ภาพรักสีจางกลางสมุทร - ตอนที่ 125 ความตาย / ตอนที่ 126 พี่อยู่ตรงนี้
ตอนที่ 125 ความตาย
“เวรเอ๊ย! แค่จับผู้หญิงคนหนึ่งทำไมมันยากขนาดนี้วะ!” ชายที่อยู่อีกด้านถ่มน้ำลายลงพื้น
“ฝนก็เสือกมาตกหนักวันนี้อีก! แล้วจะเอานังนี่กลับยังไงเนี่ย!”
ซย่าชิงอีเริ่มได้ยินเสียงรอบตัวขณะที่พยายามเอาตัวรอด เธอออกแรงหยิกชายที่อยู่บนร่างของเธอ “ออกไป!”
มันหันมาตบหน้าเธออีกครั้งหลังจากโดนเธอหยิกเข้าไปในเนื้อจนเจ็บ ก่อนจับข้อมือของเธอบิดอย่างไม่ปรานี
เธอกรีดร้องอย่างเจ็บปวด รู้ได้ทันทีว่าแขนของเธอคงใช้งานไม่ได้ไปอีกสักพัก
ฟันสบเข้าหากันด้วยความทรมานขณะที่หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ แม้มันจะถูกชะล้างด้วยฝนที่ลงเม็ดหนักในทันทีก็ตาม ความรู้สึกเดียวที่มีตอนนี้คือความหนาวเหน็บที่แผ่ซ่านไปทั่งร่างราวกับอยู่ในน้ำแข็ง
“รีบเข้า! ฝนตกหนักแล้ว! พามันไปที่อื่นก่อน เดี๋ยวก็โดนคนอื่นจับได้หรอก!”
“ไปไหน! ไม่เห็นแสงไฟตรงนั้นเหรอ เดี๋ยวก็ซวยกันมากกว่าเดิมหรอก!”
“งั้นก็ทิ้งมันไว้ตรงนี้แหละ นายใหญ่บอกแค่ให้เราสั่งสอนเธอ”
“เฮ้ย… ฉันว่านังเด็กนี่ก็สวยดีนะ เรามาสนุกกับเธอสักหน่อยก่อนดีไหม” ชายคนหนึ่งพูดพร้อมย่อตัวลงมาและลูบใบหน้าของซย่าชิงอี
“ไม่เอาน่า…! ฝนตกหนักหนักอยู่นะเว้ย”
“ทำข้างนอกในวันฝนตกแบบนี้มันก็น่าตื่นเต้นดีนี่หว่า! ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไว้คุยกันหลังจากฉันสนุกกับเธอเสร็จแล้วกัน” เพียงเท่านั้นชายคนนั้นก็ถูกผลักออกไปและถูกแทนที่ด้วยชายอีกคนที่จับเธอกดให้ล้มลงก่อนหน้านี้
ซย่าชิงอีได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดทั้งหมด เด็กสาวรู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอาเจียนเมื่อเขาขึ้นคร่อมบนตัวเธอ เธอพยายามยกมือที่แทบจะขยับไม่ได้ไปบีบคออีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามในจังหวะที่เธอยกมือขึ้นก็ถูกชายคนนั้นจับมือไว้ มันถอดเข็มขัดออกจากกางเกงของเธอและเอามามัดมือเธอไว้แน่น
มันโน้มตัวลงมาจะจูบเธอ เธอส่ายหน้าไปมาอย่างแรงพลางตะโกนออกมาอย่างสติแตก “ออกไป! ไอ้โรคจิต! ออกไป! อ๊ะ!”
