว่ากันอย่างงั้นก็ต้องมารอดูกัน?”
ที่ไม่ไหลออกไป ร่างกายของฉินเฉิงก็เปล่งแสงสีทองสว่างจ้าออกมาแล้วกายาศักดิ์สิทธิ์ก็ส่องแสงออกมาบนร่างของฉินเฉิง มันเป็นราวกับชั้นเกราะ
หลังจากนั้น ก็มองเห็นเพียงแค่ฉินเฉิงที่กระโดดขึ้นมาพร้อมกับพลังอันยิ่งใหญ่ ทันใดนั้นเอง เค้าก็ซัดตรงเข้าไปที่ผานหวังในทันที!
ทันทีที่เค้าสัมผัสมัน กระบี่เทพของผานหวังก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆในทันที! มันแตกกระจายออกไปเป็นฝนที่ทองที่โปรยปรายนับไม่ถ้วนเลย!
พลังนี้มันปกคลุมไปทั่วดินแดนอันกว้างใหญ่ มันล่อเลี้ยงต้นไม้และทุกสรรพสิ้ง
“หมัดของฉินเฉิง ดูเหมือนว่ามันจะทรงพลังมากขึ้นนะ” แววตาของจ฿้เหยาก็เป็นประกายขึ้นมา สีหน้าของเธอดูอัศจรรย์เป็นอย่างมาก
เถิงอาวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา ตอนนี้ร่างกายของฉินเฉิงมันน่าจะเทียบได้กับจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่หรืออาจจะแข็งแกร่งมากกว่า!
“ร่างกายของแก สมแล้วจริงๆ” ผานหวังหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “แต่เทคนิคการฝึกฝนนั้นลึกลับแล้วก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เด็กที่โง่เขล่าอย่างแกจะไปเข้าใจอะไร?”
“ทำได้แล้วเหรอ?” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย “ที่แกพูดนั้นก็ไม่เลวเลยหนิ ช่วงนี้ฉันเองก็เพิ่งเรียนรู้กลเม็ดเล็กๆน้อยๆมา อย่างงั้นก็น่าจะดีกว่านะถ้าเราจะมาประลองกัน อย่ามัวพูดมาเสียเวลาอยู่เลย”
ผานหวังหัวเราะแล้วพูดว่า: “ทักษะของแกจะมาเทียบฉันได้ยังไงกัน? ฉินเฉิง ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนแกนะ ฉันจะทำให้แกได้รู้จักโลกนี้มากยิ่งขึ้น!”
หลังจากพูดจบแล้ว แก่นปราณทองคำในร่างของผานหวังก็ค่อยๆตายพลังออกมาแล้วพลังวิญญาณมันก็พลุ่งพล่านในทันที
กระบวนท่านับไม่ถ้วนมันก็ปรากฎขึ้นมาในครั้งเดียว ผานหวังกับโจวจิ่งพวกเค้าเป็นสายเดียวกัน พลังเวทย์ที่เหนือจินตนาการของโจวติ่ง มันก็ไม่ต้องพูดถึงของผานหวังเลย
“วันนี้ฉันจะให้แกเห็นเองว่าสิ่งที่เรียกว่าพลังเวทย์ที่แท้จริงมันเป็นยังไง!”
ผานหวังก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา จากนั้นเค้าก็ก้าวออกมา!
“กรงเล็บมังกรแสงศักดิ์สิทธิ์!” ผานหวังคำรามซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือของเค้าบีบจนแน่น นิ้วของเค้ามันดูเหมือนกับกรงเล็บมังกรแล้วตรงเข้าไปคว้าฉินเฉิง!
ฉินเฉิงเยาะเย้ยแล้วพูดว่า: “ผานหวัง วันนี้ฉันจะมาประลองพลังเวทย์กับแก!”
“กรงเล็บล่องหน!” ฉินเฉิงบีบกรงเล็บด้วยมือทั้งสอง นิ้วมือของเค้ามันดูราวกับกรงเล็บทำคำแล้วตรงเข้าไปเผชิญหน้าในทันที!
“แกร่ง!”
การปะทะกันของเวทย์ทั้งสอง ผานหวังรู้สึกว่านิ้วของตัวเองสั่นด้วยความเจ็บปวด มันดูราวกับว่านิ้วของเค้าจะหักยังไงยังงั้นเลย!