ภาพรักสีจางกลางสมุทร - ตอนที่ 105-106
ตอนที่ 105 ฉันตายไปแล้ว
“เธอรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง” โม่หันเอ่ยถามพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้
“ค่ะพี่” ซย่าชิงอีเพียงพยักหน้ารับและนั่งลงตามเขา
เขานั่งตรงข้ามกับเธอ ทั้งคู่กินอาหารกันอย่างเงียบๆ เธอกินช้าลงเรื่อยๆ ท่าทางครุ่นคิดบางอย่างในใจก่อนพูดขึ้นมา “ฉันอยากลองตามหาพวกเขาค่ะ”
“อะไรนะ” โม่หันเงยหน้ามองคนที่นั่งตรงข้าม
“ความทรงจำในอดีตของฉัน” เธอว่าขึ้นเสียงจริงจัง “ฉันคิดมาสักพักแล้วและรู้สึกว่าฉันจะอยู่ที่บ้านของพี่ต่อไปโดยไม่ลงมือทำอะไรเลยไม่ได้ พี่เองก็มีเรื่องให้ต้องจัดการในชีวิต อีกอย่างฉันอยากรู้เรื่องในอดีตของตัวเองด้วยเหมือนกัน เลยอยากลองตามหาความทรงจำในอดีตที่หายไปของตัวเองดูค่ะ”
“แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ” แม้เขาจะไม่มองหน้าเธอ แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักของอีกฝ่าย
“ฉัน… ไม่รู้ค่ะ… อาจจะลองตามหาจากประวัติการรักษาของโรงพยาบาลก่อน”
น้ำเสียงไม่พอใจของโม่หันดังเข้าหูเธอ เขาก้มหน้ากินอาหารตรงหน้า “เธอคิดว่าพี่ไม่เคยลองมาก่อนเหรอ ก่อนที่จะทำเอกสารรับอุปการะให้เธอ พี่ตามหาไปทั่วแล้วแต่ก็ไม่เจอข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์เลย”
“ถ้าอย่างนั้น… ก็เริ่มจากถนนที่ฉันจำได้ ถึงมันจะไม่ค่อยชัดเจนนักแต่ฉัน…ก็ยังอยากลอง… ถ้าฉันจำได้มากกว่านี้อีกนิด…”
โม่หันพูดขัดเธอ “เริ่มสืบจากภาพฝันที่เลือนรางอย่างนั้นเหรอ! เธอคิดว่ามันจะได้ผลจริงๆ เหรอ”
เธอโกรธขึ้นมาหน่อยๆ วางชามและตะเกียบของตัวเอง “พี่กำลังจะบอกว่าพี่ไม่อยากให้ฉันสืบอย่างนั้นเหรอคะ”
อีกฝ่ายนิ่งเงียบ
ซย่าชิงอีอยากจะหัวเราะ “แม้ฉันจะจำบางอย่างขึ้นได้แต่พี่ก็ไม่ยอมให้ฉันสืบเรื่องนี้ ฉันไม่สามารถอยู่โดยใช้ตัวตนของซย่าชิงอีไปวันๆ โดยที่จำเรื่องของตัวเองไม่ได้เลยได้หรอกนะคะ ฉันใช้ความเป็นน้องสาวเป็นข้ออ้างในการอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้!”
ตลอดเวลาที่พวกเขารู้จักกัน ทั้งคู่รู้จักตัวตนของกันและกันดี ซย่าชิงอีไม่เคยพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนเลย เธอเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่ใช่น้องสาวจริงๆ ของโม่หัน เกือบลืมไปแล้วว่าเธอไม่ใช่ซย่าชิงอี
“ที่พี่หมายถึงคือการตามสืบหลังจากที่เธอจำได้มากกว่านี้ จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องมากกว่าต่างหาก” ตัวเขาเองก็ตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนั้นออกมา
เธอหรี่ตามองเขาโดยที่ไม่ได้ตอบกลับ
“พี่ต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าสิ่งที่เธอจำได้วันนี้เป็นเรื่องจริงไม่ใด้เป็นแค่จินตนาการของเธอ”
“ฉันจำได้ชัดเจนดีนะคะ มันเป็นเรื่องจริงและมันเกิดขึ้นจริงค่ะ” ซย่าชิงอีมุ่ยหน้า
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องรอจนพี่พาเธอไปหาจิตแพทย์ ให้เขายืนยันเรื่องนี้ก่อน”
“ฉันไม่จำเป็นต้องไปหาจิตแพทย์นะคะ ฉันสบายดี”
“ช่วงนี้ใจเย็นๆ ก่อนเถอะ พี่จะพาเธอไปพบจิตแพทย์ บางทีเขาอาจช่วยเธอได้ถ้าเธอจำบางอย่างได้อย่างวันนี้อีก” โม่หันว่าเสียงแข็ง
