ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - บทที่ 228 รอให้เธอเป็นคนเลี้ยงดูฉันแล้ว
ตอนเย็น หลานซวี่นำเอกสารเข้ามาส่ง ให้เฉียวเหวยอีเซ็นชื่อ
เวลาที่เฉียวเหวยอีเริ่มเขียน ลี่เย่ถิงกำลังหั่นพริกหยวกกับมะเขือเทศอยู่ด้านข้าง
เธอได้กลิ่นหอมอ่อนๆของอาหาร มองดูเอกสารประโยคสุดท้าย รวมถึงตี้หวงอีเฮ่า และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆทั้งหมดในชื่อของลี่เย่ถิง ก็นำมาเป็นชื่อของเธอ
เธอเซ็นชื่อหนึ่งตัวอักษร ก็ครุ่นคิด หันหน้าไปถามลี่เย่ถิง“คุณยังมีบ้านที่อีกเหรอ?”
ลี่เย่ถิงกระตุกยิ้มมุมปาก นำวัตถุดิบในการทำอาหารใส่ลงในกระทะและผัด
พูดแล้วกลัวจะทำให้เธอตกใจ
เฉียวเหวยอีมองเขาด้วยความดื้อรั้น รอให้เขาตอบคำถามของตัวเอง
“หลังจากนี้ก็รอให้เธอเป็นคนเลี้ยงดูฉันแล้ว”ลี่เย่ถิงหางตากะพริบ เหลือบมองดูเธอ พูดเสียงเรียบเฉย
ก่อนที่เขาจะจดทะเบียนสมรส นอกจากที่ไม่นับหุ้นที่อยู่ในตระกูลลี่ อสังหาริมทรัพย์ของตัวเองทุกอย่างก็มอบให้กับเธอ เพื่อให้เธออยู่ข้างกายเขาได้อย่างสบายใจ
“?”เฉียวเหวยอียิ่งประหลาดใจ
“ก็ไม่ถือว่าเยอะ ในประเทศมีบ้านสามหลัง ต่างประเทศมีสองสามหลัง”ลี่เย่ถิงนำมะเขือเทศผัดจนมีน้ำออกมา ปรุงรสชาติเสร็จแล้ว ปิดเตาแก๊ส ก็พูด
หลานซวี่ที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองลี่เย่ถิงเงียบๆ อสังหาริมทรัพย์มากกว่าร้อยล้าน คุณชายของเขา ยังพูดว่าเล็กน้อย
ที่สำคัญคือลี่เย่ถิงอยากทำให้เฉียวเหวยอีประหลาดใจและคาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น ความจริงก่อนที่จะให้กำเนิดลูก เขาซื้อเกาะให้ลูกชายเป็นของขวัญวันเกิด แต่ว่าเกิดเรื่องเกินความคาดหมายขึ้นมา จึงไม่ได้บอกให้เธอรู้เท่านั้นเอง
เกาะนี้พัฒนาไปครึ่งหนึ่งแล้ว เขาลงทุนเงินอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มีมูลค่าพุ่งเป็นหมื่นล้านแล้ว
รอให้เฉียวเหวยอีเซ็นชื่อ ก็ถือว่าอยู่ในชื่อของเธอ
หลังจากนี้ เธอก็จะค่อยๆรู้
เฉียวเหวยอีแอบคำนวณในใจ คำนวณราคาของตี้หวงอีเฮ่าทุกหลังแล้ว ก็น่าจะหลายพันล้าน
อสังหาริมทรัพย์เปรียบเทียบไม่ได้กับหุ้นของเขา ไม่ได้เกินไป
“เซ็นชื่อแล้วเตรียมตัวกินข้าว”ลี่เย่ถิงเหลือบมองเอกสาร พูดเสียงเรียบเฉย
ก่อนหน้านี้เฉียวเหวยอีก็รับปากเขาแล้ว ต้องเซ็นข้อตกลง ถูกเขาเร่งรัดหลายครั้ง จึงลงมือเขียน เซ็นชื่อของตัวเอง
ลี่เย่ถิงหลังจากนั้นก็หยิบกระดาษส่งไปให้หลานซวี่ กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ พูดไปทางเฉียวเหวยอี“ไม่ใช่เธอพูดว่าจะทอดสเต๊กเนื้อไวน์แดงด้วยตัวเอง?”
เพราะว่าหนิงหนิงชอบกินสเต๊กเนื้อ เฉียวเหวยอีทำมากกว่าร้อยครั้ง อาหารจานเดียวที่เธอทำได้คือสเต๊กเนื้อ
เฉียวเหวยอีเห็นว่าลี่เย่ถิงดูถูกฝีมือการทำอาหารของเธอเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนเดินไปถึงด้านหน้าห้องครัว นำเนื้อที่หมักออกมาตบ พูดกับตัวเอง“อืม พอใช้ได้แล้ว”
ลี่เย่ถิงกระตุกยิ้มมุมปาก ลุกขึ้นยืน ดูท่าทางใช้กระทะของเธอที่ไม่คล่องแคล่วเป็นอย่างมาก
เฉียวเหวยอีล้างมือ ใส่น้ำมันลงในกระทะ คีบเนื้อวางลงไป
ทอดประมาณสิบวินาที น้ำในมือของเฉียวเหวยอี หยดลงไปสองหยดนกระทะน้ำมันก็ระเบิดออกมาสองครั้ง
เฉียวเหวยอีจิตใต้สำนึกสั่งให้ดึงมือกลับมา
ยังไม่ทันได้มองว่ามือโดนลวกไหม ลี่เย่ถิงที่อยู่ด้านข้างเลิกคิ้วขึ้นจับข้อมือของเธอเข้ามา มองอย่างละเอียด
“ไม่เป็นไร”เฉียวเหวยอีสีหน้าไม่เป็นไร
“โง่จริงๆ”ลี่เย่ถิงขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม รีบน้ำมือของเธอไปล้างน้ำ
คนบางคนก็ไม่เหมาะกับการทำอาหารโดยกำเนิด อย่างเช่นเฉียวเหวยอีที่เป็นแบบนี้ แม้แต่ดูและตัวเองให้ดียังทำไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำอาหาร
“นั่นฉันไม่ใช่เรียนช้าเหรอ?”เฉียวเหวยอีอดไม่ได้ ที่จะพูดพึมพำอย่างไม่ยอม
ข้อบกพร่องของเธอคือออทิสติก จนกระทั่งอยู่มัธยมต้นก็ค่อยๆฟื้นตัว ก่อนหน้านั้น นอกจากเธอเรียนหนังสือแล้วก็ยังสนใจสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย ก็แทบไม่เคยทำอย่างอื่นเลย