ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 135
ตอนที่ 135 เสาดาราจักร
สัตว์ร้ายขนาดยักษ์กินเมิ่งชวนเข้าไป เขาถูกวังวนสีดํานั้นดูดเข้าไปเรื่อยๆ
จากนั้นไม่นานเขาก็สามารถสัมผัสถึงพื้นได้ในขอบเขตสัมผัสของเขา เขาใช้วิชาการเคลื่อนไหว ก่อนจะลงพื้นอย่างเงียบๆ และมองไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง
ท่านอาจารย์บอกว่าที่นี่คือดินแดนที่มีค่าที่สุดของเขาหยวนชู เมิ่งชวนมองดูรอบๆอย่างละเอียด เขาอยากจะให้ข้ารับ “โอกาส” ที่แข็งแกร่งไปอย่างนั้น แต่ “โอกาส” ที่ว่านั่นมันอยู่ไหนกันล่ะ?
”
หมอกขาวจางๆปกคลุมโดยรอบ เมื่อหมอกนั้นเริ่มจางไปเขาก็เริ่มเห็นเสาที่สูงไปถึงสวรรค์เลยทีเดียว!
เมิ่งชวนมองไปรอบๆ เสาเหล่านี้มีอยู่ทุกที่ ทุกๆเสานั้นห่างจากกันเท่าๆกัน
มีเสาทั้งหมด 12 เสา ทุกๆต้นนั้นสูงเสียดฟ้า พวกมันตั้งเรียงกันเบี้ยวงกลม เมิ่งชวนมองไปที่พื้น พื้นนั้นถูกทําขึ้นจากหินพิเศษสีดํา มันเป็นหินที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
เมิ่งชวนกระทืบลงพื้น
หากอยู่ข้างนอกก็คงจะมีหลุมกว้างกว่าสิบยั้งเกิดถึงเมื่อเขาใส่แรงเข้าไปในการกระแทกนั้นเพียงเล็กน้อย! แต่ว่าหินสีดํานั้นสั่นนิดหน่อยแต่ก็ไม่เสียหายอะไร แม้แต่รอยขีดข่วนก็ไม่มี
“โอกาส” ที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนกัน?” ชอบเขตการรับรู้ของเมิ่งชวนทําให้เขาสามารถมองเห็นได้ไกลกว่าตาเห็น แต่ว่าเขาก็ยังไม่เจอ “โอกาส” ที่ถูกซ่อนเอาไว้ในระยะยี่สิบจิ้งจากที่เขายืนอยู่เลย
“ที่สะดุดตามากที่สุดก็คงเป็นเสาทั้งสิบสองต้น ข้าจะลองไปดูมันก่อน” เมิ่งชวนเดินไปที่เสาต้นหนึ่งด้วยความสงสัย
จู่ๆเมิ่งชวนก็เห็นหมอกสีแดงลอยขึ้นมาจากพื้นด้านหน้า หมอกสีแดงนั้นลอยขึ้นมาและก่อตัวเป็นชายชุดคลุมสีแดง ชายคนนั้นมองมาที่เมิ่งชวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาพุ่งใส่เมิ่งชวน
มันไม่มีชีวิต มันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังงานบางอย่าง เขตการรับรู้ยี่สิบจังของเมิ่งชวนมองดูร่างตรงหน้าได้อยางทะลุปรุโปร่ง
ฟุบ
เขาชักกระบี่ฟันในทันที เฉือนชายชุดแดงคนนั้นไป
ความแข็งแกร่งของชายคนนั้นเทียบเท่ากับเทพอสูรที่พึ่งถือกําเนิดใหม่ เขาอ่อนแอ เมิ่งชวนมองดูชายชุดแดงด้วยความระมัดระวัง ร่างของมันเปลี่ยนกลับกลายเป็นหมอกสีแดง ที่ตอนนี้เริ่มปกคลุมรอบข้าง
หมอกสีแดงลอยขึ้นมาจากพื้นและเปลี่ยนกลายเป็นชายชุดสีแดง พวกมันโผล่มาพร้อมกันร้อยตัว และมันยังเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ
ฟิวๆๆ