เธอคิดตามที่เขาพูดและเริ่มคล้อยตามเขา
“รีบๆ กินเข้า อาหารเย็นชืดหมดแล้ว” เขาส่งเสียงมาจากฝั่งตรงข้ามเธอ
ซย่าชิงอีไม่อยากอาหารสักนิด เธอวางตะเกียบลงหลังจากกินไปเพียงไม่กี่คำ เหตุการณ์เมื่อเช้าเหมือนหินที่พุ่งชนใจเธอเข้าอย่างจัง ไม่ว่าจะยามนอนหรือกิน ประโยคที่ได้ยินนั้นก็ยังวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว
ประโยคที่ได้ยินตอนถูกดึงตัวขึ้นมาจากน้ำ
หากฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่กลับมาอีก แค่แสร้งทำเหมือนกับฉันไม่มีตัวตน
หากฉันตาย แค่รับมันไว้เพื่อแค่รับมันไปเพื่อตอบแทนความเมตตาที่มีให้ฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“เธอพูดว่าอะไรนะ” โม่หันได้ยินเธอก้มหน้าพึมพำบางอย่างขึ้นมาเบาๆ
“เอ๊ะ” เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยท่าทางเหม่อลอย
“เมื่อกี้นี้เธอพูดว่าอะไร” เขาถามซ้ำ
ซย่าชิงอีรู้ตัวว่าคงเผลอพูดประโยคนั้นออกมาดังเกินไป แต่เธอก็คิดไม่ออกว่าประโยคนั้นดังมาจากไหนและเพราะอะไร ไม่มีเบาะแสอื่นๆ เลยสักนิด
เธอรู้สึกราวกับว่ามีโลกกว้างรออยู่เบื้องหลังเธอแต่เธอกลับติดอยู่ในตรอกที่เป็นทางตันด้วยประโยคนั้น ระหว่างที่ก้าวไปอย่างใจร้อนขณะที่เงยหน้ามองฟ้าสีสว่าง และสิ่งเดียวที่เธอทำได้คือการรอคอย
เธอตั้งใจจะไม่บอกเรื่องประโยคที่ได้ยินกับเขาตอนนี้ อยากรอให้ทุกอย่างชัดเจนกว่านี้ก่อนแล้วค่อยบอกให้เขารู้
เพราะแบบนั้นเธอจึงทำเพียงส่ายหน้าตอบเขากลับไปเงียบๆ เท่านั้น
ตอนที่ 106 ฝันร้าย
ซย่าชิงอีนอนไม่หลับหลังจากเอนตัวบนเตียง เธอนอนคิดวนไปมาจนนอนไม่ได้ ความรู้สึกหนักๆ ที่หัวไม่ยอมจางไปไหนราวกับมันติดอยู่ที่หมอน เธออยากพลิกตัวแต่ร่างกายของเธอกลับไม่ยอมทำตามใจสั่ง ท่ามกลางความง่วงงุนที่เกิดขึ้น เธอฝันเห็นเด็กสาวที่ดูคล้ายเธอเหลือเกิน ทว่าท่าทีของเธอกลับดูต่างออกไป รอยยิ้มชั่วร้ายที่ประดับใบหน้าของเธอและสายตาที่จ้องเขม็งมาที่ซย่าชิงอี
ซย่าชิงอีได้ยินเสียงอีกฝ่ายเอ่ยปากถาม ‘ฉันคือซย่าชิงอี เธอเป็นใคร’
น้ำเสียงของอีกฝ่ายดังทะลุม่านหมอกและจางหายไป ทำให้เธอหวาดกลัวขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอถามซ้ำ ‘ฉันคือซย่าชิงอี เธอเป็นใครกัน’
ซย่าชิงอีไม่กล้าสบตามอง ตัวเธอในฝันรู้สึกหวาดกลัวคนที่อยู่ตรงหน้านี้เหลือเกิน อยากจะพูดบางอย่างออกมา แต่เมื่อกำลังจะอ้าปากพูดเธอก็พูดไม่ออก
เธอเป็นใครกัน เธอไม่ใช่ซย่าชิงอี เธอไม่ใช่ซย่าชิงอีตัวจริง
เธอเป็นแค่ใครบางคนที่หลงลืมเรื่องราวในอดีตของตัวเอง
ราวกับเธอไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้ เหมือนกับว่าจะสามารถหายไปได้ทุกเวลา และไม่มีใครที่จะจดจำเธอได้เพราะไม่มีที่ว่างสำหรับเธอในใจของพวกเขา
เธอก็แค่ส่วนเกินที่ไม่มีใครต้องการ
ตัวเธอในฝันรู้สึกหวาดกลัวเหลือเกิน เธอนั่งงอตัวปิดหูเอาไว้ แต่ก็ยังได้ยินเสียงของอีกฝ่ายที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ส่งผ่านความว่างเปล่าในความฝันจนเสียดแทงเข้าภายในใจของเธอ ถามว่าทำไมต้องขโมยตัวตนของเธอไปด้วยอย่างไม่ลดละ
ซย่าชิงอีส่ายหน้าไปมาอย่างรุนแรง ทว่าเสียงของเด็กสาวที่ได้ยินกลับยิ่งดังขึ้น จู่โจมเข้าฉีกซย่าชิงอีจากภายในออกเป็นชิ้นๆ ไม่! ไม่! ฉันคือซย่าชิงอี! ฉันคือซย่าชิงอี!
