ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 283 ขู่กันต่อหน้าประชาชี + บทที่ 284 ผู้ใดกล้าแตะต้อง
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 283 ขู่กันต่อหน้าประชาชี + บทที่ 284 ผู้ใดกล้าแตะต้อง
บทที่ 283 ขู่กันต่อหน้าประชาชี
เซียวอี้หลินหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาและบุตรสาวกล่าว เขาถลึงตาจ้องพวกนางเขม็ง “หุบปากเสีย ห้ามพวกเจ้าพูดถึงนางเช่นนี้”
เซียวจื่อเซวียนทำหน้าประหลาดใจ หลี่หลินเอ๋อร์มีสีหน้าขุ่นเคือง นางจ้องมองเซียวอี้หลินอย่างชิงชัง “ท่านยังคิดถึงนางผู้หญิงคนนั้นอยู่อีกรึ ใจท่านหวั่นไหวเพราะเห็นหญิงที่ดูคล้ายนางหรืออย่างไรกัน ท่านอยากพานางกลับไปที่จวนหรือไม่ ท่านกล้าชิงตัวคนไปจากเฉียวเทียนช่างหรือไม่” ยิ่งหลี่หลินเอ๋อร์พูดมากเท่าไร คำพูดคำจาของนางก็ยิ่งสะเปะสะเข้าไปทุกที สีหน้าเซียวอี้หลินยิ่งบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านแม่ อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย” เซียวจื่อเซวียนรั้งไหล่หลี่หลินเอ๋อร์อย่างเบามือ นางรู้สึกเป็นกังวลเมื่อเห็นสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัวของเซียวอี้หลิน นางไม่เคยเห็นบิดาโกรธเช่นนี้มาก่อน
หลี่หลินเอ๋อร์ปัดมือเซียวจื่อเซวียนให้พ้น นางจ้องมองเซียวอี้หลิน
“เหตุใดข้าต้องหยุด เซียวอี้หลิน ถ้าท่านมีปัญญาก็เชิญท่านเลย”
เซียวอี้หลินไม่อาจทนต่อไปไหว เขาเงื้อมือขึ้นตบหลี่หลินเอ๋อร์ ผู้คนรอบข้างหันไปมองพร้อมกัน พวกเขาต่างเห็นแววตาเกรี้ยวกราดของเซียวอี้หลินที่จ้องมองยังหลี่หลินเอ๋อร์ สีหน้าเขานั้นจะมองเช่นไรก็น่าพรั่นพรึง
“ฮ่า ฮ่า เซียวอี้หลิน ท่านตบข้าเพื่อนางแพศยาคนนั้นจริงๆ อย่างนั้นหรือ ท่านอยากให้นางมาแทนที่ข้ารึ ทำไมท่านไม่ไปถามให้รู้เสียเล่าว่านางอยากได้ตาเฒ่าที่แก่พอจะเป็นบิดาของนางหรือไม่” หลี่หลินเอ๋อร์ใช้มือหนึ่งกุมหน้าตัวเองพร้อมพูดจาบ้าคลั่ง และใช้นิ้วชี้ไปยังหนิงเมิ่งเหยาที่ยืนอยู่
หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างพากันขมวดคิ้ว ทั้งสองชักสีหน้า หญิงนางนี้ช่างหยาบคายนัก
“เซียวอ๋อง กรุณาควบคุมพฤติกรรมผู้หญิงของท่านด้วย อย่าให้นางมาแว้งกัดผู้อื่น” เฉียวเทียนช่างทำหน้าถมึงทึงขณะมองสองสามีภรรยาคู่นั้น
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด ทางนั้นก็โยนเชื้อไฟมาให้พวกเขาสองคน เฉียวเทียนช่างโมโหยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อมีคนอื่นพูดจาไม่ดีถึงหนิงเมิ่งเหยา
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกปวดหัวเมื่อมองความวุ่นวายที่เกินจะควบคุม นางไม่คาดฝันเลยว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้เพียงเพราะนางมาระบายความโศกเศร้าให้หลี่หลินเอ๋อร์ฟัง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่ได้ตั้งใจพูดเช่นนั้น ทำไมต้องท่านโมโหขนาดนี้” เซียวจื่อเซวียนรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อมองมารดาของตน จากนั้นก็หันมามองเซียวอี้หลินด้วยแววตาอ้อนวอน “หญิงพรรค์นั้นไม่ควรค่าหรอก”
เซียวอี้หลินหัวเราะเสียงเย็นเยือก “เซียวจื่อเซวียน ลืมไปแล้วหรือที่ข้าเคยบอกเจ้าเมื่อเจ้ายังเล็ก นางเพียงหน้าตาคล้ายเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ข้าจึงมองไปทางนางอยู่พักหนึ่ง แต่แม่ของเจ้าก็หาเรื่อง พูดจาไร้สาระสารพัด พฤติกรรมน่าละอายเพียงนี้ แล้วเจ้ายังจะมาแก้ตัวให้นางอีกหรือ เจ้าไม่รู้หรือเหตุใดเรื่องจึงกลายเป็นเช่นนี้”
