ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 101 หมาป่าตาขาวตัวน้อยที่เลี้ยงไม่เชื่อง + บทที่ 102 เจ้าไม่ใช่มนุษย์
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 101 หมาป่าตาขาวตัวน้อยที่เลี้ยงไม่เชื่อง + บทที่ 102 เจ้าไม่ใช่มนุษย์
บทที่ 101 หมาป่าตาขาวตัวน้อยที่เลี้ยงไม่เชื่อง + บทที่ 102 เจ้าไม่ใช่มนุษย์
Ink Stone_Romance
บทที่ 101 หมาป่าตาขาวตัวน้อยที่เลี้ยงไม่เชื่อง
ในทางกลับกันนั้น หยางซิ่วเอ๋อร์ต่างหากที่ตักตวงผลประโยชน์จากหนิงเมิ่งเหยา ไม่ว่าจะเป็นการที่หญิงสาวสอนปักเย็บผ้าและอื่นๆ อีกมากมาย เรื่องดีๆ ทุกอย่างที่นางได้เรียนรู้นั้น ล้วนแล้วแต่มาจากหนิงเมิ่งเหยาทั้งสิ้น แต่หากนางพูดเช่นนั้นออกไป ผู้คนจะมองว่านางเป็นหมาป่าตาขาวเอาได้
“หยางซิ่วเอ๋อร์ เจ้าลงมาเถอะ แล้วเราก็ควรพูดทุกอย่างให้ชัดเจนเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่เกิดเรื่องวุ่นวายกันอีก” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างหงุดหงิด
หญิงสาวรู้สึกรำคาญใจอย่างยิ่งกับการที่หยางซิ่วเอ๋อร์มักสร้างปัญหาวุ่นวาย มันคงจะดีกว่าหากทำทุกอย่างให้ชัดเจนในคราเดียวตามที่เฉียวเทียนช่างเคยให้คำแนะนำ
หยางซิ่วเอ๋อร์ส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง “ข้าไม่พูด ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้า”
ผู้คนรอบข้างต่างมามุงดูเหตุการณ์โกลาหลนี้ และเมื่อเห็นท่าทีของหยางซิ่วเอ๋อร์ จึงพอเข้าใจสถานการณ์ว่านางเห็นหยางเล่อเล่อถูกส่งตัวไปทำการบางอย่าง แต่ไม่ยอมให้ตนไปด้วย ทำให้รู้สึกอิจฉาริษยาและพูดจาไม่ดีเช่นนั้น
หนิงเมิ่งเหยายิ้มอย่างเยือกเย็น “นั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าสักหน่อย”
หญิงสาวเริ่มเล่าเหตุการณ์แต่ละเรื่องตั้งแต่ที่ตนเองย้ายมาอยู่ที่นี่และได้พบกับหยางซิ่วเอ๋อร์ ไปจนถึงสิ่งที่หยางซิ่วเอ๋อร์และแม่ของนางกระทำเอาไว้ นอกจากปัญหาที่มีกับนางหลัวเมื่อตอนนั้นแล้ว หนิงเมิ่งเหยาก็ใจดีกับพวกเขามามากเกินจะทน
“หยางซิ่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนทำทุกเรื่องที่ข้าพูดมาถูกหรือไม่” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างแผ่วเบา
หยางซิ่วเอ๋อร์ส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างรุนแรง “ไม่ใช่ข้า ข้าไม่เคยทำเรื่องเหล่านั้นเลย เจ้าโกหก”
หญิงสาวยิ้มอย่างเย้ยหยัน “เจ้าทำจริงหรือไม่นั้น ก็รู้อยู่แก่ใจ ชิงซวง จับนางโยนออกมา รถเกวียนของเรามีขนาดเล็ก จนไม่อาจบรรทุกคนร่างใหญ่เช่นเจ้าได้”
“เจ้า…หนิงเมิ่งเหยา เจ้าทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้นะ” เมื่อหยางซิ่วเอ๋อร์เห็นว่าชิงซวงจะเข้ามาจับตัว จึงรีบจับเกวียนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ชิงซวงมองหยางซิ่วเอ๋อร์ด้วยแววตาเย็นชา ‘คนประเภทนี้จะเป็นสหายของคุณหนูได้เช่นไรกัน นางยังเทียบได้ไม่ถึงครึ่งของหยางเล่อเล่อเลยด้วยซ้ำ’
