ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม - บทที่ 405 ความไร้ยางอายของหยูฉงชือ
หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์แล้ว ฉินเฉิงยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงเจ้าสำนักพูดออกมาว่า “มาที่ ตำหนักเทพโอสถหน่อย”
“เอ๋ เมื่อไหร่ดีครับ?” ฉินเฉิงถามออกไป
เจ้าสำนักตอบกลับมาว่า “เดี๋ยวนี้เลย”
ฉินเฉิงถามกลับไปว่า “มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“อืม ฉันรอนายอยู่ที่ ตำหนักเทพโอสถ” พูดจบเจ้าสำนักก็วางสายลงไปทันที
สำหรับเจ้าสำนัก ฉินเฉิงติดหนี้บุญคุนกับเธอไว้มาก
ไม่ว่าเธอจะมีท่าทางที่เย็นชาขนาดไหน แต่เธอก็แอบช่วยฉินเฉิงอยู่ทุกครั้ง
ดังนั้น สำหรับคำสั่งของเธอแล้ว ฉินเฉิงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ
หลังจากนั้นที่ฉินเฉิงกลับไปลาฟางเสี่ยวเต๋อ เขาก็ออกเดินทางไปที่ ตำหนักเทพโอสถทันที
จิงตูอยู่ห่างจาก ตำหนักเทพโอสถไม่มาก ในตอนที่ฉินเฉิงไปถึง ตำหนักเทพโอสถก็ประมาณดึกๆ
เขายืนอยู่ที่หน้าประตูของ ตำหนักเทพโอสถ หัวใจของเขามีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ดูเหมือนที่นี่กำลังตกอยู่ในความยากลำบาก
“เข้ามา” เสียงของเจ้าสำนักดังมาจากด้านใน
เมื่อฉินเฉิงได้ยินแบบนั้นเขาก็รีบเข้าไปทันที
เจ้าสำนักอยู่ด้านในสุดของ ตำหนักเทพโอสถ ที่นี่เงียบมาก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉินเฉิงได้เข้ามาด้านใน
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเจ้าสำนักกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
ต้นขาเรียวของเธอวางอยู่บนเตียงอย่างสบายๆ ดูมีเสน่ห์ทุกการเคลื่อนไหว
ฉินเฉิงรีบหันหน้าไปทางอื่น และพูดออกมาด้วยความเคารพว่า “เจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ คุณมีเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
เจ้าสำนักวางหนังสือที่อยู่ในมือ ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงและใช้สายตาในการบอกให้ฉินเฉิงนั่งลง
หลังจากนั้นเธอก็รินน้ำให้กับฉินเฉิงด้วยตัวเอง พร้อมพูดออกมาว่า “ช่วงนี้นายได้รับความสนใจมากเลยนะ”
ฉินเฉิงยิ้มออกมาแบบขมขื่น “มันไม่มีทางเลือกครับ”
เจ้าสำนักพูดออกมาว่า “มีแผนอะไรไหม?”
เมื่อได้ยินคำถาม ความแค้นในดวงตาของฉินเฉิงก็เผยออกมาทันที “ผมต้องการฆ่าล้างตระกูลซู”
“ฆ่าล้างตระกูลซู?” เจ้าสำนักหัวเราะออกมา “มันจำเป็นถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ครับ” ฉินเฉิงพูดออกมา “คนของตระกูลซูฆ่าซูวาน ผมจะต้องให้ทุกคนของตระกูลซูมาชดใช้!”