ชายชุดแดงเหล่านั้นโจมตีใส่เมิ่งชวน แต่ละคนนั้นมีร่างกายต่างกัน บ้างตัวสูงใหญ่ บ้างตัวเล็กเตี้ย บ้างวิ่งไวกว่าตัวอื่น บางตัวใช้มือเปล่า ในขณะที่บางตัวใช้อาวุธหลากหลายชนิด
ฮี เมิ่งชวนยืนอยู่เฉยๆรอให้เหล่าชายชุดแดงโจมตีใส่เขาก่อนที่จะทําอะไร
เขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและเคลื่อนที่อย่างแปลกประหลาด เขาพุ่งผ่านร่างของชายชุดแดงเหล่านั้นและแทงเข้าไปอย่างเงียบงัน เมิ่งชวนใช้วิชาที่ไวที่สุดของเขา ท่าหยินสุดยอด! ท่าหยินสุดยอดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของดวงใจกระบี่ มันไม่ใช้การสลับหยินหยางและนํามาใช้ในความเร็วแทน วิชานี้เหมาะแก่การสังหารศัตรูที่อ่อนแอกว่ามาก
กระบี่ถูกฟันออกไปอย่างเงียบงัน เพียงการฟันแค่ครั้งเดียวเขาก็สามารถฟันผ่านชายชุดแดงได้สามถึงสี่คน จากนั้นเขาก็ใช้วิชาการเคลื่อนไหวพุ่งไปฟันชายชุดแดงอีกสองคนต่อ
กระบี่ยังคงตวัดไปมาอย่างเงียบงัน
เพียงชั่วพริบตา ชายชุดสีแดงกว่าร้อยคนก็ถูกฟันและสลายกลายเป็นหมอกสีแดงทําให้หมอกโดยรอบหนาขึ้นเรื่อยๆ
โอ๊ะ? เมิ่งชวนรู้สึกได้ในทันทีว่าปราณที่คอยปกป้องร่างเขาไม่สามารถทนหมอกสีแดงที่หนาแน่นนี้ได้อีกต่อไป มันซึมเข้าไปในร่างและสติของเขา
หมอกสีแดงไม่ได้ส่งผลอะไรต่อร่างของเขา แต่มันส่งผลต่อสติ เขาจะกลายเป็นบ้า
เพียงชั่วความคิด แก่นสารแห่งจิตของเขาก็กันหมอกสีแดงนั่นไปและทําให้สติของเขายังคงอยู่
จํานวนของชายชุดแดงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมิ่งชวนรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่ตําแหน่งที่ดีที่เขาจะอยู่ ยิ่งเขาสังหารมันไปมากเท่าไหร่ ชายชุดแดงก็จะโผล่ออกมามากเท่านั้น ความแข็งแกร่งของพวกมันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
หลังจากที่เมิ่งชวนสังหารชายชุดแดงไปมากกว่าพันคน ในหมู่ชายชุดแดงก็มีกระทั่งนักเกาทัณฑ์โผล่ออกมา! พวกมันยิงจากระยะไกลและลูกดอกของพวกมันทรงพลังมากจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะรับมัน
เหล่าชายชุดแดงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พวกมันบางตนแทบจะแข็งแกร่งถึงระดับมหาสุริยันแล้วด้วยซ้ํา เมิ่งชวนแอบตกใจ เขาใช้วิชาการเคลื่อนไหวต่อไปและสามารถควบคุมสถานการณ์ในสนามรบเอาไว้ได้ มีเพียงชายชุดแดงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถโจมตีใส่เขาได้พร้อมกัน
หมอกนี่ เมิ่งชวนยังทนรับการโจมตีของชายชุดแดงต่อไป ความเร็วของเขานั้นเทียบได้กับราชันเทพอสูร หากเขาอยากจะหนีพวกมันคงตามมาไม่ทันแน่นอน แต่ในตอนนี้เขาควบคุมสถานการณ์การรบอยู่ เขาสามารถแยกออกเป็นกลุ่มเล็กๆก่อนที่จะสังหารพวกมัน! หากแต่ว่าหมอกสีแดงมันส่งผลกระทบต่อสติของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แก่นสารแห่งจิตของเขาทนรับไม่ไหว และทําให้หมอกสีแดงส่วนหนึ่งเข้าสู่ทะเลแห่งสติของเขา