สีหน้าเซียวจื่อเซวียนกระด้างขึ้นมาเล็กน้อย นางกระอักกระอ่วนมองยังเซียวอี้หลิน ใบหน้านางร้อนผ่าว เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นก็เพราะตัวนางเอง
เฉียวเทียนช่างหาได้สนใจไม่ว่าใครเป็นผู้เริ่ม เขากวาดสายตาเย็นชามองยังผู้คน “เซียวอ๋อง ถ้าท่านรู้สึกว่าจวนตระกูลเซียวสงบสุขเกินไป ท่านจะมาสานต่อเรื่องวุ่นวายของท่านกับพวกเราก็ย่อมได้” เขากำลังข่มขู่ทางนั้น แต่แล้วอย่างไรเล่า เขาใช้วิธีปฏิบัติต่างกันไปตามแต่ละคนอยู่แล้ว
สีหน้าเซียวอี้หลินเกร็งขึ้นมา มีคนมาข่มขู่เขาต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร เขาก็ขุ่นเคืองใจ
“แม่ทัพใหญ่เฉียว คำพูดคำจาท่านออกจะรุนแรงเกินไปอยู่บ้าง” เซียวอี้หลินทำหน้าถมึงทึง มองเฉียวเทียนช่าง
เฉียวเทียนช่างชำเลืองมองเซียวอี้หลิน “สำหรับใครก็ตามที่ดูถูกภรรยาของข้า ถ้อยคำเพียงเท่านี้ยังถือว่าน้อยไป”
หนิงเมิ่งเหยาปรายตามองเซียวอี้หลิน “ข้าไม่สนใจว่าข้าดูเหมือนเพื่อนเก่าของท่าน แต่ข้าหวังว่าเซียวอ๋องจะเลิกยุ่งกับชีวิตข้า หากท่านยังนำเรื่องวุ่นวายมาสู่ชีวิตข้า ตัวข้าเองก็ไม่อาจบอกได้ว่าข้าจะทำเช่นไร”
เสียงหนิงเมิ่งเหยานุ่มนวลและแผ่วเบา แทบจะฟังดูเหมือนเสียงแว่วไปเอง ไม่มีอารมณ์โกรธหรือถ้อยคำไม่จำเป็นเจือปนอยู่เลย มีเพียงความเย็นชา
แน่นอนว่าน้ำเสียงเช่นนั้นทำให้ผู้คนเห็นอีกด้านหนึ่งของหนิงเมิ่งเหยา และอดไม่ได้ที่จะมองไปที่นางโดยไม่รู้ตัว ไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม แต่ตัวนางยังมีความเย็นชาอยู่ด้วย
บทที่ 284 ผู้ใดกล้าแตะต้อง
ถ้อยคำของเฉียวเทียนช่างเมื่อครู่ทำให้เซียวอี้หลินบันดาลโทสะ ทว่าถ้อยคำของหนิงเมิ่งเหยากลับทำให้เซียวอี้หลินพูดไม่ออก
“ข้าเพียง…”
“ข้าไม่สนว่าท่านคิดอะไร ข้าต้องการเพียงให้ท่านเลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตข้า” หนิงเมิ่งเหยาถลึงตามองเซียวอี้หลินแล้วชิงตัดบทเขา
เซียวอี้หลินผงกศีรษะลงอย่างเงียบงันหลังจากมองยังหนิงเมิ่งเหยาอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น หนนี้ข้าจะลืมสิ่งที่พวกนางทำ แต่ถ้ามีครั้งต่อไป อย่าได้โทษว่าข้าผิดที่ไม่รักษาน้ำใจ” อารมณ์ของนางขุ่นมัวหลังจากโดนชี้หน้าด่าต่อหน้าสาธารณชน
เซียวอี้หลินถอนหายใจแผ่วเบาแล้วผงกศีรษะลงอย่างหมดหนทาง “ข้าจะควบคุมพวกนางให้ดี”
“เรื่องนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเช่นกัน” หนิงเมิ่งเหยาเบือนหน้าหนี นางไม่อยากจะคุยกับเซียวอี้หลินต่อ
ทั้งตัวเซียวอี้หลินเกร็ง เขากลับไปนั่งตรงที่นั่งของตน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หลี่หลินเอ๋อร์มองเซียวอี้หลินมีท่าทีไม่สงบ นางก็อดหัวเราะออกมาเสียงดังมิได้ อากัปกิริยาเสียสติของนางทำให้คนบริเวณนั้นย่นหน้า
เซียวอี้หลินขมวดคิ้วแน่นจนหัวคิ้วแทบจะพันกัน “หลี่หลินเอ๋อร์ ถ้าเจ้าจะทำตัวบ้าบอก็ไสหัวไปเสีย อย่าทำให้ตัวเจ้าต้องอับอายต่อหน้าผู้คนที่นี่เลย”
หลี่หลินเอ๋อร์แสยะยิ้ม นางเดินไปนั่งที่ของตน ท่าทีสง่างามของนางแตกต่างจากหญิงปากร้ายเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
เซียวจื่อเซวียนถอนหายใจเบาๆ นางกลับไปอยู่ข้างหลิงหลัว ในดวงตานางมีแววผิดหวังและข้องใจ
