ภาพรักสีจางกลางสมุทร - ตอนที่ 109 ตกหลุมรัก / ตอนที่ 110 ของขวัญ
ตอนที่ 109 ตกหลุมรัก
หากแต่การจะทำเช่นนี้ได้เธอต้องขอความช่วยเหลือจากพนักงานคนอื่นๆ ในบริษัท ดังนั้นเธอจึงนัดพบกับหลิวจื้อหย่วนผู้ช่วยของเขาข้างนอกเพื่อคุยเรื่องนี้
โม่หันไม่รู้ว่าทำไมซย่าชิงอีถึงออกไปพบหลิวจื้อหย่วนตามลำพัง เขาได้ยินมาจากเสี่ยวจางที่อยู่ที่โต๊ะด้านหน้าบอกว่าเห็นน้องสาวของเขาและหลิวจื้อหย่วนออกไปด้วยกับตามลำพังข้างนอก และถามไปทั่วว่าทั้งสองคนคบหากันแล้วหรือ
มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับโม่หัน เธอจะคบหาอยู่กับหลิวจื้อหย่วนได้อย่างไร เขากลับสงสัยว่าพวกเขาออกไปคุยอะไรกันข้างนอกมากกว่า
เขาเอ่ยถามเธอในวันถัดมา เด็กสาวตอบเพียงว่าเธอต้องการข้อมูลไปทำการบ้าน และหลิวจื้อหย่วนก็มีข้อมูลที่ต้องการเธอจึงขอเขาดูก็เท่านั้น
เธอพูดพลางเล่นโทรศัพท์ ตายังจดจ้องอยู่บนหน้าจอขณะที่มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
เขารู้ดีว่าเธอโกหกและรู้สึกไม่สบายใจนักเมื่อเธอมีเรื่องปิดบังเขา แม้อยากจะถามต่อแต่เจ้าตัวกลับบอกว่าจะเข้าห้องของตัวเองแล้วและลุกเดินจากไป
เธอเดินออกไปทั้งยังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก่อนเธอไม่ใช่คนที่ติดโทรศัพท์ขนาดนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะแอบดูหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ
หน้าจอการสนทนาของเธอกับหลิวจื้อหย่วน
มันทำให้โม่หันตกใจ จะเป็นอย่างที่เซียวจางบอกไปไม่ได้หรอก
เขาเอ่ยรั้งอีกฝ่ายไว้ทันที “เธอ… หลิวจื้อหย่วน…”
“อะไรหรือคะ”
“พวกเธอคบกันเหรอ”
เธอยิ้มและมองหน้าเขา “พี่พูดเรื่องอะไรคะ”
“เขาจีบเธออยู่เหรอ”
ซย่าชิงอีถึงกับพูดไม่ออกก่อนส่งรอยยิ้มขบขันมาให้ “พี่ไปได้ยินมาจากไหนเนี่ย”
“หรือว่าเธอชอบเขา?” เขาถามซ้ำ
เธอผลักเขาออกให้พ้นทาง “นี่ พี่ชาย พี่มาจับผิดน้องสาวตัวเองแบบนี้มันไม่ดีเลยนะคะ ดูสิ น้องสาวพี่คนนี้ดูจะชอบเขาเหรอคะ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมช่วงหลังๆ มานี้เธอถึงสนิทสนมกับหลิวจื้อหย่วนนักล่ะ” เขาเอ่ย ท่าทางกลับมาเย็นชาเหมือนปกติที่เป็นตอนทำงาน
“ฉันไม่ได้บอกพี่ไปแล้วเหรอ ว่าฉันมีบางเรื่องที่ต้องขอให้เขาช่วยติดต่อและเจรจาให้”
“ติดต่อเจรจาระหว่างพวกเธอสองคนน่ะนะ” เขายิงคำถามใส่เธออีกครั้ง
“แล้วมันทำไมล่ะคะ เราแค่นั่งคุยกันเท่านั้นเอง อีกอย่างถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราจริงๆ ถ้าเราคบกันจริงๆ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรนี่คะ”
“ไม่ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ทำไมล่ะคะ”
“เธอยังเด็ก ไม่ควรมีแฟนตอนนี้”
เธอกลอกตาไปมาพลางคิดในใจ เด็กเหรอ ให้ตายเถอะ! ฉันเรียนมหาวิทยาลัยแล้วนะ!
แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธออยากจะทำก็อดกลั้นอารมณ์ที่แท้จริงเอาไว้และว่าขึ้น “พี่ชาย อย่ากังวลไปเลยนะคะ ฉันไม่ได้คบกับเพื่อนสุดหล่อของพี่คนนั้นหรอก ถ้าฉันคบใครสักคนจริงๆ จะพาเขามาเจอพี่คนแรกเลยล่ะค่ะ!”
เพียงคิดว่าในอนาคตข้างหน้าเธอจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ผู้ชายที่เธอบอกได้เต็มปากว่าเขาเป็นแฟนหนุ่มของเธอ แค่นั้นก็ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกและปล่อยให้อีกฝ่ายเข้านอน ในใจวางแผนไว้ว่าจะไปคุยเรื่องนี้กับหลิว
จื้อหย่วนให้รู้เรื่องด้วยความกังวลที่ยังติดอยู่ในใจ
เขาไม่รู้ว่าตัวเองกังวลใจเกี่ยวกับหลิวจื้อหย่วนหรือซย่าชิงอีกันแน่
สองวันถัดมาโม่หันก็งานยุ่งขึ้นมาก ซย่าชิงอีไม่รู้ว่าเขายุ่งอยู่กับอะไร ช่วงไม่กี่วันมานี้เธอไม่ได้โทรหาเขาตอนเช้าเหมือนทุกที และเมื่อเขากลับมาถึงบ้านเธอก็มักจะหลับไปแล้ว เธอต้องรีบออกไปเรียนในเช้าวันถัดมา ทั้งสองคนเลยไม่ได้เจอหน้ากันเท่าไรนัก ทีแรกโม่หันตั้งใจจะโทรไปถามเธอว่าช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างแต่เขากลับไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไร เพราะปกติแล้วเธอมักเป็นฝ่ายที่โทรหาเขาก่อนเสมอ
ตอนที่ 110 ของขวัญ
โม่หันเลิกงานเร็วในช่วงบ่ายวันนั้นและเตรียมตัวกลับบ้าน ซย่าชิงอีโทรหาเขาระหว่างที่เขากำลังเก็บของที่ห้องทำงาน
และนี่เป็นสายแรกของเธอที่โทรหาเขาในรอบสองวันที่ผ่านมา
[สวัสดีค่ะพี่ พี่เลิกงานหรือยังคะ]
“มีอะไรเหรอ” น้ำเสียงของเขาไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
[ออกมาข้างนอกสักครู่หน่อยสิคะ] เธอเอ่ยตอบเสียงสดใส
“ออกไปทำไม”
[ฉันมีของขวัญจะให้พี่ค่ะ] ปลายสายยิ้มบางๆ ขณะที่ถือสายไว้
เขาตกใจเล็กน้อยอย่างไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะซื้อของขวัญให้เขา “วันนี้ไม่ใช่วันเกิดพี่สักหน่อย”
[ฉันรู้ค่ะ แค่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ น่ะ]
“อะไรเหรอ” เขาถาม
[ทายดูสิคะ] ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังลอดเข้ามาก่อนจะรู้สึกถึงบางอย่างแปลกๆ เขาถอยโทรศัพท์ออกจากหู เงี่ยหูฟังเสียงรอบห้องทำงานแต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ
“เธออยู่ไหนเนี่ย”
[เปิดประตูดูแล้วพี่ก็จะรู้ค่ะ]
