ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 27 จิตใจชั่วร้าย + บทที่ 28 ความอิจฉาของหยางเล่อเล่อ
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 27 จิตใจชั่วร้าย + บทที่ 28 ความอิจฉาของหยางเล่อเล่อ
บทที่ 27 จิตใจชั่วร้าย + บทที่ 28 ความอิจฉาของหยางเล่อเล่อ
Ink Stone_Romance
บทที่ 27 จิตใจชั่วร้าย
หยางซิ่วเอ๋อร์ซึ่งแฝงกายอยู่ในกลุ่มผู้คนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะจะเอ่ยขึ้นในอีกครู่ต่อมา “ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น แล้วนางไปเอาเงินมาจากไหนตั้งมากตั้งมาย”
ได้ยินหยางซิ่วเอ๋อร์พูดเช่นนั้น สายตาของผู้คนก็มารวมกันที่นาง หยางซิ่วเอ๋อร์เห็นแล้วก็ยิ้มพอใจ “ก่อนหน้านี้นางให้หยางเล่อเล่อยืมตั้งห้าสิบตำลึงอย่างง่ายดาย นางไม่มีพ่อไม่มีแม่ แล้วจะไปเอาเงินมาจากไหนได้”
ทุกคนอึ้งไปเมื่อมีการเอ่ยถึงเงินห้าสิบตำลึง สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังร่างของหนิงเมิ่งเหยา แววตาทุกคู่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ชัดเจน
หยางเล่อเล่อไม่รอให้หนิงเมิ่งเหยาได้พูดเอง นางตะโกนขึ้นมาพลางกล่าวเหน็บแนม “เพียงเพราะตัวเจ้าไม่มีความสามารถอะไรเลย แล้วคนอื่นต้องเป็นเหมือนเจ้าหรืออย่างไร เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ว่าเหยาเหยามีงานเย็บปัก”
ใบหน้าหยางซิ่วเอ๋อร์ซีดไปถนัดตา นางรู้ดีว่างานปักเย็บของหนิงเมิ่งเหยาวิเศษเพียงใด แต่…เงินทั้งหมดของนางมาจากการขายงานเย็บปักเท่านั้นจริงหรือ
“ฮึ แล้วมันทำไมเล่า ต่อให้งานปักของนางเลิศเลอจริง มันจะขายได้สักเท่าไรเชียว” หยางซิ่วเอ๋อร์เชื่อมั่นในตัวเองเต็มที่และเถียงอย่างหงุดหงิด
หยางซิ่วเอ๋อร์เริ่มพูดติดๆ ขัดๆ ยังอยากพูดอย่างอื่นต่อแต่โดนหนิงเมิ่งเหยาที่ชำเลืองมองมาขัดคอ “ถ้าเจ้าอยากจะป้ายสีอะไรข้าอีก ก็พูดมาทีเดียวเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา
“หนิงเมิ่งเหยา อย่าโอหังให้มากนัก” หยางซิ่วเอ๋อร์ชิงชังดวงตาคู่งามของหนิงเมิ่งเหยาที่มองมายังนางยิ่งนัก มันทำให้ดูเหมือนนางเป็นคนโวยวายไร้เหตุผลอยู่ฝ่ายเดียว
หนิงเมิ่งเหยายังคงชายตามองนางแล้วเอ่ย “ข้าโอหังหรือ เพราะข้าไม่ให้เจ้ายืมเงิน เจ้าจึงใส่ร้ายป้ายสีข้าเช่นนี้น่ะหรือ ข้าให้เล่อเล่อยืมเงินเพราะข้าเชื่อว่านางกับท่านหลุงหยางต้องการเงินจริง แต่ทำไมข้าต้องให้เจ้ายืมเงินด้วย”
