ภาพรักสีจางกลางสมุทร - ตอนที่ 153 จุมพิตสีไวน์แดง / ตอนที่ 154 กลับไปหาโม่หัน
ตอนที่ 153 จุมพิตสีไวน์แดง
ระหว่างที่เขาเอียงแก้วไปมาเขาก็นึกถึงจูบที่โต๊ะอาหารตอนที่ซย่าชิงอีดื่มแอลกอฮอล์เป็นครั้งแรก
เธอปิดตาลงพลางยิ้มอย่างมีความสุขขณะที่ดึงเนกไทของเขาไว้ เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะระวังตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอโผตัวเข้ามาจูบที่ริมฝีปากของเขา
โม่หันไม่เคยบอกอีกฝ่ายว่าริมฝีปากของเธอนุ่มนิ่มและชุ่มชื่นไปด้วยความหวานขนาดไหน
ช่วงที่เขาคบกับเฉินโหรว พวกเขาจูบและสัมผัสกันและกันมากกว่านี้เสียอีก ผู้ชายทุกคนล้วนมีความปรารถนาลึกๆ อยู่ข้างใน แต่แปลกที่ที่เขาไม่ค่อยรู้สึกถึงแรงกระตุ้นนั้นกับแฟนเก่าคนก่อนๆ ของตัวเอง เขาคิดมาตลอดว่าคงเป็นเพราะบุคลิกที่เฉยชาและไม่เอาอารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้งของเขา
ทว่ากับซย่าชิงอีกลับแตกต่างออกไป
เสื้อผ้าของเธอมักจะหลุดลุ่ยในตอนที่เธอตื่นมายามเช้า บางครั้งเธอก็ไม่รู้ตัวว่าหัวไหล่ของเธอแทบจะเผยสู่สายตาของคนมอง เขามักจะหลบตาหนีจากร่างกายของเธอทุกครั้งอย่างไม่กล้าจะมองต่อแม้เพียงวินาทีเดียว
เขากลัวว่าจะห้ามตัวเองไว้ไม่ได้ ปฏิกิริยาทางร่างกายของเขาไม่เคยโกหกว่าเขารู้สึกถึงแรงกระตุ้นเพราะเธอ
โม่หันจ้องมองมือของตัวเองขณะที่นึกถึงตอนที่เขากักตัวเธอไว้กับบานประตู เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้านหลังจากที่เธอเมา นิ้วมือของเขาลูบไล้ไปตามร่างของเธออย่างไม่สนใจสิ่งใด เทียบกับร่างกายของอีกฝ่ายแล้ว นิ้วของเขาทั้งแข็งและสากกว่ามากนัก เกิดแรงปรารถนาบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ขณะที่พวกมันเคลื่อนไปตามผิวของเธอ เขาสัมผัสไปทั่วทุกส่วนของร่างกายส่วนบนของเธอ ตั้งแต่หน้าอกนิ่ม แผ่นหลังเนียน จนถึงเอวคอดบาง อีกฝ่ายมองมาที่เขาด้วยท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เขาบอกเธอว่าเขาทำเช่นนี้เพื่อสร้างบทเรียนให้กับเธอ
แต่เขารู้อยู่ลึกๆ ว่าเขาทำมันลงไปเพื่อตอบสนองความปรารถนาของตัวเอง
หากไม่เป็นเพราะน้ำตาของเธอในวันนั้น เขาอาจจะไม่สามารถห้ามตัวเองที่ต้องการจะจูบเธอท่ามกลางความมืดนั้นก็เป็นได้
เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลกที่อีกฝ่ายยังคงเรียกเธอว่าพี่ชายโดยไม่รู้ตัวว่ามีหมาป่าที่คอยจะขย้ำตัวเองอยู่ข้างๆ
โม่หันดื่มไวน์ขวดนั้นจนหมดขวดในรวดเดียวอย่างไม่รู้ตัว อาจเป็นเพราะบรรยากาศยามค่ำคืนที่เงียบเหงาและโดดเดี่ยว รวมถึงความมึนเมาที่ได้จากการดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำให้เขาปล่อยตัวปล่อยใจคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ริมฝีปากของเขาแตะที่ขอบแก้วเบาๆ กลิ่นของไวน์แดงที่โชยขึ้นมาที่ปลายจมูก ของเหลวที่สัมผัสไปทั่วลิ้น ช่างเป็นสัมผัสที่คล้ายกับริมฝีปากที่เย็นฉ่ำและเปียกชื้นของซย่าชิงอีในวันนั้น เขาจ้องมองของเหลวสีแดงเข้มและอดไม่ได้ที่จะดื่มมันเข้าไปในรวดเดียว