นางหยิกมือของหยางซิ่วเอ๋อร์สองครั้ง จนอีกฝ่ายกรีดร้องและปล่อยมือจากเกวียนรถม้า
ชิงซวงจับนางโยนออกมาและเดินกลับไปยืนข้างๆ กับหนิงเมิ่งเหยา
“ข้าเพียงอยากไปทำงานนอกหมู่บ้านกับหยางเล่อเล่อด้วยก็เท่านั้น ทำไมเจ้าถึงต้องใจไม้ไส้ระกำขนาดนี้ด้วยเล่า” หยางซิ่วเอ๋อร์จ้องหนิงเมิ่งเหยาอย่างเกลียดชัง และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทำให้ผู้คนที่มุงดูอยู่นั้นรู้สึกเห็นอกเห็นใจไม่น้อย
หนิงเมิ่งเหยาก้มลงมองหยางซิ่วเอ๋อร์ “อยากไปก็ไปด้วยตัวเองสิ ทำไมต้องมาเกาะข้าด้วย”
“ข้า…ข้าอยากไปกับหยางเล่อเล่อ”
“คิดจะไปกับนางรึ เจ้ามีสิทธิ์อะไรกัน” หนิงเมิ่งเหยามองดูอีกฝ่ายและพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
สายตาอันเย็นชานั้น ทำให้หยางซิ่วเอ๋อร์ตัวสั่นสะท้านอย่างเสียไม่ได้
“งานปักผ้าของข้ามิได้ด้อยไปกว่านาง แล้วทำไมเจ้าจึงไม่ให้ข้าไปเล่า”
หญิงสาวมองดูอีกฝ่ายจากด้านบนของรถเกวียน และพูดอย่างเยือกเย็น “ทำไมน่ะหรือ ข้าจะบอกเหตุผลให้ก็ได้ เพราะหยางเล่อเล่อรู้จักบุญคุณ ในขณะที่เจ้า…เป็นเพียงแค่หมาป่าตาขาวตัวหนึ่งเท่านั้น แล้วทำไมข้าจะต้องสร้างปัญหาให้ตัวเองเจอเรื่องลำบากด้วยเล่า”
คนอย่างหยางซิ่วเอ๋อร์นั้น หากมีใครนำเงินมาให้เพื่อขอซื้อตัวหนิงเมิ่งเหยา นางก็คงจะรีบขายให้โดยไม่ลังเล
“เจ้า…”
“เล่อเล่อ เจ้าไปก่อนเถอะ” หนิงเมิ่งเหยาหันไปพูดกับหยางเล่อเล่อที่กำลังเป็นกังวลอยู่ในเกวียนรถม้า
“แต่…ระวังตัวด้วยนะ” ในตอนแรกนั้น เด็กสาวกำลังจะบอกว่าตนเองจะอยู่ด้วย แต่เมื่อเห็นท่าทีสุขุมของหนิงเมิ่งเหยาแล้ว หัวใจของนางก็คลายกังวล ไม่ว่านางจะอยู่ด้วยหรือไม่ ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน
หยางเล่อเล่อนั่งบนเกวียนรถม้าและจากไป ดวงตาของหยางซิ่วเอ๋อร์เอ่อล้นด้วยความโกรธเคืองและเกลียดชัง นางทำถึงขนาดนี้แต่หนิงเมิ่งเหยาก็ยังไม่ให้นางไปอยู่ดี
นางรู้สึกราวกับอยากให้…อยากให้ร่างกายของหนิงเมิ่งเหยานั้นแตกสลายไปให้สิ้นซาก
หนิงเมิ่งเหยานั่งลงเพื่อจะสบตากับอีกฝ่ายได้อย่างถนัด “เจ้าเกลียดข้ารึ อยากจะทำลายข้าใช่ไหมเล่า แล้วเจ้าเชื่อหรือไม่ ว่าข้าสามารถทำลายชีวิตทั้งชีวิตของเจ้าได้ในตอนนี้เลยน่ะ”
ร่างกายของหยางซิ่วเอ๋อร์เย็นยะเยือกขณะมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างไม่อยากเชื่อ ‘นางพูดจาอย่างเด็ดขาดเช่นนั้นได้อย่างไรกัน’
หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางจ้องมองอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าหรอก หากเจ้ายังอยู่ในขอบเขต แต่หยางซิ่วเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าจะรังแกข้าได้ง่ายๆ หรือ” เพราะหากไม่คิดเช่นนั้น แล้วหยางซิ่วเอ๋อร์จะกล้าสร้างปัญหาให้นางซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้หรือ
หยางซิ่วเอ๋อส่ายศีรษะอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