ศีรษะของเธอถูกมันจับกระแทกพื้นอย่างแรง เธอค่อยๆ หมดสติลงหลังจากถูกกระทบกระเทือนจากแรงกระแทก
สิ่งเดียวที่รู้สึกคือของเหลวที่ไหลออกมาจากศีรษะ เธอไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไปแล้วราวกับว่าวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว ซย่าชิงอีมองชายที่นั่งคร่อมบนร่างที่เริ่มลวนลามเธออย่างเหม่อลอย เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย ร่างกายไม่ยอมฟังคำสั่งของเธออีกต่อไป
ชายคนนั้นฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธอระหว่างที่ชายอีกคนหัวเราะขึ้น ท่ามกลางความมืดอันหนาวเหน็บในคืนฝนพรำ เธอหอบหายใจระรัวและนอนกองอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยโคลน ขณะที่มือคู่หนึ่งรุกรานไปทั่วร่าง มันยังใช้ปากจูบกัดไปตามทุกส่วนของร่างกาย
ซย่าชิงอีรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน ราวกับว่าไม่มีทางที่ฝืนได้อีกต่อไป จินตนาการถึงตอนที่ตัวเองนอนทรมานบนพื้นที่เย็นเป็นน้ำแข็ง แม้แต่จะหายใจก็ยังไม่ง่ายดายนัก
แค่ปล่อยให้มันผ่านไป แค่ปล่อยมันไป
เธออาจจะตายหลังจากที่มันผ่านไป เธอจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ หลังจากเธอจากโลกใบนี้ไปแล้ว
ซย่าชิงอีคิดอย่างล่องลอย
วูบหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนเธอเคยพูดประโยคนี้มาก่อนแต่จำไม่ได้ว่าเมื่อไร
ช่างมันเถอะ เธอลืมเรื่องราวทุกอย่างในอดีตของเธอไปหมดแล้ว มันไม่ใช่เรื่องสำคัญถ้าเธอจะจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไม่ได้
สติของเธอเริ่มเลือนรางไปทุกที ไม่รู้สึกซึ่งสัมผัสใดๆ อีกต่อไป พลันคิดว่าวิญญาณของเธอคงหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว
ตอนที่ 126 พี่อยู่ตรงนี้
ในตอนที่เธอกำลังลอยอยู่ในอากาศ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นดึงสติของเธอให้กลับมา
“ทำอะไรของพวกแก!”
เสียงนั้นช่างดูคุ้นเคยเหลือเกิน ซย่าชิงอีครุ่นคิดเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจำได้ว่าเป็นเสียงของโม่หัน
โม่หันยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน มองกลุ่มคนที่ยืนห่างออกไปราวสามเมตรใต้แสงไฟสลัวจากไฟข้างทาง หัวใจกระตุกทันทีเมื่อเห็นพวกเขาอย่างรู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวข้องกับข้อความที่ซย่าชิงอีส่งมา
เขาไม่เคยรู้สึกกังวลขนาดนี้มาก่อน เดินเข้าไปหากลุ่มคนเหล่านั้นทีละก้าวทั้งร่างที่สั่นเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เขาภาวนาให้สิ่งที่เขาเห็นไม่เป็นอย่างที่คิดไว้
“ฉันว่าแกอย่าเข้ามาสอดดีกว่า!” หนึ่งในชายกลุ่มนั้นตะโกนอย่างก้าวร้าวไปทางโม่หันที่ก้าวเข้ามา
เขายังคงเดินมุ่งหน้ามาขณะที่มองเพียงบริเวณกลางวงของกลุ่มคน
“แกไม่เข้าใจภาษาคนเหรอ!” ชายคนนั้นเดินตรงมาที่โม่หัน ทิ้งช่องว่างเล็กๆ ที่เผยให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
โม่หันจ้องมองก่อนใจของเขาจะแทบแตกสลาย
ภาพที่เห็นมันย่ำแย่กว่าที่เขาคาดคิดไว้มากมายนัก
เขาบิดข้อมือชายคนที่เดินเข้ามาหา สิ้นเสียงบางอย่างแตกหักกระดูกของอีกฝ่ายก็บิดเบี้ยวผิดรูป และตะโกนร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนถูกโม่หันเตะลงไปกองกับพื้น