จบประโยคของเธอ เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที โม่หันเดินตรงไปที่ประตูห้องทำงานขณะที่ยังถือโทรศัพท์ในมืออยู่ ผลักมันออกและเห็นซย่าชิงอียืนรออยู่ด้านนอก
เธออยู่ในชุดกระโปรงแขนกุดสีเหลืองอ่อนและสะพายกระเป๋าใหญ่ เหมือนกับนักเรียนมัธยมปลายที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์
ส่งสายตากะพริบปริบๆ พร้อมรอยยิ้มมาให้ ก่อนกดวางสาย “ไปกันเถอะค่ะ”
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้” เขางุนงงเล็กน้อย
“พี่เสร็จงานแล้วนี่ ไปกันเถอะค่ะ ฉันจะพาไปเอาของขวัญของพี่ ถ้าสายกว่านี้เดี๋ยวจะไปไม่ทันเอานะคะ”
โม่หันเห็นเธอกำลังสะพายกระเป๋าใบโตไว้บนหลัง พลันคิดว่ามันดูแปลกๆ ไป “ทำไมเธอถึงสะพายกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนั้นล่ะ”
เธอเพียงส่งยิ้มกลับมา “เดี๋ยวพี่ก็รู้ค่ะ” หลังพูดจบเธอก็ลากแขนเขาเดินออกไป “ไปกันเถอะ ไปเอาของขวัญของพี่กันค่ะ”
“เราจะไปไหนกัน” เขาเอ่ยถาม
คนถูกถามไม่ตอบและเดินออกไปด้านนอก เมื่อเขาจะเดินไปที่รถเธอก็ห้ามเขาไว้ กลับตรงไปที่ริมถนนและเรียกแท็กซี่ก่อนเข้าไปนั่งด้านในรถ
“ไปสนามบินค่ะ” เธอปิดประตู
“สนามบินเหรอ” โม่หันยังคงงุนงง
“รออีกสักพักนะคะ เดี๋ยวไปถึงแล้วพี่ก็จะรู้เองค่ะ” เธอว่าพลางมองเวลา ท่าทางดูรีบเร่งและร้อนรนแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ตาม
เขาเลือกที่จะเงียบ เอนหลังพิงกับเบาะ หลับตาลงและรอดูว่าเธอเตรียมของขวัญอะไรไว้ให้เขาอย่างใจเย็น
สิบนาทีถัดมาพวกเขาก็มาถึงทางเข้าสนามบิน ซย่าชิงอีลากเขาออกมาจากรถและรีบเดินเข้าไปในสนามบิน ที่บริเวณทางเข้าอาคารผู้โดยสาร เธอกวาดตามองป้ายไปรอบๆ ดึงเขาตรงไปอีกทางและเริ่มวิ่ง
“เร็วค่ะ จะไม่ทันแล้ว เหลืออีกแค่ครึ่งชั่วโมง!” เธอพูดอย่างเหนื่อยหอบขณะที่วิ่งไปด้วย
หลังจากเข้ามาถึงอาคารผู้โดยสารและเห็นเธอทำท่าทางแบบนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากกว่าเดิม เขาชะงักเท้าและถามขึ้น “นี่มันอะไรกัน เธอวิ่งทำไม ของขวัญอะไรของเธอที่ต้องมาเอาที่สนามบิน”
เธอหยุดมองเขา ก่อนเปิดกระเป๋าและหยิบซองกระดาษสองซองส่งให้เขา
“ตั๋วเครื่องบินค่ะ” ซย่าชิงอีตอบอย่างใจเย็น
โม่หันก้มมองซองในมือและอึ้งไปทันที เธอไปซื้อตั๋วเครื่องบินไปเมือง F สองใบนี้มาตั้งแต่เมื่อไรกัน! ที่สำคัญคือตั๋วใบหนึ่งเป็นของเธอ ส่วนอีกใบคือของเขา