ภาพรักสีจางกลางสมุทร - ตอนที่ 141 ภรรยา / ตอนที่ 142 สามี
ตอนที่ 141 ภรรยา
“เธอเลิกเรียนแล้วใช่ไหม ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ฉันเพิ่งออกจากห้องเรียนค่ะ มีอะไรเหรอคะ”
“เธอไม่ได้อยากกินอาหารทะเลหรอกหรือ พี่เสร็จงานที่บริษัทแล้ว เดี๋ยวเย็นนี้จะพาเธอไปร้านอาหารทะเลที่ถนนตงตัน” โม่หันกรอกเสียงใส่โทรศัพท์พลางหมุนพวงมาลัยอย่างคล่องแคล่ว
ซย่าชิงอีคิดถึงหันเลี่ยงที่เดินอยู่ข้างเธอและถอนใจออกมา “วันนี้… คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไรน่ะค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น” เขาพูดกับโทรศัพท์
หันเลี่ยงกล่าวขัดขึ้นมาจากด้านข้าง “ทำไมเธอจะไปไม่ได้ล่ะ ถ้าโม่หันไม่ว่าอะไร ฉันก็อยากไปกับเธอด้วย ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับเขาเหมือนกัน”
เธอเหลือบมองหันเลี่ยง โม่หันได้ยินเสียงผู้ชายลอดออกมาจากสายแต่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใคร “มีคนอยู่กับเธอเหรอ”
“อ่า… อืม… คนที่เราเจอบนถนนเมื่อหลายวันก่อนน่ะค่ะ” เธอครุ่นคิดก่อนตอบเขาในท้ายที่สุด
หันเลี่ยงที่เดินอยู่ข้างๆ ไม่พอใจเมื่อได้ยินเธอพูดถึงเขาแบบนั้น และบอกข้างหูเธอ “ให้ฉันคุยกับเขาหน่อยได้ไหม”
เธอส่ายหน้าและใช้มือบังโทรศัพท์ไว้ ก้าวถอยหลังไปไม่กี่ก้าวก่อนเอ่ยกับเขา “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เราคุยกันจะจบแล้ว คราวหลังฉันจะแนะนำคุณให้เขารู้จัก”
ซย่าชิงอีจำไม่ได้ว่าโม่หันพูดอะไรในตอนท้าย เธอโน้มตัวลงและบังโทรศัพท์ไว้ ก่อนกระซิบบอกอีกฝ่าย “ฉันวางสายก่อนนะคะ ไว้เราคุยต่อกันที่บ้าน”
เธอรีบวางสายและหันไปพูดกับคนที่อยู่ข้างๆ “ฉันจะกลับบ้านจริงๆ แล้วนะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปได้แล้วค่ะ”
หันเลี่ยงโกรธขึ้นมาเล็กน้อย “ทำไมเธอถึงยังดื้อจะอยู่ที่นี่ต่อและไม่ยอมกลับไปกับฉันล่ะ เธอก็เป็นคนเดิมกับเมื่อก่อน ฉันจะพาคุณกลับไปบ้านที่แท้จริงของเธอ ที่ที่ทั้งพ่อแม่และเพื่อนของเธอต่างก็อยู่ที่นั่น! พวกเขารอให้เธอกลับไปอยู่ทุกวัน!”