เมื่อพูดถึงซูวาน เจ้าสำนักก็เงียบไปพักหนึ่ง
จากนั้นเธอโบกมือและพูดออกมาว่า “ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆผู้อาวุโสซูเขาคือจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่”
“จอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่?” ดวงตาของฉินเฉิงมีความตกใจเผยออกมา
ถึงแม้ว่าฉินเฉิงจะรู้อยู่แล้วว่าผู้จัดการคนนั้นคงเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่
ในโลกนี้มีจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่อยู่เพียงไม่กี่คน และส่วนใหญ่ก็เข้าร่วมกับรัฐบาล
แต่ผู้อาวุโสซูสามารถเอาจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่มาอยู่ข้างกายได้ นั่นมันก็แสดงให้เห็นถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของเขา
“ไม่ใช่เพียงเท่านั้น อำนาจของผู้อาวุโสซูนั้นเหนือกว่าที่จะสามารถจินตนาการได้ ถ้าหากเขาตายไป จิงตูจะต้องสั่นสะเทือน” เจ้าสำนักพูดออกมาต่อ
ฉินเฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ครับ ผมคิดถึงปัญหานั้นเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงหาวิธีให้เขาลงจากตำแหน่ง”
เจ้าสำนักยิ้มออกมาและไม่ได้พูดอะไร
“ฉันมีเรื่องสองเรื่องต้องการให้นายทำ” ในตอนนั้น จู่ๆเจ้าสำนักก็พูดออกมา
เธอโยนเอกสารสองฉบับลงบนโต๊ะ จากนั้นเธอก็หาว และกลับไปนอนลงบนเตียงของเธอ
ฉินเฉิงหยิบเอกสารทั้งสองฉบับออกมาดูอย่างละเอียด
เรื่องแรก ความคับข้องใจระหว่าง ตำหนักเทพโอสถกับสมาคมกลั่นยานานาชาติ ทั้งสองฝ่ายจะมีการแข่งขันการกลั่นยาในปีนี้และเจ้าสำนักก็หวังจะให้ฉินเฉิงไปลงแข่ง
และเรื่องที่สองเป็นเรื่องที่ทำให้ฉินเฉิงตกใจเป็นอย่างมาก
บนเอกสารเขียนว่า “ความลับสุดยอดของสำนักงานความมั่นคง”
หลังจากที่อ่านเนื้อความมันก็ทำให้ฉินเฉิงเงียบไปนาน
สำนักงานความมั่นคงสั่งให้ ตำหนักเทพโอสถกลั่นยาให้เขาชุดหนึ่งอย่างลับๆ ยาชนิดนี้ยังไม่ได้รับการวิจัยในขณะนี้ แต่ประสิทธิภาพของยาสามารถปรับปรุงสมรรถภาพทางกายและความสามารถในการต่อสู้ของบุคคลได้โดยตรง
พูดง่ายๆก็คือ ยาที่สามารถทำให้ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่กลายไปเป็นจอมยุทธได้
ฉินเฉิงสูดลมหายใจเขาไปลึกๆ เขาลุกขึ้นยืนทันที โค้งคำนับเจ้าสำนัก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ขอบคุณท่านเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่มากครับ”
เจ้าสำนักโบกมือและพูดออกมาว่า “ขอบคุณฉัน? ทั้งสองเรื่องนี้มีแต่นายคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้ อย่าคิดมาก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ก็เห็นอยู่ว่าที่เจ้าสำนักทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะช่วยฉินเฉิง แต่เธอไม่อยากที่จะพูดออกมาตรงๆ
ฝีมือการกลั่นยาของเจ้าสำนักนั่นเหนือกว่าฉินเฉิงเป็นหลายเท่า แต่ทำไมเธอถึงเลือกที่จะมอบสองเรื่องนี้ให้ฉินเฉิงเป็นคนรับผิดชอบ?
เหตุผลมันก็ง่ายมาก นั่นก็เพราะเพื่อช่วยเพิ่มเกียรติของฉินเฉิง และเพื่อช่วยชีวิตเขา
การเผชิญหน้ากับสมาคมการกลั่นยานานาชาติไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของ ตำหนักเทพโอสถ แต่มันยังส่งผลถึงทั้งเหยียนเซี่ย
และส่วนทางด้านของเอกสารกลั่นยาลับที่ได้มากจากสำนักงานความมั่นคง ถ้าหากฉินเฉิงสามารถทำมันได้สำเร็จ นั่นมันก็เท่ากับว่าฉินเฉิงจะได้รับโล่ป้องกันตัวขั้นสุดยอดมาอยู่ในมือ!