หนิงเมิ่งเหยาวางมือลงบนไหล่ของอีกฝ่ายและเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เจ้าว่า ถ้าขาฉีกแขนเจ้าออกมา เจ้าจะกลายเป็นอะไรนะ หรือข้าควรจะขอซื้อเจ้าจากแม่ของเจ้าด้วยเงินสักร้อยตำลึงดี แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหรือ ถ้าหากข้าจบชีวิตของเจ้าลง”
บทที่ 102 เจ้าไม่ใช่มนุษย์
หยางซิ่วเอ๋อร์ยังคงส่ายศีรษะไม่หยุดหย่อน นางหวาดกลัวอย่างมาก หากหนิงเมิ่งเหยายื่นข้อเสนอให้แม่ของตนด้วยเงินหนึ่งร้อยตำลึง แม้ว่านางจะต้องสิ้นชีวาด้วยน้ำมือของหนิงเมิ่งเหยา แต่นางก็รู้ดีว่าแม่จะต้องยอมขายนางไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่ อย่านะ! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว!” หยางซิ่วเอ๋อร์ส่ายศีรษะอย่างรุนแรงพลางอ้อนวอน
หนิงเมิ่งเหยามองคนตรงหน้าร้องขอความเมตตาอย่างเย็นชา หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบและมองดูอีกฝ่ายด้วยแววตาดุร้ายราวกับปีศาจที่คืบคลานมาจากขุมนรก
ในขณะนั้น หยางซิ่วเอ๋อร์รู้สึกเสียใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นางคิดมาตลอดว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่ลงมือตอบโต้อะไรเพราะว่าหวาดกลัวตน แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าไม่ใช่ ‘หวาดกลัวหรือ ช่างตลกสิ้นดี’
ตลอดเวลาที่ผ่านมา หนิงเมิ่งเหยานั้นไม่อยากจะมาต่อล้อต่อเถียงกับนาง นางจึงคิดว่าตนเองอยู่เหนือกว่าและดูถูกหญิงสาวเสมอ
การกระทำของหยางซิ่วเอ๋อร์นั้นทำให้หนิงเมิ่งเหยารู้สึกว่ามันช่างไร้สาระสิ้นดี
“อย่ากังวลเลย หยางซิ่วเอ๋อร์ วันนี้ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าหรอก แต่หลังจากนี้เจ้าอย่าโผล่หน้ามาให้ข้าเห็นอีกดีกว่า และอย่าพยายามมาคุกคามข้าอีก ไม่เช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเจ้าบ้าง ข้าจะเตือนเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หากเจ้าฝ่าฝืนอีก จุดจบของเจ้าก็จะไม่ต่างอะไรกับลูกปัดเม็ดนี้เลย” ในมือของหนิงเมิ่งเหยามีลูกปัดอยู่หนึ่งเม็ด หญิงสาวบีบมันอย่างแรงจนแตกเป็นผุยผงต่อหน้าต่อตาอีกฝ่ายในทันที
เมื่อหยางซิ่วเอ๋อร์เห็นลูกปัดเม็ดนั้นแตกกระจาย ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบทันที ส่วนผู้คนรอบข้างที่เห็นหนิงเมิ่งเหยาผู้ไม่ค่อยจะโกรธใครนักมีท่าทีเช่นนี้ ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวไปตามๆ กัน
สำหรับกลุ่มคนที่ชอบนินทาว่าร้ายนางนั้น เมื่อพวกเขาเห็นว่านางเงยหน้าขึ้นมา ก็ต่างภาวนาต่อสรวงสวรรค์ว่าตนเองไม่น่ามาอยู่ที่นี่เลย หากหญิงสาวบดขยี้พวกเขาเหมือนกับลูกปัดเม็ดนั้นล่ะก็คงจบสิ้นกัน
‘เฮ้อ ในอนาคต คงจะดีกว่า หากพวกเขาไม่ไปยั่วโมโหหนิงเมิ่งเหยาอีก จริงๆ ตอนนี้นางก็เป็นคนดีใช้ได้ทีเดียว และยังคอยช่วยเหลือคนในหมู่บ้านให้มีรายได้อีกด้วย ส่วนเรื่องอื่นๆ ของนางนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอยู่แล้วนี่’
หยางซิ่วเอ๋อร์มองหญิงสาวพลางสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย “เจ้ามันไม่ใช่มนุษย์”