นางมีความรู้สึกว่าบิดาของตนเกี่ยวพันกับหนิงเมิ่งเหยาอย่างมาก จากสิ่งที่นางเห็น หนิงเมิ่งเหยารังเกียจเซียวอี้หลินยิ่งนัก แต่เขาก็ยังอยากเจอหนิงเมิ่งเหยา
เมื่อคิดแล้วความสงสัยในตัวเซียวจื่อเซวียนยิ่งแรงกล้า นางชำเลืองมองหนิงเมิ่งเหยา ความสงสัยของนางก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
คำโต้ตอบของหนิงเมิ่งเหยาเองก็แปลกนัก ดั่งว่านางรู้อะไรบางอย่าง ช่างแปลกเสียจริง
บรรยากาศงานแปลกออกไป สีหน้าผู้คนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ท่ามกลางบรรยากาศกดดัน ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาช่วยกู้สถานการณ์ได้พอดี “ฮ่องเต้เสด็จแล้ว”
ผู้คนถอนหายใจโล่งอกแล้วต่างรีบคุกเข่าลงกับพื้น
“ถวายพระพร ฝ่าบาท”
“ลุกขึ้นเถิด” เซียวชวี่เฟิงนั่งลงแล้วหรี่ตามองยังผู้คนเบื้องล่าง
เซียวฉีเทียนตามมาทีหลังเล็กน้อย เขาก้มศีรษะลงแล้วคำนับ “ถวายพระพร เสด็จพี่”
“ลุกขึ้นเถอะ”
เซียวฉีเทียนยิ้มให้เซียวชวี่เฟิง เขาเดินไปยืนข้างหนิงเมิ่งเหยาแล้วนั่งลง จากนั้นก็พึมพำแผ่วเบาข้างๆ หนิงเมิ่งเหยา “เมิ่งเหยา ท่านพี่อยากให้เจ้าช่วยจับตามองและดูว่าใครเหมาะสมที่จะเป็นฮองเฮามากกว่ากัน”
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วพลางมองเซียวฉีเทียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าไม่ได้พูดอะไรผิด” มาขอให้นางเลือกให้เช่นนี้ เขาไม่กลัวว่านางจะเลือกหญิงอัปลักษณ์ให้เขาบ้างเลยหรือ
เซียวฉีเทียนผงกศีรษะลงอย่างมั่นใจ “ท่านพี่ข้ากล่าวเช่นนั้น เขาบอกว่าเขาเชื่อสายตาของเจ้า”
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกจนใจ นางนวดขมับตัวเองแล้วหันไปมองเฉียวเทียนช่าง “เทียนช่าง ข้าเกรงว่าข้าจะต้องเป็นศัตรูกับหญิงทุกคนตรงนี้เสียแล้ว”
เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้ว “ใครจะกล้าแตะต้องเจ้าหรือ”
หนิงเมิ่งเหยานึกขันกับท่าทีของเฉียวเทียนช่าง
เซียวฉีเทียนพูดไม่ออกพอเห็นคนทั้งสองแสดงความรักให้กันและกันอย่างไม่สนรอบด้าน เขาอดรู้สึกหดหู่มิได้ “ข้าว่าพวกเจ้าควรจะคำนึงเสียหน่อย ว่ามีคนโสดเช่นข้าอยู่ด้วย”
“วันนี้เจ้าจะไปหาใครมาครองคู่ก็ได้ เชิญเจ้าแสดงความรักต่อหน้าพวกข้าได้เลย” หนิงเมิ่งเหยากล่าว ไม่ใส่ใจเขาแม้แต่น้อย
ทว่าเซียวฉีเทียนกลับพ่นหัวเราะอย่างเดียดฉันท์ “ข้าไม่ได้ต้องการเช่นนั้นหรอก”
เขาจะต้องการคนรักไปทำไมถ้าไม่อาจหาหญิงที่มีความคิดอ่านคล้ายตนได้ จะอย่างไร ท่านพี่ของเขาก็ไม่ได้ต้องการให้เขาช่วยเสริมอำนาจให้กับบัลลังก์เสียหน่อย
เมื่อมีทั้งท่านพี่ของเขาและเทียนช่าง ตัวเขาจะทำอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา
หนิงเมิ่งเหยากลอกตาใส่เขา “ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการ เช่นนั้นก็เลิกทำเป็นอิจฉาเสียที”
เซียวฉีเทียนอ้ำอึ้ง มองหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าสองคนเลิกแสดงความรักต่อหน้าข้าไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้” หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างตอบพร้อมกัน
เซียวฉีเทียนยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ “พวกเจ้าสองคนพอได้แล้ว”
หนิงเมิ่งเหยายิ้มพลางมองเฉียวเทียนช่าง “เรามาที่นี่เพื่อทรมานพวกคนไร้คู่โดยเฉพาะ”
เซียวฉีเทียนหันหนี ไม่อาจโต้ตอบอะไรได้ เขาควรจะหยุดสนทนากับสตรีนางนี้เสียที เพราะเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย