ภาพรักสีจางกลางสมุทร - ตอนที่ 91-92
ตอนที่ 91 แค่อยากกอด
“พี่ลืมไปแล้วว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น พี่อาจจะร้องไห้ออกมาแต่ก็จำได้แค่รางๆ เท่านั้นแหละ” โม่หันส่ายหน้าก่อนเล่าต่อ “หลังจากนั้นพี่ก็รู้ว่าพ่อแค่วางท่าเป็นคนดีและอบอุ่นต่อหน้าพนักงานที่บริษัทเท่านั้น จริงๆ แล้วเขาติดยาและดูเหมือนว่าแม่ก็จะรู้เรื่องนี้ด้วย วันนั้นเขาอยากได้ยาเลยลงไม้ลงมือกับแม่เพราะเธอไม่ยอมให้เขาเสพ เขาเลยควบคุมตัวเองไม่ได้จนทำร้ายเธอเข้า
“หลังจากวันนั้นพวกเขาก็แสร้งทำตัวเหมือนปกติ ควงแขนกันมาร่วมการประชุมผู้ปกครองอย่างหน้าชื่นตาบาน บอกเพื่อนร่วมชั้นให้ช่วยดูแลพี่ตอนที่เจอหน้าพวกเขา ปรึกษาเรื่องการใช้ชีวิตและการเรียนต่อกับคุณครู
“แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเรื่องราวเบื้องหลังมันเป็นยังไง พวกเขาไม่หลบซ่อนการกระทำอีกต่อไปหลังรู้ว่าพี่รู้เรื่องยาแล้ว พวกเขาไม่เคยห้ามและให้อิสระกับพี่อย่างเต็มที่ พ่อยังคงเสพยาอยู่ที่บ้านในขณะที่แม่ทุบตีเขาและห้ามไม่ให้เขาเสพมัน เขาเลยทำร้ายเธอกลับ
“เธอไม่เคยเห็นรอยยิ้มที่เขาส่งมาให้ตอนที่ร่างทั้งร่างของเขาสั่นระริกจากการเสพยา มันเป็นภาพที่ลืมไม่ลงเลยล่ะ” น้ำเสียงของโม่หันสั่นไหวเล็กน้อย “เขายังเคยถามพี่ด้วยว่าอยากจะลองไหมตอนที่นั่งเสพมันเข้าร่างกายบนพื้น”
ซย่าชิงอีอดไม่ได้ที่จะกระชับมือของตัวเองลงบนมือของอีกฝ่ายขณะที่สบตาเขาไปด้วย
เขาสบตาเธอครู่หนึ่งแต่ไม่ได้ดึงมือออก “ในที่สุดแม่ของพี่ยอมแพ้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้หย่ากัน พี่รู้ว่าแม่ฝืนใจอยู่กับเขาเพราะทรัพย์สมบัติ เธอจะไม่เหลืออะไรเลยถ้าไม่มีพ่อ เธอเริ่มใช้เงินของพ่อออกไปหาผู้ชายคนอื่นและพาเข้ามาในบ้าน บางครั้งก็พามาถึงเตียง จากนั้นพ่อก็จะเริ่มทำร้ายเธออีกครั้ง วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น”
เด็กสาวกุมมือของเขาไว้ขณะนั่งฟังเงียบๆ
“พี่ตัดขาดกับพวกเขาหลังจบมัธยมปลาย พี่บอกพวกเขาว่าหลังจากนี้พี่ไม่ใช่ลูกชายของเขาแล้วและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป แล้วก็หวังว่าพวกเขาจะไม่มายุ่งเกี่ยวอะไรกับชีวิตพี่เหมือนกัน”
ไม่ว่าเขาจะเก็บซ่อนความรู้สึกขณะที่เอ่ยเรื่องราวเหล่านั้นออกมาได้แนบเนียนขนาดไหน ซย่าชิงอีก็ยังสัมผัสได้ถึงฝ่ามือเย็นเฉียบของเขาขณะที่มันสั่นระริก
เธอกระชับมือที่กุมมือเขาอย่างต้องการส่งต่อความอบอุ่นจากเธอไปให้เขา จากนั้นก็ละสายตาที่สบตากับเขาอยู่เพราะรู้ว่าในตอนนี้เขาคงไม่อยากให้เธอทำเช่นนั้น
“เงินทั้งหมดที่พี่ใช้ก่อตั้งสำนักงานกฎหมายขึ้นเป็นเงินที่พี่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย แต่ถึงยังไงพี่ก็ต้องขอบคุณพ่อ เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ พอคนรู้จักของเขารู้ว่าลูกชายของเขากำลังหาเงินด้วยตัวเอง พวกเขาก็เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้ พ่อแม่ไม่เคยเข้ามาวุ่นวายเรื่องของพี่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยสักนิด พวกเขาโอนเงินมาให้แต่พี่ก็ไม่เคยแตะเงินในบัญชีนั้นเลย”
