ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 390 การหลอมรวมของซูหยู่
“เธอคิดว่าไง?” ทันทีที่พูดจบ ฉินเฉิงก็ยกมือขึ้นมาแล้วตบหน้าเสียวหยูเชี้ยน
เสียง “ผั๊วะ” ที่ดังขึ้นมา มันก็ทำลายความเย่อหยิ่งของเสียวหยูเชี้ยนลงในทันที
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอยังคิดอยู่เลยว่าเธอจะเหยียบย้ำฉินเฉิงยังไงดี แต่ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นเอง ทุกสิ่งมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ผั๊วะ!”
เค้าตบไปที่หน้าของเสียวหยูเชี้ยนอีกครั้ง แม้ว่ามันจะไม่แรงมากนัก แต่มันก็ทำให้ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยนแดงขึ้นมา
เมื่อตบเข้าไปครั้งที่สาม ซูฉีไห่ก็ยกมือขึ้นมาแล้วคว้ามือของฉินเฉิงเอาไว้
เค้าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา: “ฉินเฉิงอย่าทำรุนแรงเกินไป”
ฉินเฉิงหรี่ตาลงแล้วพูดว่า: “ซูฉีไห่ ในใจของนายก็น่าจะแน่ชัดอยู่แล้ว ฉันอยากฆ่าแก เดิมทีแกก็ไม่มีโอกาสได้โต้กลับเลยด้วยซ้ำ”
สีหน้าของซูฉีไห่เปลี่ยนไปในทันที แม้ว่าเค้าจะไม่ต้องการยอมรับมันก็ตาม แต่มันก็เป็นความจริง
รอบๆนี่มันก็ไม่มีใครแล้ว ไม่ว่าตระกูลซูจะมีเกียรติมากแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นกลัวแล้วตกตะลึงอะไรมากขนาดนั้น
“ปล่อยฉัน” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
ซูฉีไห่กัดฟันแล้วปล่อยมือออก
การตบนี้ มันก็ตบไปที่ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยนในทันที
เสียงที่ดังก้องไปทั่วทั้งป่าบนภูเขาฉี “ผั๊วะ ผั๊วะ” มันเป็นเสียงที่ดังและคมชัด
การตบกว่าสิบแปดครั้ง ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยนก็บวมผิดรูปไปหมด
“การตบสิบแปดครั้งนี้มันก็น่าจะเพียงพอแล้วนะ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
สีหน้าของเสียวหยูเชี้ยนดูไม่ได้เลย แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร
หลังจากนั้นฉินเฉิงก็มองไปที่ซูฉีไห่
ซูฉีไห่ไม่พูดอะไร แต่ในใจเค้าเองก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย
อันที่จริง พลังศิลปะการต่อสู้ของตระกูลซูนั้นอ่อนแอมาก แม้ว่าพวกเค้าจะสามารถเชิญจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่มาได้ แต่การที่จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่จะคอยช่วยปกป้องพวกเค้าอยู่ตลอดเวลานั้น มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
และฉินเฉิงก็เป็นเด็กที่สาบานว่าเค้าจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ถ้าฉินเฉิงยังคงตามล่าฆ่าไปเรื่อยๆแบบนี้จริง ตระกูลซูทั้งหมดอาจจะต้องอยู่กันอย่างหวาดกลัว
ฉินเฉิงถอนหายใจแล้วพูดว่า: “แต่การฆ่าพวกแกแบบนี้ มันก็ไม่ใช่จุดจบที่ฉันอยากเห็น กลับไปบอกตระกูลซูไอ่ที่สมควรตายนั่นซะ ว่าเรื่องความแค้นระหว่างเราให้ลืมๆมันไปซะ”
ซูฉีไห่พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ฉินเฉิง นี่มันมากเกินไปแล้วนะ ถ้าตระกูลซูสายเลือดที่แปดต้องพ่ายแพ้จริงๆมันก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลซูทั้งหมดจะต้องพ่ายแพ้แก”