เช้าวันถัดมา โม่หันตื่นขึ้นมาด้วยอาการเมาค้าง เขาดื่มไวน์จนหมดขวดและผลอยหลับไปบนโซฟา ปวดหัวจนแทบระเบิดเมื่อตื่นขึ้นมา ในยามที่ท้องฟ้าสว่างสดใส เขามองเวลาในโทรศัพท์บนโต๊ะที่บอกเวลาเจ็ดโมงครึ่ง
ยังไม่สายที่เขาจะลุกไปอาบน้ำ เขารีบเช็ดผม แปรงฟัน และเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานเหมือนปกติ เขาไม่มีเวลากินอาหารเช้าก่อนที่จะรีบหยิบกระเป๋าเอกสารออกไปทำงาน
เขาหยุดเท้าเมื่อมาถึงหน้าประตู และต้องการหันกลับไปเร่งซย่าชิงอีให้รีบถ้าไม่อยากไปเรียนสายอย่างไม่รู้ตัว
ทว่าไม่มีใครยืนอยู่ด้านหลังเขา ทั้งบ้านเงียบสงัดจนดูน่ากลัว
สายตาของโม่หันแข็งกร้าวขึ้นขณะที่กระชับเนกไทและผลักประตูออกจากบ้านไป
ในตอนเช้าซย่าชิงอีไม่ได้คิดเหมือนอย่างที่คิดเมื่อคืนที่สงสัยทุกอย่างทั้งที่ยังอยู่ในอาการงัวเงียของตัวเอง เธออยากจะหัวเราะออกมาหน่อยๆ เมื่อคิดถึงการกระทำของตัวเองเมื่อคืน เธอไม่รู้ว่ากลายเป็นคนช่างสงสัยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ไม่ใช่ว่าเธอจะรู้ความจริงทุกอย่างทั้งที่เธอยังไม่ค่อยเข้าใจในเวลาสั้นๆ แบบนี้
เธอมั่นใจว่าสิ่งที่ตัดสินใจไปเมื่อคืนนั้นเชื่อถือไม่ได้นัก เธอจึงใจเย็นลงพร้อมกับท้องฟ้าที่สว่างสดใส เธอจะอยู่ที่นี่ต่อไป
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็มีความทรงจำเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่ของเธอที่บ้านหลังนี้
คำตอบที่เธอต้องการต้องอยู่ในบ้านหลังนี้แน่นอน
เธอเริ่มรู้สึกว่าความทรงจำในอดีตสำคัญกับเธอขึ้นมาเป็นพิเศษ เธอไม่อยากให้ใครมาเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังแต่อยากจะค่อยๆ จำมันได้ด้วยตัวเอง เธอต้องทำให้ได้ ทั้งหมดที่เธอต้องการคือเวลาเท่านั้น
หันเลี่ยงห้ามไม่ให้เธอไปมหาวิทยาลัยในเมือง F มหาวิทยาลัยที่เดิมทีเธอก็เรียนอยู่ที่นั่น เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบ และเขาจะพาเธอไปรายงานตัวกับทางมหาวิทยาลัยเมื่อเธอได้พักผ่อนจนเพียงพอแล้ว
ตอนที่ 154 กลับไปหาโม่หัน
ซย่าชิงอีฟังคำของเขาอย่างว่าง่าย หากเธอจะตามหาความทรงจำของตัวเองที่นี่ เธอยอมหยุดเรียนชั่วคราวแม้จะเป็นหลักสูตรที่เธอชอบก็ตาม
อย่างไรก็ตามเธอบอกหันเลี่ยงว่าต้องไปที่เมือง S วันนี้ เธอต้องการไปจัดการดำเนินการพักการเรียนด้วยตัวเอง และยังมีของบางอย่างของเธอที่ยังอยู่ที่บ้านของโม่หันที่เธอต้องไปเอา
หันเลี่ยงอยากจะไปกับเธอแต่เธอก็ปฏิเสธหนักแน่น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ แม้จะให้เธอสัญญาว่าจะกลับมาภายในสองทุ่มก็ตาม
และซย่าชิงอีก็กลับไปที่เมือง S เพราะเหตุนั้น เธออยากไปกลับชมเมืองและบอกลาเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครรู้
โม่หันคงยังโกรธเธอจนไม่อยากเห็นหน้าเธอตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่กล้าไปเจอเขา เธอจึงเลือกเวลาที่มั่นใจว่าเขาจะไม่อยู่ที่บ้านเพื่อกลับไปเอาของของตัวเองเงียบๆ
เมื่อเธอกลับมา ทั้งบ้านก็ดูว่างเปล่า เธอรู้สึกผิดจนไม่กล้ามองไปตรงๆ ขณะที่ก้าวเข้ามาในบ้าน เมื่อเดินผ่านห้องนั่งเล่น กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ก็ลอยคลุ้งไปทั่ว เธอเหลือบมองบนโต๊ะและเห็นขวดไวน์แดงที่ว่างเปล่าและแก้วที่อยู่ในสภาพเดียวกัน