คนฟังสูดหายใจลึก มองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “หันเลี่ยง มันอาจจะยากที่จะให้คุณเข้าใจความรู้สึกของฉัน แต่ตอนนี้คุณก็เหมือนคนแปลกหน้าสำหรับฉัน ฉันบอกคุณไปแล้วว่าจำเรื่องในอดีตที่คุณเล่ามาไม่ได้เลยสักนิด ฉะนั้นสำหรับฉันแล้ว บ้านคือที่ที่ฉันอยู่มาตลอดหลายเดือนนี้ หันเลี่ยงคุณจะให้ฉันออกมาทันทีและไปที่ที่คุณเรียกว่าบ้านเลยไม่ได้ มันไม่ใช่ที่ที่ฉันคุ้นเคย”
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจบางอย่างและถอนหายใจออกมาก่อนพูด “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่เร่งรัดเธอ แต่อย่างน้อยก็ให้ฉันได้ไปส่งเธอกลับเถอะนะ เนี่ยนเนี่ยน”
เธอไม่ปฏิเสธเขาและนั่งรถของหันเลี่ยงกลับบ้าน แม้แต่ตอนที่เธอขึ้นลิฟต์เขาก็ยังตามเธอมาและยืนอยู่ด้านหลัง
ซย่าชิงอีไม่ได้พูดอะไรและทำเพียงมองเลขชั้นที่ขึ้นสูงไปเรื่อยๆ อย่างเงียบๆ จนกระทั่งมันหยุดลง เธอก้าวออกมาและเดินอีกไม่กี่ก้าวไปหยุดอยู่หน้าประตูบ้าน หันกลับไปบอกกับหันเลี่ยง “ฉันถึงบ้านแล้ว คุณกลับไปได้แล้วล่ะค่ะ”
“จะไม่ให้ฉันเข้าไปด้านในหน่อยเหรอ อย่างไรที่นี่ก็เป็นที่ที่เธออยู่มาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ฉันก็อยากรู้ว่าเธออยู่ในที่แบบไหน”
ในที่สุดความอดทนของเธอก็ถึงขีดจำกัด “มันไม่ใช่บ้านของฉันแต่เป็นของเขา ถ้าฉันให้คนอื่นเข้าไปโดยที่ไม่ได้ขอเขาก่อนคงไม่ดีสักเท่าไร”
รอยยิ้นบนใบหน้าของอีกฝ่ายดูแปลกๆ และไม่อาจรู้ความหมายของมันได้ “ไม่ได้ขอเขาก่อนเหรอ ทำไมเธอดูเชื่อฟังเขาจังเลยล่ะที่รัก”
สิ้นประโยคสุดท้ายที่เขาเรียกว่าที่รัก เธอก็รู้สึกรังเกียจขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้นแต่มันเป็นเรื่องจริงที่เธอคลื่นไส้จนเกือบจะอาเจียนออกมาเมื่อได้ยินคำนั้น
ในจังหวะที่เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร ประตูด้านหลังก็เปิดออกให้หันไปมอง ท่าทีของโม่หันไม่เปลี่ยนไป เขายังอยู่ในชุดสูทที่ใส่ไปทำงาน เธอมองเขาอย่างไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงเปิดประตูออกมาแบบนี้
เขามองท่าทางของเธอและเหลือบไปมองหันเลี่ยง ก่อนกลับมาสบตากับเธออีกครั้งและพูดขึ้นเบาๆ “พี่ได้ยินเสียงอยู่ที่ประตูเลยคิดว่าเธอคงกลับมาแล้ว”
“คุณคือโม่หันสินะครับ ทนายโม่ ผมได้ยินเกี่ยวกับคุณมาบ้าง” หันเลี่ยงเอ่ย
“พูดเกินไปแล้วครับ ผมเป็นแค่นักกฎหมายที่ทำคดีทั่วไปเท่านั้น” น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังขึ้น
“ขอบคุณที่ดูแลเนี่ยนเนี่ยนมาตลอดนะครับ” อีกฝ่ายยิ้ม
“เนี่ยนเนี่ยน?”
ตอนที่ 142 สามี
“เนี่ยนเนี่ยน?”
“เนี่ยนเนี่ยน เธอยังไม่ได้บอกเรื่องของเรากับทนายโม่เหรอ” หันเลี่ยงมองซย่าชิงอีที่อยู่ข้างๆ เขาและยิ้มออกมาอีกครั้ง “โอ๊ะ เป็นความผิดของผมเอง ผมผิดเอง วันนี้เนี่ยนเนี่ยนอยู่กับผมทั้งวัน มิน่าล่ะเธอถึงยังไม่ได้บอกคุณ อย่างนั้นผมจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับคุณเอง ผมชื่อหันเลี่ยง เป็นสามีของเนี่ยนเนี่ยน เธอเป็นภรรยาของผมที่ผมตามหามานานแล้ว ซ่งเย่ว์เนี่ยน”
ซย่าชิงอีไม่กล้ามองหน้าท่าทีของโม่หัน เธอคิดว่าเขาคงต้องตกใจแน่ ทว่าเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมามอง เขากลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาอย่างเย็นชา ทำเพียงยืนนิ่งเงียบที่เดิมอยู่พักใหญ่
“ผมอยากพาเนี่ยนเนี่ยนกลับบ้านแต่เธอยืนกรานจะมาที่นี่ ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้เธออยู่ที่นี่กับคุณอีกสักพัก ผมจะพาเธอกลับบ้านของเธอหลังจากนี้เมื่อเธอปรับตัวได้แล้ว” หันเลี่ยงเอ่ยขึ้น
