ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ - บทที่ 288 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเธอ
เฉียวเหวยอีเห็นชุดสีชมพูแล้วยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ และอุณหภูมิบนใบหน้าของเธอก็ร้อนขึ้นในทันที
เธอเปิดกระเป๋าและหยิบเสื้อผ้าข้างในออกมาทั้งหมด ลี่เย่ถิงยังคงล้างมืออยู่ที่เดิมราวกับว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะจากไป
เธอมองย้อนกลับไปที่การเคลื่อนไหวของลี่เย่ถิงอย่างเงียบ ๆ และซ่อนชุดชั้นในไว้ใต้เสื้อผ้าของเธออย่างรวดเร็ว
“ฉัน…” เธอลังเลและอยากจะบอกให้ลี่เย่ถิงไปที่ร้านอาหารก่อน
หลังจากเขาล้างมือเสร็จ จึงเดินช้าๆ ไปที่โต๊ะที่หันหน้าไปทางเฉียวเหวยอี ดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งจ้องมาที่เธออย่างใกล้ชิด
แม้ว่าเสื้อคลุมอาบน้ำจะค่อนข้างหนา แต่เฉียวเหวยอีที่ไม่ได้ใส่ชุดชั้นในนั้นรู้สึกอึดอัด
ลี่เย่ถิงมองไปที่สีแดงเข้มบนใบหน้าของเธอ เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เฉียวเหวยอี เธอรู้ไหมว่าเหลือเวลาอีกนานแค่ไหน?”
“หือ?” เฉียวเหวยอีไม่เข้าใจว่าเขาจะถามไปเพื่ออะไร
เมื่อเห็นมือเล็กๆ สองข้างของเธอบิดสายรัดเสื้อคลุมอาบน้ำรอบเอว และมีท่าทีแปลกไป ทำให้ลี่เย่ถิงหงุดหงิดมากขึ้น
“ยังมีเวลาอีกสองสามเดือนก่อนที่จะไปสอบเข้าวิทยาลัย” ลี่เย่ถิงขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ระดับเสียงของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย “เธอไม่ตั้งใจเรียนแต่จะมีความรักงั้นเหรอ?”
“รู้ไหมว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตของเธอนะ!”
เฉียวเหวยอีตกตะลึงกับการตำหนิอย่างกะทันหันของลี่เย่ถิง
“ฉัน……”
“นัดกินบาร์บีคิวพรุ่งนี้ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่น !” ก่อนที่ลี่เย่ถิงจะรอให้เธอพูดจบ เขาก็พูดขึ้นแล้วหันหลังเดินออกไป และปิดประตูอย่างแรง
เฉียวเหวยอีตกใจมาก เธอจ้องไปที่ประตู
เธอใช้เวลานานกว่าจะรู้ว่าลี่เย่ถิงอาจจะหมายถึงวันนี้ตอนเลิกเรียน มีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งนัดเธอออกไปวันพรุ่งนี้ แต่เธอไม่ได้ตกลงไปกับเขา เธอไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงบอกว่าเธอจะมีป๊อปปี้เลิฟล่ะ?
เธอจ้องไปที่ประตูที่สั่นด้วยความงุนงง และความคับข้องใจที่อธิบายไม่ได้เข้ามาในหัวใจของเธอ
ป๊อปปี้เลิฟอะไร?
คนที่เธอชอบคือเขา แต่เขาใช้อำนาจของผู้ปกครองมาสั่งสอนเธอทุกวัน เธอจะไปมีป๊อปปี้เลิฟได้ยังไง?
สิบนาทีต่อมา เมื่อเฉินพัวโจวเห็นว่าเฉียวเหวยอีไม่ได้มาด้วย เขาเหลือบมองไปที่ใบหน้าที่มืดมนของลี่เย่ถิง และถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้น? โกรธเด็กคนนั้นหรือไง เธอไม่เชื่อฟังงั้นเหรอ?”
“ป๊อปปี้เลิฟ” ลี่เย่ถิงกัดฟันตอบ
เฉินพัวโจวพูดออกมาด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “ไม่ได้นะ ตอนนี้เธออยู่ม.6 กำลังเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ทำไมถึงไปยุ่งกับพวกผู้ชายพรรค์นั้นล่ะ? ”
“ผู้ชายน่ะรู้จักผู้ชายกันเองดีที่สุด แม้ว่าพวกคนเหล่านั้นจะยังเด็ก แต่ก็พิเรนทร์ใช่ย่อย ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ อย่าให้มายุ่งกับเธอเด็ดขาดนะ!”
เมื่อฟังเขา ใบหน้าของลี่เย่ถิงก็ดูบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
เฉินพัวโจวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “แต่ว่านี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้ว เธอคงหิวแย่แล้วล่ะมั้ง?”
ลี่เย่ถิงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
เฉินพัวโจวคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันไปเรียกเธอมากกินข้าวดีกว่า เสี่ยวเหวยอีดูยาก เธอค่อนข้างมีโลกส่วนตัว”
หลังจากถูกลี่เย่ถิงดุก็ไม่มากินข้าวเลย
เฉินพัวโจวเดินไปที่หน้าต่างและเหลือบมองที่เธอ เธอกำลังอ่านอยู่ที่โต๊ะในขณะที่กำลังเช็ดน้ำตา
เขากระซิบเบา ๆ
เฉียวเหวยอีหันกลับมาเห็นเฉินพัวโจวจึงแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เปิดหน้าต่างแล้วตอบเขาว่า “ฉันไม่กินค่ะ พวกพี่กินเถอะ”
“มีความรักเหรอ ผู้ปกครองก็แค่เป็นห่วงเธอน่ะ พูดนิดพูดหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?” เฉินพัวโจวพิงรั้วและถามเธอด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเปล่านะคะ!” เสียงของเฉียวเหวยอีแหบเล็กน้อย ดวงตาของเธอแดงก่ำอีกครั้ง และเขาตอบอย่างแข็งกระด้าง