ผู้คนได้ยินก็พากันโหวกเหวกโวยวาย ข่าวลือซุบซิบนินทานี้แพร่มาจากหยางซิ่วเอ๋อร์เช่นนั้นหรือ และทั้งหมดเพียงเพราะหนิงเมิ่งเหยาไม่ให้นางยืมเงินเพียงแค่นั้นเองรึ
นี่มัน…ไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ
“ข้า…ข้าก็ต้องการเงินเหมือนกัน ทำไมเจ้าถึงให้ข้ายืมไม่ได้” หยางซิ่วเอ่อร์เริ่มร้อนรนเพราะสายตาของผู้คน นางจึงพูดไม่ทันคิดและหน้าซีดหลังพลั้งปากไปแล้ว
นางเล่นพูดออกไปอย่างนั้น ย่อมเหมือนว่ายอมรับต่อคนอื่นๆ ไปด้วยว่านางปล่อยข่าวลือเองเลยมิใช่หรือ
“เอ๋ เจ้าก็ต้องการเงินรึ สำหรับสร้างบ้านน่ะรึ เลยยืมเงินตั้งหนึ่งร้อยตำลึงเชียว ข้าอยากถามจริงๆ ว่าตระกูลเจ้าจะสร้างบ้านใหญ่ขนาดไหน เจ้าถึงต้องใช้เงินตั้งร้อยตำลึง ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าข้าจะให้เจ้ายืมเงินก็เพราะข้ารู้สึกอยากให้ ดังนั้นถ้าข้าจะไม่ให้เจ้ายืมก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่”
“อะไรกัน หยางซิ่วเอ๋อร์ เจ้านี่หน้าไม่อายจริงๆ” หยางเล่อเล่อทำสายตาไม่อยากเชื่อและมองไปที่นางอย่างตกอกตกใจ
ผู้คนต่างทำตาโตจ้องหยางซิ่วเอ๋อร์ เมื่อเห็นนางทำหน้าตาแตกตื่นพวกเขาก็เข้าใจในทันทีว่าหนิงเมิ่งเหยาพูดถูก หยางซิ่วเอ๋อร์นี่ช่างกล้าเสียจริง
ตระกูลหนึ่งต้องใช้เพียงสี่ถึงห้าตำลึงเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องบ้านต่อปี แต่นี่นางกลับขอหนึ่งร้อยตำลึง คนจะไม่อยากให้นางยืมย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก มีเหตุผลอะไรที่ควรให้นางยืมเงินกัน
ไม่เกี่ยวว่าอีกฝ่ายมีเงินเหลือเฟือ พอเขาไม่ให้ยืม นางก็มาปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงกัน
หยางจู้และคนอื่นคุยกันเพียงพอแล้ว พวกเขารีบพูดขึ้น “ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด ซิ่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนผิดนะ ถึงแม้แม่นางเมิ่งเหยาจะไม่ให้เจ้ายืมเงิน เจ้าก็ทำอะไรเช่นนี้ไม่ได้ ถ้านางเอาจริง นางส่งเจ้าให้ทางการได้เชียวนะ”
เมื่อหยางซิ่วเอ๋อร์ได้ยินเกี่ยวกับส่งตัวนางให้ทางการ นางพลันตื่นตระหนก รีบเข้าอ้อนวอน “เมิ่งเหยา ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว อย่าส่งข้าให้ทางการเลยนะ ข้าขอร้อง”
หนิงเมิ่งเหยาปัดมือหยางซิ่วเอ๋อร์ที่มาดึงนางไว้ แล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา “จากนี้ไปอย่ามาที่บ้านข้าอีกเป็นอันขาด” กล่าวจบ นางก็เดินออกไป ไม่แยแสปฏิกิริยาคนรอบด้าน