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของเขา “จริงๆ พี่ก็เข้าใจพวกเขานะ พ่อไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปหลังจากเขาติดยา เขาอยากให้พี่อยู่ห่างๆ จากเขาเพื่อที่จะรักษาความลับของเขา ส่วนแม่ เธอคงไม่อยากให้ผู้ชายที่เธอหามาจากข้างนอกรู้ว่าจริงๆ แล้วเธอมีลูกชายที่โตขนาดนี้แล้ว
“ทีนี้เธอก็รู้แล้วว่าทำไมพี่ถึงไม่บอกเรื่องของเธอ มันไม่มีเหตุผลที่ต้องบอก พวกเขาไม่เคยสนใจอยู่แล้ว ส่วนแฟนเก่าของพี่ มันเป็นเรื่องฉุกละหุกน่ะ พี่ไม่คิดว่าเฉินโหรวจะกลับมาเจอเธอเข้า” เขาเอ่ยพลางมองอีกฝ่าย ในขณะที่เธอก้มหน้าแทนที่จะมองเขากลับ
วินาทีถัดมา สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อซย่าชิงอีอ้าแขนโอบกอดเขาไว้
ร่างผอมบางของเธอโอบรอบตัวเขาไว้อย่างอ่อนโยน พร้อมกับความอบอุ่นและกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวเธอ
ศีรษะเอนซุกเข้ากับหน้าอกของเขา มือทั้งสองข้างประสานเข้าหากันด้านหลังขณะที่โอบกอดเขาไว้แนบแน่น
ตอนที่ 92 เชื่อใจ
“ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีค่ะ ฉันเสียใจเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ ฉันแค่อยากจะกอดพี่เท่านั้น” ซย่าชิงอีเอ่ยขึ้น
โม่หันงงงันกับอ้อมกอดของเธอ มือข้างหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของเธอ เขาต้องการผลักเธอออกจากตัวหากแต่วินาทีถัดมาก็เปลี่ยนใจแล้วทำเพียงวางมือไว้ที่เดิมเพื่อบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ และมันทำให้เขาอยากกอดเธอกลับ
“เธอไม่ต้องกลัวว่าจะถูกไล่ออกจากที่นี่ถ้าครอบครัวของพี่รู้เรื่องของเธอหรอกนะ ไม่ต้องกังวล พี่ไม่มีครอบครัวที่ไหนหรอก” เขาว่าพลางหัวเราะเบาๆ อย่างสิ้นหวัง
“มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ พี่มีฉันอยู่นะคะ” เธอกล่าวเสียงแผ่วเบา เงยหน้าสบมองเขาขณะที่เขาก็ก้มหน้าสบตาเธอเช่นกัน ใบหน้าใกล้กันเพียงคืบจนเธอเห็นหนวดเคราอ่อนๆ ที่คางของอีกฝ่าย
ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เข้าจู่โจมเขา โม่หันหลบตาเด็กสาวพร้อมถอยห่างจากเธอ เขาดันตัวเธอออกพลางส่งยิ้มอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ต่อไปฉันจะเชื่อฟังพี่นะคะ พี่ชาย” เธอพูด
โม่หันยกยิ้มอีกครั้ง มือยีผมของเธอจนยุ่งเหยิงก่อนเอ่ยขึ้น “ไปนอนได้แล้ว”
เธอทำเพียงจ้องมองเขาเนิ่นนานก่อนเข้ามากอดเขาอีกครั้งพร้อมกระซิบบอกฝันดีข้างหูของอีกฝ่าย
