ภาพรักสีจางกลางสมุทร - ตอนที่ 85-86
ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 85 กระเพาะอาหารทะลุ / ตอนที่ 86 วิ่งวุ่นทั้งคืน
ตอนที่ 85 กระเพาะอาหารทะลุ
เด็กสาวปั่นจักรยานจนเหงื่อโทรมกายและใช้แรงเฮือกสุดท้ายเพื่อไปถึงจุดหมาย เธอรู้สึกใจชื้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นป้ายโรงพยาบาลอยู่ข้างหน้า
ซย่าชิงอีตะโกนเรียกหน่วยกู้ชีพเสียงดัง เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามาพร้อมกับรถเข็นผู้ป่วย เธอก็เบาใจมากขึ้น พยาบาลสอบถามเธอระหว่างที่ดูอาการเบื้องต้นให้เขา “เกิดอะไรขึ้นกับเขาคะ”
“เขามีอาการปวดท้องรุนแรง และหมดสติไประหว่างทางที่มาที่นี่ค่ะ”
“น่าจะกระเพาะอาหารทะลุ เร็วเข้า เตรียมห้องผ่าตัด เราจะนำเขาเข้าผ่าตัดเดี๋ยวนี้” พวกเขาอุ้มร่างของเขาขึ้นบนเตียงผู้ป่วยก่อนรีบเข็นเข้าไปด้านใน
หนึ่งในพยาบาลสองคนที่เหลืออยู่พูดขึ้น “คุณไปจัดการเอกสารเข้ารับการรักษาและค่ารักษาพยาบาลก่อนก็ได้นะคะ แล้วค่อยไปรอด้านหน้าห้องผ่าตัด”
เธอพยักหน้ารับอย่างไม่มีสติก่อนรู้ตัวในเวลาถัดมา เธอวิ่งตามเตียงผู้ป่วยที่เขานอนอยู่ด้านบนไป “เดี๋ยวก่อนค่ะ เงินอยู่กับเขา ฉันไม่มีเงินติดตัวเลยค่ะ”
พยาบาลเหลือบมองเธอเงียบๆ แล้วหันหน้ากลับไปทำอย่างอื่น
เด็กสาวเดินวนไปมาหน้าห้องธุรการเพื่อทำเรื่องเข้ารับการรักษา เซ็นยอมรับการรักษาและชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด เดินกลับมาที่ห้องผ่าตัดด้วยท่าทีเหม่อลอย ก่อนพบว่าโม่หันได้รับการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เธอใช้เวลาสักพักก่อนจะหาห้องคนไข้ที่เขานอนพักอยู่เจอในที่สุด เปิดประตูเข้าไปเห็นอีกฝ่ายนอนบนเตียงคนไข้สีขาวสะอาด เขาหลับลึกขณะที่ถูกให้น้ำเกลืออยู่
ในที่สุดความกังวลก็ได้จากเธอไปเมื่อได้เห็นเขาเช่นนี้
ซย่าชิงอีนั่งลงข้างเตียงก่อนรู้สึกตัวว่าง่วงและเหนื่อยเพียงใด ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว เธอหาวและฟุบตัวผล็อยหลับไปหลังจากวิ่งวุ่นมาตลอดทั้งคืน
เธอตื่นขึ้นมาอีกทีในเวลาราวแปดโมงเช้า โม่หันยังคงไม่ฟื้น และเธอก็อยู่ที่นี่ได้ไม่นานเพราะต้องไปเรียนหนังสือ จึงหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาเพื่อโทรหาเพื่อนที่แสนดีของเขา ไป๋อวี่ ให้มารับช่วงต่อ
ไป๋อวี่ตกใจเมื่อได้ยินว่าโม่หันเข้าโรงพยาบาล แต่นั่นไม่ทำให้ตกใจเท่ากับการที่เด็กสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นน้องสาวของโม่หันโทรหาเขา
เขารีบมาที่โรงพยาบาล เด็กสาวคนนี้ที่บอกว่าตัวเองเป็นน้องสาวของโม่หัน เธอเป็นคนเดียวกับคนที่โม่หันพาไปทานอาหารที่ร้านของเขาและเขาต้องมาส่งเธอที่โรงพยาบาลกลางคันไม่ใช่เหรอ เธอกลายไปเป็นน้องสาวของโม่หันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เมื่อเธอเห็นสายตาที่เขามองมา ซย่าชิงอีก็ก้มหน้าลงและบอกเพียงว่าต้องออกไปเรียนหนังสือก่อน
ไป๋อวี่อ้าปากค้างมองเด็กสาวในชุดนอนเดินจากไปอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และคิดกับตัวเองว่าเขาจะถามเรื่องนี้กับโม่หันทีหลังเมื่อเจ้าตัวฟื้นขึ้นมา