“ถ้าผมเดาไม่ผิด อายุของเธอยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้แต่งงานนะครับ” โม่หันจ้องมองหันเลี่ยง น้ำเสียงเย็นยะเยือกกว่าที่เธอเคยได้ยินมา
อีกฝ่ายยิ้มและหยิบทะเบียนสมรสออกมาให้เขาดู “คุณคิดมากไปแล้วครับ ปีนี้เนี่ยนเนี่ยนอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ และโตขึ้นมาด้วยกัน หลังจากเธอเข้ามหาวิทยาลัย เราก็ไปจดทะเบียนสมรสด้วยกันในวันที่เธออายุครบยี่สิบปี”
โม่หันมองเธอและจ้องส่วนของใบหน้าที่จะบ่งบอกถึงอายุยี่สิบเอ็ดปีของเธอ แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็เห็นแต่ใบหน้าของนักเรียนมัธยมปลายเท่านั้น ทว่าทะเบียนสมรสที่หันเลี่ยงเอามาให้ดูก็แสดงอายุที่แท้จริงของเธอจนเขาเถียงไม่ออก
เขาปิดทะเบียนสมรสลงอย่างไม่อยากมองรูปซย่าชิงอีที่เขาไม่คุ้นเคยกำลังยิ้มกับชายคนอื่น
ซย่าชิงอีที่เขารู้จัก เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาตอนนี้ต้องไม่ใช่ภรรยาของชายคนนี้ ซ่งเย่ว์เนี่ยน
โชคร้ายที่เขาไม่สามารถหาหลักฐานใดๆ มายืนยันได้ ไม่ว่าเขาจะเชื่อมันหรือไม่ก็ตาม
“ผมไม่เชื่อคำพูดของคุณเพียงเพราะทะเบียนสมรสนี้หรอกนะ สิ่งที่นักกฎหมายอย่างผมต้องการคือหลักฐาน” โม่หันส่งทะเบียนสมรสคืนให้หันเลี่ยง
“ได้สิครับ ถ้าไม่รบกวนไปสักหน่อย คราวหน้าคุณก็มาที่เมือง F กับเราก็ได้ครับ มันเป็นที่ที่ผมโตมากับภรรยาของผม และมีหลักฐานมากมายที่คุณพูดถึง ความทรงจำของเนี่ยนเนี่ยนอาจจะกลับมาถ้าเธอกลับไปที่นั่นก็ได้” หันเลี่ยงยิ้มขณะจ้องหน้าเธอ
“ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้ก็ดึกแล้ว เราขอตัวไปพักผ่อนก่อน” โม่หันดึงซย่าชิงอีเข้ามาในบ้านและปิดประตูลง
“ฉันจะมารับเธอพรุ่งนี้นะ” หันเลี่ยงพูดกับเธอที่อยู่ในบ้าน
โม่หันปิดประตูเสียงดัง ทิ้งชายอีกคนไว้ด้านนอก
หันเลี่ยงยังคงยิ้มแม้จะได้ยินเสียงประตูปิดลงไปแล้ว เขาจ้องบานประตูขณะเอ่ยเสียงเบา “เนี่ยนเนี่ยน คราวนี้ผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหนอีกแล้ว”
หน้าของโม่หันเปลี่ยนสีทันทีที่เขาปิดประตูและถามเธอด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก “เขาไปหาเธอเมื่อไหร่”
“ระหว่างคาบเรียนวันนี้ค่ะ”
เขายืนอยู่กลางห้องนั่งเล่นขณะที่เธอพิงตัวกับทางเดินหน้าประตู และจ้องมองรูปภาพทิวทัศน์ที่แขวนอยู่บนผนังฝั่งตรงข้าม ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบงัน
“เธอจำอะไรได้บ้างไหมหลังจากเห็นเขา” โม่หันถาม
“ไม่ค่ะ” เธอก้มหน้า “ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
“พี่จะไปกับเธอพรุ่งนี้” เขาหยุดก่อนว่าต่อ
“ไปไหนคะ”
เขามองหน้าอีกฝ่าย “เขาจะมารับเธอไปเมือง F”
น้ำเสียงของเธออ่อนแรงก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ค่ะ”
เธอยืดตัวขึ้นและยันตัวห่างจากผนังที่พิงอยู่ ไม่ได้มองหน้าของอีกฝ่ายและเดินตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง “ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยค่ะ ขอไปพักก่อนนะคะ”
“อย่าลืมออกมากินข้าวด้วยนะ” เขาบอก
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันไม่หิว”
ก่อนหน้านี้เธอครุ่นคิดเรื่องนี้มาหลายครั้ง ว่าจะเป็นอย่างไรหากวันใดวันหนึ่งครอบครัวของเธอมาตามหาเธอ
เธอจะร้องไห้ไหม หรือเธอจะโกรธ หรือเธอจะมีความสุขจนพูดไม่ออก
ทว่าตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกคือเธอเหนื่อยเหลือเกิน