“ฉันต้องการให้แกเอาข่าวไปส่งพวกมันก็เท่านั้น” ฉินเฉิงยกมือขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ใบหน้าของเสียวหยูเชี้ยน
“นายจะทำอะไร?” เสียวหยูเชี้ยนเอามือลูบไปที่หน้าผากของเธอย่างสยดสยอง
“ไม่ต้องห่วง ถ้าหากว่าฉันจะฆ่าแก ฉันก็แค่ยกมือขึ้นก็เท่านั้น” ฉินเฉิงหัวเราะแล้วพูดว่า “พวกแกไสหัวออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”
ซูฉีไห่สูดหายใจเข้าลึกๆ เค้าจ้องมองไปที่ฉินเฉิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ในตอนที่แกมีอำนาจ แกก็ไม่รู้จักให้อภัยคน ฉินเฉิง โลกนี้มันไม่มีที่อยู่สำหรับแก”
“ฉันไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับตัวเองแล้วเชื่อคำพูดของแก” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
ซูฉีไห่ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเค้าก็หันหลังแล้วเดินจากไป
หลังจากที่พวกเค้าจากไปแล้ว ฉินเฉิงก็แทบทนรอไม่ไหวที่จะหยิบยาเม็ดสีทองนี้ออกมา
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่ามันจะมีสถานที่ๆมหัศจรรย์แบบนี้อยู่” ฉินเฉิงคิดอยู่ในใจ “ราชาผานคนนี้ก็มีพรสวรรค์เหมือนกัน ด้วยพลังของคนเพียงคนเดียว มันก็สามารถสร้างผู้ฝึกตนได้… จะว่าไปแล้วฉันก็ต้องขอบคุณนายจริงๆ”
หลังจากนั้น ฉินเฉิงก็โยนยาเม็ดสีทองเข้าไปในกระเป๋าแล้วเดินกลับไปที่อพาร์ทเม้น
…
ที่บ้านตระกูลซู ซูฉีไห่กับเสียวหยูเชี้ยนก็กำลังคุกเข่าต่อหน้านายท่านซู
“พ่อครับ ผมแพ้แล้ว” ซูฉีไห่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก้มหน้าลง
โชคดีที่นายท่านซูไม่ได้สนใจอะไรมากกับพลังของศิลปะการต่อสู้นี้จริงๆ ดังนั้นเค้าเลยถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา
“ช่วงนี้ก็อย่างพึ่งเข้าไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลซู ออกไปพักผ่อนซะ” น้ำเสียงของนายท่านซูก็ดูไม่อะไรซะเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เค้าพูดมันก็ทำให้รู้สึกมืดมน
หลังจากทำงานหนักมาเป็นเวลานาน มันไม่ง่ายเลยที่เค้าจะได้รับความชื่นชมจากนายท่านซู
เมื่อเห็นว่ามันสามารถเข้าถึงแกนกลางของตระกูลซูได้แล้ว ตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
“ถ้าฆ่าฉินเฉิงได้ตั้งแต่แรก เรื่องมันก็คงจะไม่มาถึงจุดนี้ …” ซูฉีไห่รู้สึกเศร้าใจ
“พ่อครับ ผมมีอีกเรื่องจะบอก” ซูฉีไห่เงยหน้าขึ้นมองนายท่านซูแล้วพูดว่า “พ่อครับ สำหรับตระกูลซูแล้ว จะต้องไม่มีฉินเฉิงอยู่อีกต่อไป!”
สีหน้าของนายท่านซูดูเย็นชาเป็นอย่างมาก เค้าถอนหายใจแล้วพูดว่า: “ตั้งแต่วันนี้ไป เรื่องของตระกูลซู เธอไม่ต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับมัน ไปซะ”
“พ่อครับ ฉินเฉิงมันอันตรายมากนะครับ เก็บมันไว้ไม่ได้นะครับ!” ซูฉีไห่กัดฟันแล้วพูดออกมา
จู่ๆ นายท่านซูก็โกรธจัดแล้วพูดว่า “หุบปากซะ! ตระกูลซูมีเกียรติ ฉันจะต้องมากลัวกับคนที่ไม่มีตัวตนแบบนี้ได้ยังไงกัน! ถ้าแกยังพูดมากอยู่อีก ฉันจะขับไล่แกออกไปจากตระกูลซูซะ!”