เด็กสาวคนนั้นยังคงหัวเราะใส่ รูปร่างหน้าตาของเธอเหมือนกับซย่าชิงอี เธอปรายตามองซย่าชิงอีที่ก้มหมอบอยู่ที่มุมหนึ่ง ยืดแขนออกมาชี้หน้าพร้อมก้าวมาหาเธอ
ซย่าชิงอีกรีดร้องและสะดุ้งตื่นขึ้นมา
เป็นครั้งที่สองที่โม่หันตื่นเพราะเสียงร้องไห้ของซย่าชิงอี
ทั้งห้องยังคงมืดสนิท เขาหรี่ตามองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสอง
เสียงร้องไห้กลางดึกมาจากห้องของซย่าชิงอีที่อยู่ข้างๆ เขาลุกขึ้นทันทีอย่างรู้ว่าเธอคงฝันร้ายอีกแล้วหลังจากได้ยินเสียงร้องไห้ของอีกฝ่าย
เมื่อเปิดประตูห้องของเธอ เขาไม่ได้เปิดไฟเพราะต้องการให้เวลาเธอสงบสติอารมณ์ ไฟในห้องนั่งเล่นถูกเปิดไว้ เขาแง้มประตูให้เหลือช่องว่างไว้และใช้แสงสลัวที่ลอดเข้ามานำทางเดินไปที่เตียงของเธอ ก้มตัวลงลูบใบหน้าอีกคนอย่างแผ่วเบาและเรียกชื่อเธอ
เขาพบว่าใบหน้าของเธอเปียกชื้นจนแยกระหว่างน้ำตาและเหงื่อไม่ออก
“ฉัน… ซย่าชิงอี…” เธอพึมพำซ้ำไปซ้ำมาในความฝัน
โม่หันมุ่นคิ้ว รู้สึกปวดใจขึ้นเล็กน้อย ตบหน้าเบาๆ พลางตะโกนเรียกเธอ “ตื่นสิ! ตื่นได้แล้ว! เธอกำลังฝันอยู่นะ!”
ในที่สุดซย่าชิงอีก็รู้สึกตัวตื่น หลังจากเธอพยายามลืมตาที่คลอไปด้วยน้ำตาและเห็นคนที่อยู่ข้างเตียงลางๆ ว่าเป็นโม่หัน ความหวาดกลัวจากความฝันก็คลายลง
โม่หันอยู่ตรงนี้จริงๆ คนที่ยืนอยู่ข้างเธอมีตัวตนอยู่จริงให้เธอสัมผัสได้ เขารับรู้การมีตัวตนของเธอ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามตัวตนของเธอมีอยู่จริง
เธอเริ่มสูดหายใจลึกเอาอากาศเข้าปอดราวกับปลาขาดน้ำที่รีบว่ายเข้าหาแหล่งน้ำ โม่หันลูบหลังเธอก่อนเอ่ยขึ้น “มันเป็นแค่ความฝัน ไม่เป็นไรแล้วนะ”
เด็กสาวกำเสื้อของเขาไว้อย่างแรง “ฉันคือซย่าชิงอีใช่ไหมคะ”
“เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรน่ะ เธอก็เป็นซย่าชิงอีมาตลอดไม่ใช่เหรอ” เขาพูดให้เธอมั่นใจ
“ฉันแค่… ฉัน…” เธอพูดเบาๆ กับตัวเอง
โม่หันเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอหายใจผิดปกติ “เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันกลัว…” อีกฝ่ายกล่าวเสียงแผ่วเบา
“กลัวอะไร”
ซย่าชิงอีเงียบ
เขาถามซ้ำ “เธอฝันว่าอะไร”
คนถูกถามเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ก่อนก้มหน้าลงและว่าขึ้นโดยไม่ได้ตอบคำถาม “ฉันอยากนอนด้วยกันกับพี่ค่ะ”
โม่หันถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ เมื่อเห็นอีกคนเอนตัวมากอดเอวเขาไว้ หัวใจเต้นแรง อยากจะก้าวถอยหลังแต่กลับถูกอ้อมกอดดื้อดึงของซย่าชิงอีกักขังไว้
“ทำไมถึงอยากนอนกับพี่ล่ะ” เขาสัมผัสได้ถึงร่างของเธอที่ขยับเข้าแนบชิดกับตัวเองมากขึ้น