หัวใจของเมิ่งชวนเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
“ข้าสังหารพวกมันต่อไปไม่ได้แล้ว ยิ่งขาสังหารพวกมันไปมากเท่าไหร่ หมอกสีแดงก็จะหนาขึ้นมากเท่านั้นแล้วข้าก็จะเสียการควบคุม” เขาได้แต่ใช้วิชาการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะหนีจากชายชุดสีแดงกว่าพันคนนั้น
อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าร่างอสูรตัดสายฟ้าที่สมบูรณ์ของเขานั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด ชายชุดแดงส่วนมากแข็งแกร่งพอๆกับเทพอสูรระดับแดนอมตะ มีเพียงบางคนที่แข็งแกร่งเท่าระดับมหาสุริยัน หากพวกมันทุกตัวเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยันล่ะก็ เมิ่งชวนคงจะทนรับการโจมตีไม่ไหวและพลาดท่าไปนานแล้ว! แต่โชคยังดีที่เขาสามารถสะบัดพวกมันหลุดได้ด้วยความเร็วของเขา เหล่าชายชุดแดงไม่เป็นปัญหาแก่เมิ่งชวนเลยแม้แต่น้อยในขณะที่เขาวิ่งวนไปทั่วสนามรบ
หลังจากวิ่งไปซักพัก เหล่าชายชุดแดงก็ทรุดตัวลง ทําให้หมอกสีแดงหนาขึ้นอีกครั้ง
ไม่ดีแล้ว! แก่นสารแห่งจิตของเมิ่งชวนทนรับมือไม่ไหวจนหมอกสีแดงได้จมเข้าไปในทะเลแห่งสติของเขา
จู่ๆหมอกสีแดงก็หายไป
ฟูวๆๆ! หมอกสีแดงซึมกลับเข้าไปในหินสีดําและทุกๆอย่างก็กลับมาเป็นปกติ
จากนั้นก็มีหมอกสีขาวโผล่ออกมาและเปิดทางให้เมิ่งชวนไปยังเสาต้นสูงทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้
“มันอยากจะให้ข้าไปทางนั้นอย่างนั้นรึ?” เมิ่งชวนรู้สึกงุนงง เขาพยายามจะเดินไปข้างๆ แต่หมอกสีขาวก็ก่อตัวเป็นกําแพงที่มองไม่เห็นคอยกันเขาไม่ให้มุ่งหน้าไปทางอื่น
“ข้าได้แต่เดินไปข้างหน้าแล้วเท่านั้น” เมิ่งชวนไม่ลังเลที่จะเดินหน้าไป เขาคอยมองดูรอบข้างอย่างละเอียด เสาอีก 11 ต้นนั้นพร่ามัวในหมอก และเขาก็ไม่สามารถเข้าใกล้มันได้
หลังจากเดินไปกว่าล้ําครึ่ง เขาก็ไปถึงเสา
เสาที่สูงใหญ่ต้นนี้เป็นสีดําสนิท แต่ว่ามันเปล่งแสงสีแดงออกมา
ฟุบ
มีลําแสงพุ่งออกมาจากเสาและส่องลงเมิ่งชวน
ผลึกเล็กๆเจาะเข้าไปในร่างของเมิ่งชวน ผลึกเล็กๆนี้เล็กเสียยิ่งกว่าฝุ่นซะอีก! มันเล็กกว่าสิ่งใดที่เมิ่งชวนเคยเห็นมาก่อน มันเล็กมากขนาดที่ปราณและร่างกายของเขาไม่สามารถป้องกันมันได้เลยด้วยซ้ํา มันเข้าสู่ร่างของเมิ่งชวนอย่างง่ายดายและเข้าไปตรงกลางอกของเมิ่งชวนที่ที่มีเส้นชีพจรกลางอยู่
เส้นชีพจรกลางนั้นเป็นจุดที่สําคัญมากๆของร่างเทพอสูร
ครืน!