ชายที่เหลือรีบเข้ามาสู้กับโม่หันเมื่อเห็นว่าหนึ่งในพวกเขาล้มลงไปแล้ว ในขณะเดียวกันโม่หันทำเพียงมองซย่าชิงอีที่นอนอยู่บนพื้น เสื้อถูกฉีกเป็นชิ้นๆ สายตาของเขาฉายแววเจ็บปวดเมื่อมองภาพนั้น ทนมองไม่ได้อีกต่อไปแม้เพียงวินาทีเดียว
เขาต่อสู้กับชายที่อยู่รอบตัวทั้งดวงตาที่แดงฉานราวกับบ้าคลั่ง เขาไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ได้อีกต่อไปเมื่อคิดว่ากลุ่มชายเหล่านี้เป็นคนที่ทำให้ซย่าชิงอีต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ อยากจะฆ่า พวกมันทิ้งเสียให้หมด ไม่เว้นชีวิตแม้สักคนเดียว
พวกมันห้าคนรายล้อมเขาไว้ คนหนึ่งกำลังถือไม้หมายจะเข้ามาฟาดแต่โม่หันก็จับไว้ทัน จากนั้นจึงดึงไม้ออกและต่อยกลับ เขาถีบอีกฝ่ายที่ท้องเข้าเต็มแรงจนลงไปนอนนิ่งอยู่กับพื้น
กลุ่มชายที่เหลือถูกโม่หันจัดการในพริบตาจนพวกมันลุกไม่ขึ้นอีกต่อไป ตอนนั้นเองที่เขาคลายข้อมือของตัวเองและเดินตรงไปหาซย่าชิงอี
เขาย้อนนึกว่าตลอดเส้นทางชีวิตที่ผ่านมาเขาก้าวเดินมานับไม่ถ้วน
เดินขึ้นศาลเพื่อฟังผลการพิจารณาคดีที่เขาทำหน้าที่เป็นทนายความครั้งแรก
เดินไปหาแม่โดนพ่อทำร้ายด้วยความใบหน้าเฉยเมย
เดินไปพบศพของพ่อตัวเองอย่างโดดเดี่ยวในห้องดับจิตมืดๆ ที่โรงพยาบาลหลังจากรู้ข่าวว่าอีกฝ่ายเสียชีวิตแล้ว
แต่ไม่มีครั้งไหนที่รู้สึกเหมือนครั้งนี้
เขารู้สึกราวกับกำลังขยับทุกฝีก้าวไปบนคมมีด อยากจะหยุดเดินบนเส้นทางนี้ลงเสียทีแต่เขาก็ไม่ทำ เขาไม่กล้าเผชิญกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ฝนยังคงตกพรำเมื่อเขาเดินจนสุดทางจนไปหยุดอยู่ใต้แสงสลัวจากไฟข้างทาง เขาหยุดเท้าอยู่ที่ขาของซย่าชิงอี
โม่หันเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น เนื้อตัวเลอะไปด้วยดินโคลน ดวงตาทั้งสองปิดแน่น เส้นผมเปียกโชกแนบติดผิวสีซีด มือข้างหนึ่งกำแน่นไม่ปล่อย ร่างกายส่วนบนแทบไม่เหลือสิ่งใดปกปิด มีเพียงเสื้อผ้าขาดวิ่นที่ปกคลุมตัวเอาไว้ ยังมีสวมกางเกงยีนสวมติดกายไว้แม้มันจะถูกปลดกระดุมออก
สายตาของโม่หันเปลี่ยนไปแดงฉานอีกครั้ง เขาอดกลั้นอารมณ์เอาไว้พลางสูดหายใจลึก ก่อนถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองด้วยมือสั่นไหวและคลุมตัวเธอไว้
“แก… ทำอะไรกับเธอ” โม่หันกัดฟันกรอดๆ ถามขึ้น เมื่อเดินกลับไปเหยียบขยี้มือของหนึ่งในชายกลุ่มนั้น
ชายที่สมรู้ร่วมคิดคนอื่นๆ วิ่งหนีไปในตอนที่พวกมันทำได้ไปแล้ว เหลือเพียงชายคนที่ดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่บนพื้น มือของเขาเจ็บปวดจนรู้สึกเหมือนกับจะหักจากแรงเหยียบของโม่หัน “อ๊า! … ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย! พวกเราแค่ทำร้ายเธอ ไอ้จ้าวต่างหากเล่า! มันอยากจะข่มขืนผู้หญิงคนนั้น เราห้ามมันแล้วแต่มันก็ไม่ฟัง มันถอดกางเกงของเด็กนั้นไม่ได้เพราะเปียกฝน มันเลยยังไม่ทันได้ทำอะไรก่อนที่แกจะมาถึง”
โม่หันโกรธจนแทบจะระเบิดเมื่อได้ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขาเหยียบมือของมันแรงขึ้นจนได้ยินเสียงกระดูกหัก ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพลางร้องขอความเมตตาขณะที่บิดตัวไปมาบนพื้น
ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความทรมานในค่ำคืนฝนพรำที่เงียบงัน เสียงเบาๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลังโม่หัน
“พี่ชายคะ… พี่ชาย”