สีหน้าของซูฉีไห่ก็กลายเป็นสีเทาราวกับจะตาย เค้าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ในตอนนี้เอง จู่ๆก็มีแสงแวบวาบขึ้นมาบนคิ้วของเสียวหยูเชี้ยน
หลังจากนั้น ก็เห็นแสงของพลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยออกมาจากคิ้วของเสียวหยูเชี้ยน
พลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คือฉินเฉิง!
ฉินเฉิงลอยไปในอากาศ เค้ากวาดมองไปรอบๆ เค้าหัวเราะแล้วพูดว่า: “ว่ากันว่าสถานะของซูฉีไห่ในตระกูลซูมันต่ำมาก วันนี้เมื่อได้มาเห็น มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”
นายท่านซูก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา: “ไอ่เดรัจฉาน แกคิดจะทำอะไร?”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันแค่จะมาบอกแกสองสามอย่าง คุณเห็นไหมว่าตระกูลซูที่ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ฉันก็ยังสามารถบุกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย แกคิดว่าถ้าหากฉันอยากจะเอาชีวิตของแก มันจะยากขนาดนั้นเหรอ?”
สีหน้าของนายท่านซูก็เปลี่ยนไป เค้าพูดขึ้นมาด้วยความโกรธว่า: “ไอ่เดรัจฉาน แกกำลังจะขู่ฉันอย่างงั้นเหรอ?”
“หึหึ กลับไปคิดเอาเอง” ฉินเฉิงหัวเราะแล้วพูดออกมา
ในตอนนี้เอง ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆนายท่านซูก็ยื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปคว้าพลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์
ที่อพาร์ทเม้นที่อยู่ไม่ไกลออกไป ฉินเฉิงก็ลืมตาขึ้นมาในทันที
“คนที่มีฝีมือ?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา คนที่มีฝีมือคนนี้มันไม่ง่ายเลย ความแข็งแกร่งของเค้ามันอาจมีมากกว่าราชาผาน
“ดูเหมือนว่าไอ่แก่ที่ไม่ยอมตายนี่มันจะระวังตัวเป็นอย่างมากนะ” ฉินเฉิงเอามือลูบไปที่คางแล้วพลางคิดกับตัวเอง
ที่อีกด้านหนึ่ง นายท่านซูก็กำลังหายใจแรงด้วยความกลัว
“อนายท่าน ไม่ต้องตกใจไปหรอกครับ” ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมจะอยู่ข้างกายท่านตลอด24ชั่วโมง”
นายท่านซูเหลือบมองไปที่ผู้จัดการ จากนั้นเค้าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
จากนั้นเค้าก็โบกมือขึ้นมาอย่างไม่สนใจ: “พวกเธอสองคน ไปซะ”
“ครับ” ซูฉีไห่ลุกขึ้นมา เค้าพาเสียวหยูเชี้ยนเดินกลับไปที่บ้านของตัวเอง
หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว ซูฉีไห่ก็ทรุดตัวลงบนโซฟาด้วยความทุกข์ใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย
เค้าเอามือลูบหน้าผากของตัวเองแล้วพูดเบาๆขึ้นมาว่า: “การที่ฉันยังอยู่ที่บ้านตระกูลซู เกรงว่าฉันจะไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากอย่างแน่นอน”
“พ่อครับ ฉินเฉิง… ตายแล้วยัง…”
ในตอนนี้เอง มันก็มีเสียงแปลกๆเสียงหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลดังขึ้นมา
เสียงนั้นแปลกมาก มันแหบแห้งและคมชัด มันดูราวกับว่าเป็นเสียงสองเสียงมารวมกัน