หวังให้เขารับรู้ความรู้สึกของตัวเองว่าเธอจะอยู่ข้างเขาเสมอแม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้ก็ตาม สิ่งเดียวที่เธอมอบให้เขาได้คืออ้อมกอดอุ่นๆ นี้
โม่หันเป็นเพียงคนเดียวที่เธอสามารถเชื่อใจได้ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลด้วยความทรงจำที่ว่างเปล่า ครั้งนี้เธออยากจะเป็นคนมอบบางสิ่งที่เขาสามารถเชื่อใจได้เช่นกัน
เขาสัมผัสถึงน้ำเสียงอ่อนหวานที่บอกฝันดีกับเขาขณะที่ศีรษะของเธออิงแอบกับหัวไหล่ เขาควรที่จะผลักเธอให้ห่างจากตัว แต่มือของเขากลับไม่ยอมทำตาม มันโบกไปมาค้างในอากาศ
คนตัวสูงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องบอกเรื่องของพ่อแม่ให้เธอรู้ เขาเก็บงำเรื่องนี้ไว้ลึกสุดของจิตใจมานานโดยไม่ได้บอกใคร เด็กสาวตรงหน้าคนนี้ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ ไม่แม้แต่เกี่ยวข้องกับความวุ่นวายในครอบครัวของเขาด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังเล่าให้เธอฟัง
ทีแรกเขาคิดว่าคงจะรู้สึกหดหู่ในใจไม่น้อยหลังจากเล่ามันออกมา แต่ในจังหวะที่อีกฝ่ายเข้ามาโอบกอด เขาก็รู้สึกราวกับยกหินออกจากอกอย่างน่าประหลาดใจ
ความรู้สึกที่ในที่สุดหัวใจก็ได้ผ่อนคลายลงหลังจากถูกเมฆหมอกดำครึ้มครอบงำมาเนิ่นนาน
เขาสัมผัสได้ถึงฝันดีที่จะมาเยือนเขาในค่ำคืนนี้
พนักงานในบริษัทพากันจัดงานเลี้ยงในโอกาสที่โม่หันออกจากโรงพยาบาลและเพิ่งปิดคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อนได้ พวกเขาต้องการฉลองที่เจ้านายของพวกเขาหายเป็นปกติและการพิจารณาคดีผ่านไปได้ด้วยดีหลังจากสู้กันในศาลมากว่าครึ่งปี
แน่นอนว่าทั้งสองเป็นเหตุผลรอง เหตุผลหลักคือเหล่าพนักงานสาวต้องการใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาความสัมพันธ์กับเจ้านายของพวกเธอ พวกเธอแทบจะอดใจไว้ไม่อยู่หลังจากรู้ข่าวว่าในที่สุดทนายโม่ที่มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนมานานก็กลับครองตัวเป็นโสดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามพวกเธอก็ไม่ได้คาดหวังไว้กับงานเลี้ยงครั้งนี้สูงนัก เนื่องจากรู้ว่าเจ้านายของพวกเธอไม่สันทัดกับงานเลี้ยงและความบันเทิงแบบนี้เท่าไหร่
ด้วยเหตุนี้อันนา เลขาของโม่หันจึงต้องแจ้งเรื่องงานเลี้ยงที่วางแผนกันไว้นี้ให้เขาทราบ เธอตกใจไปชั่วขณะเมื่อเขานิ่งคิดไปเพียงไม่กี่วินาทีและอนุมัติให้จัดได้
ผลออกมาตรงข้ามกับสิ่งที่คิดไว้ถนัด เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ตอนที่เธอโทรไปถามเขา
สถานการณ์ที่อีกฟากของปลายสาย ซย่าชิงอีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นในตอนที่เขารับสาย เธอเลือกนั่งบนพรมและพิงตัวกับโซฟามากกว่าที่จะนั่งบนมันเหมือนปกติ กินขนมที่วางไว้บนหน้าขาพลางดูหนังน้ำเน่าที่กำลังออกอากาศในโทรทัศน์ เสียงหัวเราะของเธอหลุดออกมาเรื่อยๆ ขณะที่ทำท่าล้อเลียนตัวละครในหนัง