“ข้าเป็นมนุษย์หรือไม่นั้น ข้าเองรู้ดีแก่ใจ หยางซิ่วเอ๋อร์ เจ้าจงรักษาโอกาสสุดท้ายนี้เอาไว้เถอะ ชิงซวง เรากลับกันได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยพลางยืนขึ้น ก่อนจะหมุนตัวจากไป
ในทางกลับกัน หยางซิ่วเอ๋อร์นั้นทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยใบหน้าซีดเผือด และคงต้องใช้เวลาในการกอบกู้หน้าอีกนาน แม้ว่านางจะเกลียดชังหนิงเมิ่งเหยา แต่นางคงไม่คิดทำอะไรกับหญิงสาวคนนี้อีกแล้ว นางรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ หนิงเมิ่งเหยาช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“คุณหนูเจ้าคะ หญิงสาวคนนั้นจะไม่มาก่อกวนท่านอีกแล้วใช่ไหมเจ้าคะ” ชิงซวงมองหนิงเมิ่งเหยาและเอ่ยถาม
“อืม นางจะไม่มาวุ่นวายอีกแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาพูดอย่างไม่ใส่ใจหลังจากกลับมาสู่อารมณ์ปกติ
หากหยางซิ่วเอ๋อร์ไม่ทำเรื่องร้ายแรงเกินไป หญิงสาวก็คงจะไม่ใช้วิธีตักเตือนเช่นนี้หรอก
หลังจากวันนั้น หยางซิ่วเอ๋อร์ก็ล้มป่วยและต้องใช้เงินเพื่อรักษากับหมอ เดิมทีนางหลัวนั้นอยากจะไปเอาคืนอีก แต่ทว่าผู้เป็นลูกสาวนั้นห้ามเอาไว้
ยิ่งไปกว่านั้น หยางซิ่วเอ๋อร์ยังบอกกับแม่ของตนเองอีกว่า หากนางหลัวไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อก็เชิญไปเลย แต่อย่าลากนางไปด้วย จากนั้นเมื่อนางหลัวได้ยินคนอื่นๆ พูดกันเรื่องการกระทำของหนิงเมิ่งเหยา นางก็ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้และไม่คิดจะไปหาเรื่องอีก
หลังจากพวกเขาไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับหนิงเมิ่งเหยา หญิงสาวก็สามารถทำงานได้อย่างสงบสุข นางนำดอกแอปริคอทชุดแรกมาบ่มเหล้า อย่างไรก็ตาม นางยังไม่ได้คิดวางแผนว่าจะนำพวกมันออกมาเมื่อไหร่
หลังจากนั้น ดอกแอปริคอทชุดที่สองก็มาเพิ่ม ตามมาด้วยดอกท้อ ในตอนที่ดอกท้อยังไม่มาส่งนั้น ห้องเก็บเหล้าที่หนิงเมิ่งเหยาออกแบบมาเป็นพิเศษก็เต็มไปด้วยถังเหล้าอยู่แล้ว
เฉียวเทียนช่างมองถังเหล้าจำนวนมากด้วยแววตาเปล่งประกาย “เหยาเอ๋อร์ เราขายพวกมันออกไปบ้างดีไหม”
หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดเรื่องนั้น ก่อนจะพยักหน้าตกลง “ได้เลย เจ้าติดต่อให้เซียวฉีเทียนเข้ามารับเลย แต่เขาสามารถเอาไปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นนะ”
“แน่นอน”
ระหว่างที่เฉียวเทียนช่างติดต่อกับเซียวฉีเทียนนั้น ทางด้านของหนิงเหมิงเหยาเองก็บอกให้ชิงซวนเรียกผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เข้ามาหาสักสองสามคนเช่นกัน
เมื่อสุราดอกแอปริคอทและสุราดอกท้อถูกนำออกมาขายนั้น หลิงหลัวก็รับรู้ได้ว่าเป็นของหญิงสาวอย่างแน่นอน เขาจึงออกตามหาหนิงเมิ่งเหยา แต่ถ้ามีชิงเซวียนอยู่ก็น่ากังวล เขาควรจะเตรียมพร้อมที่จะป้องกันตัวให้ดีก่อนที่จะเกิดเหตุอะไรขึ้น
เฉียวเทียนช่างรู้เรื่องเกี่ยวกับหนิงเมิ่งเหยามาเล็กน้อย ดังนั้นหากหญิงสาวลงมือทำอะไร ชายหนุ่มก็พร้อมลุยด้วยเช่นกัน