ที่เจ้าสำนักมอบสองเรื่องนี้ให้ฉินเฉิงเป็นคนจัดการ เป้าหมายของเธอนั้นชัดเจนมาก
“เอาหละ ถ้าหากไม่มีเรื่องอื่นแล้วนายก็ออกไปด้ ฉันง่วง” เจ้าสำนักวางหนังสือไว้ข้างๆและพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์
ฉินเฉิงลุกขึ้นและโค้งคำนับอีกครั้ง
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและพูดออกมาว่า “ท่านเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
“เอาเอกสารไปด้วย” ในตอนที่ฉินเฉิงเดินไปถึงหน้าประตู จู่ๆเจ้าสำนักก็พูดออกมา
หลังจากที่ที่หยิบเอกสารออกไปแล้ว ฉินเฉิงก็กลับไปที่บ้านพักผู้อาวุโสของเขา
เห็นได้ชัดเลยว่าบ้านพักผู้อาวุโสของเขาเพิ่งจะได้รับการทำความสาอด และที่หน้าประตูของเขาก็มีคนยืนเฝ้าให้สองคน
“สัวสดีครับผู้อาวุโส” เมื่อเห็นฉินเฉิงมาถึง คนเฝ้าประตูทั้งสองก็รีบเปิดประตูให้กับฉินเฉิงทันที
ฉินเฉิงพยักหน้าและพูดออกมาว่า “พวกนายไปพักผ่อนเถอะ”
ในคืนนั้นฉินเฉิงไม่หลับไม่นอน เขาเอาแต่ทำการวิจัยสองเรื่องนี้
เรื่องของสมาคมกลั่นยานานาชาติสามวันหลังจากนั้นจะจัดการแข่งขันขึ้นที่สหรัฐอเมริกา
ส่วนเรื่องการกลั่นยาลับ ด้านบนไม่ได้เขียนถึงระยะเวลาเอาไว้ แต่ฉินเฉิงคิดว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดี
“ยาชนิดนี้ ขนาดพ่อของฉันเองยังไม่มีการบันทึกไว้” ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดออกมา
มันก็ไม่ใช่ว่าไม่มียาที่มีคุณสมบัติคล้ายๆ แต่ยาที่ว่ามันต้องใช่กับคนที่พิเศษจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นร่างกายของเขาอาจจะระเบิดตายเลยก็ได้
แต่ฉินเฉิงก็มีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าเขาจะสามารถกลั่นยาชนิดนี้ออกมาได้
ทั้งคืน ฉินเฉิงไม่ได้แม้แต่หลับตา ในสมองของเขาเต็มไปด้วยวิธีกลั่นยา
เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“อาจารย์!” เสียงของฉูเป่ยชวนดังออกมาจากด้านนอก หลับจากนั้นเขาก็ได้เห็นฉูเป่ยชวนเปิดประตูเข้ามา
เขาวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและเข้ามากอดฉินเฉิงไว้ พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านอาจารย์ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ผมคิดถึงอาจารย์จะตายอยู่แล้ว! ผมคิดถึงท่านมากจริงๆ…”
“พอได้แล้วๆ” ฉินเฉิงตัดคำพูดของเขา จากนั้นเขาก็มองไปที่ฉูเป่ยชวนและพูดออกมาว่า “นายเองก็ก้าวไปสู่จอมยุทธแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
ฉูเป่ยชวนพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ “แน่นอน! ผมต้องขอบคุณท่านอาจารย์จริงๆ ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่ ตำหนักเทพโอสถ ผมก็ได้กินยาทุกชนิดของที่นี่ และในที่สุดก็มาถึงจุดนี้!”
ฉินเฉิงพยักหน้า ตอนที่เขาเจอฉูเป่ยชวนครั้งแรก เขาคิดว่าความสามารถของฉูเป่ยชวนนั้นไม่เพียงพอ แต่ตอนนี้ดูแล้วเขาน่าจะมองผิดไป
“คุณฉิน” หลังจากนั้นชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็เดินเข้ามาทันทักทายฉินเฉิง
เขายังคงเหมือนเดิม ท่าทางของเขาดูสงบและเป็นคนพูดน้อย
ฉินเฉิงมองไปที่เขา และกอดชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพร้อมพูดว่า “หลังจากนี้พวกนายตามฉันมาได้แล้ว”