หมอเข้ามาดูอาการเป็นพักๆ ในขณะที่โม่หันนอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียง เขาตรวจดูร่างกายของทนายหนุ่มก่อนบอกไป๋อวี่ว่าเพื่อนของเขาโชคดีมาก แม้โรคกระเพาะของเขาจะรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นอาการกระเพาะทะลุ แต่เขาก็ได้รับการรักษาได้ทันเวลาเมื่อคืนนี้ทำให้พ้นขีดอันตรายหลังจากเข้ารับการผ่าตัด แค่ต้องอยู่พักฟื้นและดูอาการที่โรงพยาบาลอีกไม่กี่วันเท่านั้น
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋อวี่ก็มองไปที่โม่หันและคิดว่าบางสิ่งอาจเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วหากเขายังทำงานหนักเช่นนี้ต่อไป เขาเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายมาเกือบห้าปีแล้ว และตั้งแต่ที่เปิดสำนักงานกฎหมายมาเขาก็งานยุ่งอยู่เกือบทุกวัน เพิ่งจะมาดีขึ้นในไม่กี่ปีให้หลังมานี้เอง หากแต่เมื่อเขาเริ่มดูแลบริษัทของตัวเอง เจ้าตัวก็ยุ่งจนแทบจะหาเวลาพักผ่อนไม่ได้
ไป๋อวี่นั่งลงข้างเตียงของอีกคนชั่วครู่ก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงลุกขึ้นมาหาอะไรทำโดยการออกไปเติมน้ำในกา และคุยกับนางพยาบาลสาวสวยบางคนที่จุดประจำการพยาบาลในเวลาเดียวกัน
ทว่าหลังจากเขาก้าวออกไปไม่นาน โม่หันก็ฟื้นและรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
ตอนที่ 86 วิ่งวุ่นทั้งคืน
เมื่อเขาตื่นขึ้นมา แม้จะรู้สึกชาที่บริเวณหน้าท้องแต่ก็ยังเจ็บอยู่เล็กน้อย ลืมตาขึ้นมองรอบตัวที่รายล้อมไปด้วยกำแพงสีขาวสะอาด บนตัวมีผ้าห่มผืนสีเดียวกันคลุมเอาไว้ กลิ่นยาลอยฟุ้งไปทั่วอากาศให้ได้รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่โรงพยาบาล
โม่หันคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ไม่สิ เช้ามืดวันนี้ต่างหาก ความทรงจำสุดท้ายที่นึกได้คือภาพที่เขากำลังอดทนกับอาการปวดท้องรุนแรงก่อนดึงเบรกมือและหยุดรถอยู่ข้างถนน แล้วหลังจากนั้นล่ะ มีเหตุการณ์บางอย่างที่เขาจำไม่ได้ ความรู้สึกที่ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนดึงตัวเขา พร้อมเสียงหอบเหนื่อยที่ดังขึ้น ร่างของเขาพิงแนบชิดกับใครคนนั้น เจ้าของร่างกายนุ่มนิ่ม อบอุ่น ตัวเล็ก และผอมบาง
ใช่ซย่าชิงอีหรือเปล่านะ มีแค่เธอที่อยู่ข้างเขาตอนที่หมดสติไป
ตอนนั้นเธอต้องหวาดกลัวมากแน่ เขาจำยามที่ตัวเองกำลังขับรถมาที่โรงพยาบาลได้ชัดเจน เธอมองมาที่เขาอย่างไม่ละสายตา คิ้วขมวดมุ่น และไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมา
จังหวะที่เขายังอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ไป๋อวี่ก็กลับเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับกาน้ำในมือ
“นายตื่นแล้วเหรอ” ไป๋อวี่นั่งลงข้างเตียงและวางกาน้ำกลับไปไว้บนโต๊ะ “ฉันคิดว่านายจะฟื้นขึ้นมาช้ากว่านี้ซะอีก”
“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้” เขาเอ่ย
ไป๋อวี่มองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “พูดถึงเรื่องนี้ ฉันมีอะไรอยากถามนายเหมือนกัน คนที่โทรหาฉันเป็นน้องสาวของนายเหรอ เธอคือคนที่นายพาไปกินข้าวที่ร้านของฉันก่อนหน้านี้หรือเปล่า”
อีกฝ่ายงุนงงเล็กน้อย “เธอโทรหานายเหรอ”
“ใช่ โทรมาปลุกฉันจากความฝันตอนแปดโมงเช้าให้มาดูแลนายยังไงล่ะ!”