หยางเล่อเล่อมองหยางซิ่วเอ๋อร์อย่างหงุดหงิด แล้วตามหลังหนิงเมิ่งเหยาไป
หลังจากที่หนิงเมิ่งเหยาออกไปแล้ว พวกคนที่เคยให้ลูกของตนไปเรียนกับหนิงเมิ่งเหยาแล้วหยุดไปเพราะไม่ทันคิดให้รอบคอบเสียก่อน พอได้รู้ความจริงแล้ว…นั่นไม่ดีเอาเสียเลย
“หยางซิ่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นผู้หญิง ทำไมหัวใจเจ้าถึงโหดร้ายนัก คนเขาอุตส่าห์สอนให้เจ้าเย็บปักผ้า แต่เจ้ากลับทำลายชื่อเสียงเขาแบบนั้น เจ้ามันร้ายกาจยิ่งนัก” ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่บอกให้บุตรของตนเลิกไปเรียน เพราะข่าวลือ บัดนี้ พวกเขาต่างมองหยางซิ่วเอ๋อร์อย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
บทที่ 28 ความอิจฉาของหยางเล่อเล่อ
ถ้าไม่ใช่เพราะนาง พวกนางคงจะให้ลูกๆ เลิกไปเรียนได้อย่างไร มองดูหนิงเมิ่งเหยาตอนนี้แล้ว ท่าทางนางคงไม่มีวันยอมสอนลูกพวกเขาอีก เมื่อนึกแล้วพวกเขาต่างเสียใจในสิ่งที่ทำ ถ้ารู้เร็วกว่านี้ พวกนางคงฟังสามีตนแล้วไม่ทำให้เรื่องลงเอยเช่นนี้
หยางซิ่วเอ๋อร์อึ้งไปเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ทุกคนกำลังก่นด่านางและเห็นนางเป็นหญิงนิสัยโหดร้าย นางมั่นใจว่านับจากวันนี้ไป ชื่อเสียงนางคงแพร่ไปทั่ว และพ้นวันนี้ไป ถ้านางอยากจะหาคนดีมาแต่งงานด้วยก็คงเป็นเรื่องยากเสียแล้ว
ความเกลียดชัง หยางซิ่วเออร์มีเพียงความรู้สึกนี้ให้หนิงเมิ่งเหยา ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนาง ถ้านางไม่พูดเรื่องพวกนั้นออกมา ตัวนางก็คงไม่ลงเอยแบบนี้
หยางเล่อเล่อตามหลังหนิงเมิ่งเหยากลับไปบ้านแล้วพูดอย่างฉุนเฉียว “หยางซิ่วเอ๋อร์ทำแบบนี้ได้อย่างไร เจ้าสอนนางเย็บปักผ้าแท้ๆ!”
“ข้าไม่เห็นโกรธเลย แล้วเจ้าโกรธอะไรกัน” หนิงเมิ่งเหยาโงศีรษะขึ้นมองหยางเล่อเล่อพร้อมเอ่ยเสียงใส
เวลาเช่นนี้หยางเล่อเล่อมักสงสัยว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่เคยเก็บเรื่องอะไรมาคิดมากเลยกระมัง
“ทำไมเจ้าถึงมองข้าแบบนั้น” พอเห็นหยางเล่อเล่อจ้องมาเงียบๆ หนิงเมิ่งเหยาก็ยกยิ้มเล็กน้อยแล้วมองหยางเล่อเล่อ
“เอ่อ ข้าแค่กำลังคิดน่ะ เจ้ามักจะทำตัวเย็นชาอยู่หน่อยๆ เสมอ เจ้าไม่สนใจอะไรบ้างเลยหรือ” หยางเล่อเล่อประหลาดใจจึงพลั้งถามไปตามที่คิด เมื่อกล่าวออกไปแล้วนางถึงรู้สึกกระอักกระอ่วน