โม่หันดื่มมันเหรอ
เธอเดินไปหยิบขวดไวน์มามองใกล้ๆ ก่อนจะวางไว้ที่เดิม เสื้อผ้าของเขาที่แขวนไว้ที่ระเบียงแห้งแล้วและเธอก็เดินไปเก็บเข้ามาอย่างเป็นนิสัย
หลังจากมองไปทั่ว เธอก็ลืมเหตุผลที่แท้จริงที่เธอมาที่นี่และเริ่มทำเหมือนตอนที่เธออยู่บ้านปกติ เก็บกวาดโต๊ะและทิ้งขวดไวน์ในถังขยะ รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยหลังทำความสะอาดเสร็จ จากนั้นเธอจึงเดินไปที่ครัวและหยิบผลไม้จากตู้เย็นมา ก่อนจะนั่งลงบนพรมหน้าโซฟาพลางดูโทรทัศน์ไปด้วยขณะที่เริ่มกินผลไม้ในมือ
หลังจากเธอกินแอปเปิ้ล ส้มสามลูกและมันฝรั่งทอดอีกหนึ่งถุงเสร็จ เธอก็รู้สึกตัวนึกถึงเหตุผลที่มาที่นี่ขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงห้าโมงเย็นแล้ว เธอรีบวิ่งไปที่ห้องของเธอและเก็บของของตัวเอง
จริงๆ แล้วเธอไม่ได้มีของมากนัก มันเป็นแค่ของที่ใช้ในชีวิตประจำวันจนเคยชิน เธอไม่ชอบใช้ของใหม่ รวมถึงสิ่งหนึ่งที่โม่หันซื้อให้ หมอนที่ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับของเธอ มันมีกลิ่นธรรมชาติที่ช่วยให้เธอผ่อนคลายและนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เธอยังจำตอนที่เขาซื้อมันมาให้เธอครั้งแรกได้ เธอยังงงว่าทำไมเขาถึงต้องซื้อหมอนด้วย เขาไม่ได้บอกเธอถึงวิธีการใช้มัน เธอจึงแค่โยนมันไว้มุมหนึ่งบนเตียงและไม่ได้สนใจมันมากนัก แต่หลังจากนั้นเมื่อเขาเข้ามาเห็นเธอทับมันไว้ใต้ขาอย่างไม่ใส่ใจ เขาก็อดบอกเธอเรื่องหมอนไม่ได้และให้เธอใช้มันนอนครั้งหน้า
ซย่าชิงอีไม่เชื่อคำของเขานัก แต่หลังจากนั้นเมื่อเธอกอดมันนอนทุกวันก็รู้ว่าเป็นจริงอย่างที่เขาบอก เธอหลับไปอย่างรวดเร็วในทุกๆ คืน บางครั้งเธอยังคิดว่าหมอนใบนี้เป็นเครื่องรางของเธอเสียด้วยซ้ำ
เธอจึงไม่สามารถขาดสิ่งนี้ไปได้ เธอคิดพลางใส่มันลงในกระเป๋า
ในจังหวะที่เธอกำลังนอนลงบนพื้นพลางยืดแขนไปหยิบกระเป๋าใบใหญ่ที่อยู่ใต้เตียง จู่ๆ ประตูห้องของเธอก็เปิดขึ้น
เธอสะดุ้งตัว รีบเงยหน้าขึ้นมองจนศีรษะโขกกับขอบเตียง เธอปีนขึ้นมาขณะที่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บพลางลูบคลึงศีรษะไปมา และเห็นโม่หันยืนอยู่ที่ประตู
“ทำไมพี่กลับมาเร็วนักล่ะคะ” เธอตัวสั่นขณะที่เอ่ยถามเขา
“เธอทำอะไร” ท่าทางของเขายังเหมือนเดิมกับเมื่อวาน ดูท่าแล้วเขาน่าจะยังโกรธเธออยู่ เธอรู้สึกราวกับส่งตัวเองมาตายโดยการมาที่นี่ในวันนี้
“ฉัน… ฉัน… มาเอาของบางอย่างค่ะ ฉันขอโทษ… ฉันคิดว่าพี่จะยังไม่กลับมา”
“เอาอะไร” เขามองไปด้านหลังเธอ
เธอรู้ว่าตอนนี้เธอคงดูเหมือนขโมย เธอหยิบหมอนข้างตัวขึ้นมาอย่างอ่อนแรง “อันนี้ค่ะ… ฉันขอโทษ… ถ้าพี่ไม่ชอบ… งั้นฉันไม่เอาไปก็ได้”
อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ “หมอนนั้นมีค่ากับเธอจนต้องแอบกลับมาเอาเลยเหรอ”
ซย่าชิงอีคิดว่าเขาคงไม่ชอบให้เธอเอาของจากบ้านเขาไป ในขณะที่พวกเขาดูเหมือนจะตัดขาดกันแล้ว เธอรู้สึกไม่มีความสุขกับเรื่องนี้เลยสักนิด “ฉันขอโทษค่ะ… ฉันไม่ควรเอามันไป”