“เธออยู่ที่ไหน”
“เธอไปเรียนแล้ว ออกไปตอนเห็นว่าฉันมาถึงและบอกไว้ว่าจะกลับมาคืนนี้”
คนฟังนิ่งไปและคิดกับตัวเองเงียบๆ
“นี่! นายได้ยินที่ฉันถามไหมเนี่ย! เธอเป็นน้องสาวของนายจริงๆ เหรอ ทำไมฉันไม่เคยได้ยินนายบอกว่ามีน้องสาวมาก่อนเลย”
“ใช่ พ่อแม่ของฉันรับอุปการะเธอตอนที่อยู่ต่างประเทศ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงอยากกลับมาที่จีน พวกท่านก็เลยปล่อยให้เธอกลับมาและมาตามหาฉัน”
“อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะ ฉันถึงไม่เคยได้ยินเรื่องของเธอ ดูจากความสัมพันธ์ของนายกับพ่อแม่แล้ว ไม่แปลกที่นายจะไม่รู้เรื่องชีวิตของพวกเขาที่อเมริกาเลย” ไป๋อวี่ชะงักไปทันทีเมื่อเผลอเอ่ยถึงเรื่องต้องห้ามของอีกฝ่ายระหว่างที่พูดไปเรื่อยๆ “ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องครอบครัวของนาย”
โม่หันกล่าว “ไม่เป็นไรหรอก ที่นายพูดมาก็ถูก”
หมอและพยาบาลเข้ามาระหว่างที่ทั้งคู่พูดคุยกัน เมื่อเห็นว่าคนบนเตียงฟื้นแล้ว พวกเขาก็เดินเข้ามาด้านหน้าเตียงเพื่อตรวจบันทึกการรักษาก่อนถามขึ้น “คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไรครับ”
“เมื่อสักครู่นี้เองครับ” เขาตอบ
หมอในชุดกาวน์สีขาวตัวโคร่งตรวจดูแผลจากการผ่าตัดเมื่อคืนก่อนกล่าว “คุณโชคดีที่ได้รับการรักษาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงไม่รักษาได้ด้วยการผ่าตัดเล็กๆ แบบนี้แน่ครับ”
เขานิ่งเงียบและดึงชายเสื้อของตัวเองลง
อีกฝ่ายที่เห็นว่าเขายังคงไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผิดกับน้องสาวที่นั่งตื่นตระหนกรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเมื่อคืน “สำหรับคุณ มันอาจจะเป็นแค่การเข้ารับการผ่าตัดเล็กๆ แต่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับน้องสาวของคุณนะครับ”
เขากล่าวต่อ “คุณไม่ได้เห็นว่าเธอเป็นยังไงตอนที่ล้มตัวลงบนพื้นและหอบหายใจหนักหลังจากแบกคุณมาส่งที่โรงพยาบาลกลางดึก ผมเกือบคิดว่าเธอเป็นคนที่ป่วยซะเองแล้ว นอกจากเธอจะพาคุณมาส่งที่นี่แล้วยังเป็นคนจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้คุณด้วย ทั้งไปรับยาและเดินตามหาห้องคนไข้ เธอวิ่งวุ่นทั้งคืนจนเช้าก่อนผมจะเห็นว่าเธอฟุบหลับไป”
พยาบาลที่อยู่ข้างๆ พูดเสริมขึ้นมา “ใช่แล้วค่ะ ตอนที่ฉันมาเปลี่ยนกะเมื่อเช้า เธอยังวิ่งมาที่สถานีพยาบาลเพื่อบอกให้ฉันไปบันทึกการให้น้ำเกลืออยู่เลยค่ะ ดูท่าแล้วเธอจะไม่ได้นอนมาทั้งคืน ตอนคุณออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อเช้า ฉันยังเห็นเธออยู่ที่ล็อบบี้อยู่เลยนะคะ” เธอจดบันทึกข้อมูลของคนไข้หนุ่มหล่อขณะที่พยายามหาโอกาสพูดกับเขาเพื่อให้เขาจำหน้าเธอได้