แววตาหนิงเมิ่งเหยาหมองลง ‘เย็นชาสินะ’ ตัวนางในตอนนี้เป็นคนเย็นชาแน่นอน แต่นางไม่ใช่คนนิสัยเย็นชาโดยกำเนิด ทว่าเป็นเพราะมีรอยแผลฝังลึก แล้วนางไม่รู้ว่าตนควรเผชิญหน้ากับโลกทั้งใบอย่างไรดี
มีแต่ทำตัวเย็นชาไว้เท่านั้น จึงจะไม่มีวันเจ็บปวด
กระทั่งคนสำคัญในชีวิตของนางทั้งตอนนี้และเมื่อก่อนยังกล่าวคำเหล่านี้ออกมา นางไม่อาจบอกได้จากใจจริงว่าตัวนางยังมีสิ่งที่ตนแยแสอยู่จริงไหม
หัวใจนางตายไปแล้ว หลังจากหลิงหลัวเอ่ยคำพวกนั้นออกมา
มีเพียงหยางเล่อเล่อกับตระกูลนางเท่านั้นที่ช่วยจุดประกายอบอุ่นในใจนางได้ นางถึงตกลงจะช่วยหยางเล่อเล่อและตระกูลนาง
“เหยาเหยา ข้า…ข้าพูดไม่ดีไปใช่ไหม” ใจหยางเล่อเล่ออ่อนไหวพอเห็นหนิงเมิ่งเหยาเหม่อลอย
หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะเล็กน้อย “ไม่มีอะไรหรอก”
“พี่เมิ่งเหยา พวกเรามาแล้ว มีปลาที่พวกเราจับมาได้จากแม่น้ำด้วย พวกเราเก่งไหม” ทั้งสองไม่ทันได้กล่าวอะไรอีกเพราะมีเสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วจากข้างนอกแว่วมาข้างใน เป็นเสียงของพวกเด็กๆ ที่ยังมาเรียนหนังสือที่บ้านหนิงเมิ่งเหยา ในมือพวกเขามีปลาอยู่ประมาณหนึ่ง
เมื่อได้เห็นบรรดาเด็กน้อย ใบหน้าหนิงเมิ่งเหยาก็ระบายยิ้มบาง นางลุกขึ้นเดินไปหาพวกเขา “กลับบ้านไปเอาปลาที่พวกเจ้าจับมาได้ทำอาหารเสียสิ เจ้าเอามาที่นี่ทำไม”
“พวกเราจับได้ตั้งเยอะ เลยเอามาแบ่งให้พี่เมิ่งเหยา” หลินเอ๋อร์ผู้อายุมากสุดยีหัวตัวเองเขินๆ ขณะเล่า
หนิงเมิ่งเหยามองกลุ่มเด็กน้อยไร้เดียงสา ความว่างเปล่าในหัวใจนางค่อยๆ หายไป นางรีบเอ่ย “กลับไปบอกที่บ้านพวกเจ้าว่าเจ้าจะกินที่บ้านข้าบ่ายนี้”
“โอ้ เยี่ยมไปเลย! พวกเราจะได้กินที่บ้านพี่เมิ่งเหยา!” พวกเด็กๆ วางปลาลงแล้วรีบแจ้นกันออกไป หนิงเมิ่งเหยาอดส่ายศีรษะพลางหัวเราะมิได้
สุดท้ายหนิงเมิ่งเหยาก็รั้งหยางเล่อเล่อไว้ให้ช่วยนางทำอาหาร
ตอนหนิงเมิ่งเหยาจัดเรียงอาหารขึ้นโต๊ะ หยางเล่อเล่อกลืนน้ำลายคำโต “ข้ารู้แล้วทำไมพวกเด็กๆ ถึงดีใจนักที่จะได้กินอาหารที่เจ้าทำ”
ทั้งสีสัน กลิ่น และรสชาติล้วนทำให้หยางเล่อเล่อมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างไม่อยากเชื่อ “เหยาเหยา เจ้าเก่งไปเสียทุกอย่างได้อย่างไร เจ้าทำให้ข้ารู้สึกอ่อนด้อยนัก”
หนิงเมิ่งเหยาค่อยๆ พูดพลางมือลูบหัวหยางเล่อเล่อ “แล้วเจ้าจะชินเอง”
หยางเล่อเล่อทำหน้าโง่มองหนิงเมิ่งเหยา จากนั้นก็แกล้งตายอยู่บนเก้าอี้ไม่ยอมขยับไปไหน
เมื่อเห็นท่าทางของนาง หนิงเมิ่งเหยาก็หัวเราะอย่างมีความสุขกว่าเดิม