เมื่อผลึกขนาดเล็กนั้นเข้าสู่เส้นชีพจรกลางก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น จุดๆนั้นได้เปลี่ยนกลายเป็นพื้นที่ที่แยกจากเดิมโดยสิ้นเชิง เหมือนกับจุดตันเถียนและทะเลแห่งสติ
“จุดตันเถียนกลาง!” เมิ่งชวนรู้สึกตัวในทันที
จุดตันเถียนล่างนั้นเป็นที่ที่ปราณรวมกันอยู่ ส่วนจุดตันเถียนกลางนั้น ที่เส้นชีพจรกลางอยู่เป็นที่ที่ราชันเทพอสูรจะควบแน่นผลึกโลหิตเทพอสูร ในขณะที่พวกเขาฝึกฝนร่างเทพอสูร ผลึกโลหิตเทพอสูรนั้นจะถูกเก็บไว้ในจุดตันเถียนกลาง
ตันเถียนบนคือทะเลแห่งสติ และเป็นที่ที่แก่นสารแห่งจิตอยู่
มีเพียงราชันเทพอสูรเท่านั้นที่สามารถเปิดจุดตันเถียนกลางได้ “ผลึกเล็กๆนั้นช่วยให้ข้าเปิดจุดตันเถียนกลางอย่างนั้นหรือ?” เมิ่งชวนยังคงงุนงง เมื่อเขามองดูผลึกเล็กๆแปลกๆนั่น ข้อมูลมหาศาลก็ไหลเข้าสู่สติของเขา
เมิ่งชวนยืนอยู่ตรงหน้าเสานิ่งไม่ขยับไปไหน เขาต้องใช้เวลาซักพักในการประมวลผลข้อมูลจํานวนมหาศาลนั้นอยู่
ฟูวววว
กระแสน้ําวนสีดําปรากฏขึ้นข้างๆเขาและดูดเมิ่งชวนเข้าไป
เมิ่งชวนถูกโยนออกมาจากดินแดนสมบัตินั้น
เขาพยายามจะลุกขึ้นมาอย่างโซเซ เขาเห็นอาจารย์ของเขาและหญิงสาวในชุดสีขาวทอง
“ข้าออกมาแล้วรึ?” เมิ่งชวนดูงุนงง นี่ข้าเข้าไปนานแค่ไหนกัน??
“เขาใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียว นั่นไวมากเลยนะ” ลู่ถางพูด “เมิ่งชวน “โอกาส” ที่เจ้าได้มานั่นเป็นอะไรกัน?”
ข้างๆเธอนั้นเอง จินหวูก็ยิ้มและกล่าว “ระยะเวลาที่ใช้ในถ้ําสวรรค์หยวนชูมันไม่ส่งผลต่อคุณภาพของ “โอกาส” หรอก เมิ่งชวน “โอกาส” ที่เจ้าได้มานั้นเป็นแบบไหร่กัน?”
“ได้อะไรมาอย่างนั้นหรือขอรับ?” เมิ่งชวนยังคงงุนงง นั่นก็เพราะข้อมูลที่ผลึกเล็กๆนั่นใส่เข้ามาในสมองของเขามันมากจนเขาต้องตกใจ